
อ่านเจอบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ แล้วคิดตาม ก็จะถึงบางอ้อทันทีว่า ทำไมหุ้นหลายๆตัว เมื่อ ราคาตกลงมาแล้ว มักจะไม่ค่อยกลับไปยืนเหนือราคาเก่า มีหนำซ้ำพอราคาตกปุ๊บ บทวิเคราะห์จะออกมาลดราคาเป้าหมายเพื่อปิดฝาโลงทันที ล่าสุดก็ KTC หลักในการเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยที่สุดผมจึงคิดว่ามีแค่ 2 วิธีเท่านั้น
1. กำหนดจุดซื้อขาย ด้วยการคำนวนราคาเป้าหมายด้วยตัวเอง อย่าอ่านหรือเชื่อบทวิเคราะห์อย่างเดียว
2. กำหนดจุดซื้อขายด้วย technical
บทความส่วนหนึ่งของ ดร.นิเวศน์
" ราคาหุ้นนั้นแม้ว่าจะตกลงมามาก แต่ราคาก็ยังสูงมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นก่อนที่จะขึ้น ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ “โอกาสซื้อที่ยิ่งใหญ่” นั้น เราจะต้องวิเคราะห์ดูถึงมูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นของตัวธุรกิจหลักว่าควรจะมีค่าเท่าไรเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา
ถ้าเราพบหุ้นที่มีราคาทิ้งดิ่งลงมาเนื่องจากเหตุการณ์ที่พบหรือคนสงสัยว่าเป็นเรื่องของความฉาวโฉ่หรือเป็น “ของปลอม” นั้น อย่าไปคิดว่ามันเป็น “โอกาสซื้อที่ยิ่งใหญ่” ว่าที่จริงโอกาสที่จะเกิดแบบนั้นมีน้อยมาก ในชีวิตเราน่าจะมีไม่กี่ครั้ง การวิเคราะห์เองก็ไม่ง่าย ที่สำคัญก็คือ เป็นเรื่องยากที่จะ “Un-learn” หรือถอนความทรงจำและการเรียนรู้ของเราต่อตัวหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ นั่นก็คือ ถ้าเรามีภาพที่ดีต่อตัวหุ้นก่อนเกิดเหตุการณ์ เราก็อาจจะคิดว่าในที่สุดบริษัทก็จะดีขึ้นเหมือนเดิม เราไม่สามารถเห็น “ภาพใหม่” ที่อาจจะถูกต้องเป็นจริงมากกว่า นี่อาจจะต้องใช้เวลาให้สมองของเราค่อย ๆ ซึมซับภาพใหม่ที่ทยอยเกิดขึ้น และเมื่อถึงวันนั้นเราก็จะสามารถมองบริษัทหรือหุ้นได้ถูกต้องและไม่ลำเอียง ซึ่งสำหรับบางคนแล้ว มันก็อาจจะช้าเกินไป แต่สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรช้าเกินไปสำหรับการลงทุน สำหรับผมแล้ว “เสียดายดีกว่าเสียใจ” ถ้าตัดสินใจเร็วแล้วผิดพลาด "
บทความดีๆ ดร.นิเวศน์
อ่านเจอบทความนี้ของ ดร. นิเวศน์ แล้วคิดตาม ก็จะถึงบางอ้อทันทีว่า ทำไมหุ้นหลายๆตัว เมื่อ ราคาตกลงมาแล้ว มักจะไม่ค่อยกลับไปยืนเหนือราคาเก่า มีหนำซ้ำพอราคาตกปุ๊บ บทวิเคราะห์จะออกมาลดราคาเป้าหมายเพื่อปิดฝาโลงทันที ล่าสุดก็ KTC หลักในการเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยที่สุดผมจึงคิดว่ามีแค่ 2 วิธีเท่านั้น
1. กำหนดจุดซื้อขาย ด้วยการคำนวนราคาเป้าหมายด้วยตัวเอง อย่าอ่านหรือเชื่อบทวิเคราะห์อย่างเดียว
2. กำหนดจุดซื้อขายด้วย technical
บทความส่วนหนึ่งของ ดร.นิเวศน์
" ราคาหุ้นนั้นแม้ว่าจะตกลงมามาก แต่ราคาก็ยังสูงมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้นก่อนที่จะขึ้น ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ “โอกาสซื้อที่ยิ่งใหญ่” นั้น เราจะต้องวิเคราะห์ดูถึงมูลค่าพื้นฐานที่ควรจะเป็นของตัวธุรกิจหลักว่าควรจะมีค่าเท่าไรเมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา
ถ้าเราพบหุ้นที่มีราคาทิ้งดิ่งลงมาเนื่องจากเหตุการณ์ที่พบหรือคนสงสัยว่าเป็นเรื่องของความฉาวโฉ่หรือเป็น “ของปลอม” นั้น อย่าไปคิดว่ามันเป็น “โอกาสซื้อที่ยิ่งใหญ่” ว่าที่จริงโอกาสที่จะเกิดแบบนั้นมีน้อยมาก ในชีวิตเราน่าจะมีไม่กี่ครั้ง การวิเคราะห์เองก็ไม่ง่าย ที่สำคัญก็คือ เป็นเรื่องยากที่จะ “Un-learn” หรือถอนความทรงจำและการเรียนรู้ของเราต่อตัวหุ้นที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ นั่นก็คือ ถ้าเรามีภาพที่ดีต่อตัวหุ้นก่อนเกิดเหตุการณ์ เราก็อาจจะคิดว่าในที่สุดบริษัทก็จะดีขึ้นเหมือนเดิม เราไม่สามารถเห็น “ภาพใหม่” ที่อาจจะถูกต้องเป็นจริงมากกว่า นี่อาจจะต้องใช้เวลาให้สมองของเราค่อย ๆ ซึมซับภาพใหม่ที่ทยอยเกิดขึ้น และเมื่อถึงวันนั้นเราก็จะสามารถมองบริษัทหรือหุ้นได้ถูกต้องและไม่ลำเอียง ซึ่งสำหรับบางคนแล้ว มันก็อาจจะช้าเกินไป แต่สำหรับผมแล้ว ไม่มีอะไรช้าเกินไปสำหรับการลงทุน สำหรับผมแล้ว “เสียดายดีกว่าเสียใจ” ถ้าตัดสินใจเร็วแล้วผิดพลาด "