ตัดสินใจลาออกจากงานดีไหม

สวัสดีครับ จขกท. อายุ 29 ปีครับ ทำงาน it support อยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ทำงานที่ปัจจุบันมา 4 ปีกว่าๆแล้ว ช่วงแรกที่เข้ามายอมรับปรับตัวยากมาก เพราะโดนส่วนตัวเป็นคนที่ค่อนข้างเข้ากับคนอื่นได้ยาก พอทำไปได้ 5-6 เดือน ก็เริ่มพูดคุยเข้ากับคนที่ทำงานได้และมีความคุ้นเคย แต่ถามว่าเพื่อนร่วมงานในทีมดีไหม ขอบอกได้เลยว่าไม่ค่อยดีครับ ค่อนข้างทำงานเห็นแก่ตัวกันมาก กันงานส่วนมากไว้ให้ตัวเองทำ บางอย่างต้องเทรนคนใหม่ให้สามารถทำงานแทนได้เวลาที่เค้าลางาน เค้าก็ไม่ทำ อ้างว่าขี้เกียจสอนงานบ้างอะไรบ้าง บางทีขอให้เค้าช่วยสอนเค้าก็แอบไปอย่างอื่นแทนไม่สนใจเรา ครั้นจะศึกษางานเองเกี่ยวกับระบบไอทีทั้งหมด ก็ต้องมีรหัสผ่านเข้าระบบ ซึ่งคนในทีมรู้และพอเราขอเค้าก็ไม่ยอมบอกรหัสผ่านเราแบบไม่มีเหตุผล เราก็เลยทนทำงานในส่วนที่พอจะทำเองได้มาโดยตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ไม่ได้เรียนรู้งานอะไรเพิ่มเลย บวกกับทีมเราเป็นทีมสำหรับการระบายอารมณ์ของเจ้านาย เวลาเครียดๆนายจ้างด่าคนตำแหน่งสำคัญๆไม่ได้ ก็จะมาด่าระบายกับทีมเราทุกวัน พอไม่สนใจคำพูดเค้าก็จะด่าๆโชว์พาวใส่ ขึ้น gu เมิง แต่ที่ต้องทนทำอยู่เพราะความจำเป็นจะได้เล่าเรื่องต่อๆไป

ใจจริงก็อยากจะลาออกตั้งแต่ช่วงปีแรกแล้ว แต่ด้วยที่บ้านนั้นมีปัญหาทางการเงิน แม่เราก่อหนี้สินจำนวนมาก เอาหนี้มาโป่ะหนี้จนดอกเบี้ยงอกงามทุกทาง เจ้าหนี้หลายคนทวงตลอด บวกกับต้องเลี้ยงจุนเจือพี่ชายต่างพ่อของเรา ที่อายุจะ 40 แล้วมีลูกสามคน แต่ก็ยังหากินเองไม่รอด เวลาเมียเค้าจะคลอดลูกก็จะลำบากค่าใช่จ่ายทางแม่เราเสมอ แม่ไม่มีทางออกก็จะมาขอเงินเราทีละหลักหมื่น ซึ่งเราเองก็ทะเลาะกับแม่ทุกครั้ง สุดท้ายก็ต้องยอมให้ไป ไม่งั้นเรื่องไม่จบ แล้วก็ไม่เคยได้เงินคืนจากพี่ชายเลยสักบาท จนแม่มีอาการคล้ายเป็นโรคประสาท เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ตอนเราจบใหม่ ยังไม่ได้ทำงาน ก็ด่าว่ากดดันเราให้ออกทำงานไวๆจะได้เอาเงินมาใช้หนี้ ปัจจุบันแม่มีหนี้หลักแสนซึ่งก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่แม่ไม่ยอมบอก อาจจะเพราะมีหนี้ส่วนมากทางพี่ชาย และหนี้บางส่วนที่มาจุนเจือครอบครัว เหตุที่เป็นหนี้สินครอบครัวหลักๆก็เพราะ พ่อเราไม่ยอมออกทำงานข้างนอกบ้านมา 15 ปี เปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า พอไม่มีงานก็นอนหลับรอลูกค้ามาบ้าน ซึ่งช่วงหลังเศรษฐกิจไม่ดี คนมักซื้อของใหม่มากกว่าซ่อม เลยขาดรายได้ แม่ก็เริ่มก่อหนี้สินตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

นั่นก็เป็นเหตุผลที่เรายังคงต้องทนทำงานที่เราไม่ชอบเลยมาตลอดเวลา 4 ปี ย้อนหลังไปประมาณ 2 ปี บริษัทถูกคนจีนมาเทคโอเวอร์ ระบบงานต่างๆเริ่มเปลี่ยนไป มีนโยบายที่จะลดปริมาณพนักงานลง เพราะผลประกอบการบริษัทไม่ค่อยดี บวกกับนโยบายการบริหารงานเป็นระบบอุปถัมภ์กันมากขึ้น เน้นระบบงานหน้างาน ไม่ค่อยเน้นระบบ back office อย่างที่เราทำอยู่ คอมพิวเตอร์เสีย ไม่มีการซื้อใหม่ ไม่มีการสำรองอะไหล่สำหรับซ่อม นายจ้างอ้างว่าพวกเราต้องมีทักษะการเจรจาต่อรอง หลอกล่อ ให้พนักงานเข้าใจ ว่าไม่สามารถซื้อคอมพิวเตอร์สำนักงานใหม่ได้ แต่มันไม่เป็นแบบนั้น พนักงานกับโวยวายและเรียกร้องที่จะมีอุปกรณ์ไอทีใหม่ๆใช้ทำงานกันมากขึ้น ซึ่งทำให้ทีมงานและเราทำงานกันยากขึ้น ซื้ออุปกรณ์ใหม่ๆก็ซื้อทีละน้อยๆ นายจ้างจะเป็นคนกำหนดว่าจะให้พนักงานคนไหนใช้บ้าง และส่วนมากจะเป็นคนที่นายจ้างนิยมชมชอบและตำแหน่งสำคัญๆที่จะสนับสนุนเค้าให้ทำงานต่อไปได้ แล้วก็เอาอุปกรณ์เก่าจากพนักงานคนนั้นไปเวียนให้พนักงานคนอื่นใช้ ซึ่งก็เกิดปัญหาต่างๆตามมาเนื่องจากบางคนก็ใช้อุปกรณ์เก่าอยู่แล้ว ก็ยังคงต้องใช้อุปกรณ์เก่าที่ไม่มีประสิทธิภาพต่อไป ซึ่งเราเองก็เครียดมากๆเวลาต้องติดต่อกับพนักงานที่มีปัญหา

ล่าสุดกำลังจะย้ายสำนักงานไปอีกที่ ซึ่งเป็นอาคารใหม่ ยังก่อสร้างไม่เสร็จดี แต่อาคารที่เราอยู่ปัจจุบันกำลังจะหมดสัญญาเช่า และต้องขนของออกภายในเดือนกันยายน ซึ่งก็เหลือเวลาไม่มาก ประมาณว่าเจ้าของนิติบุคคลอาคารชุดเค้าจะไล่ออกไม่ต่อสัญญา ซึ่งแผนก็ออกมาว่าจะย้ายบางแผนกบางส่วนไปอยู่ที่สำนักงานเช่าชั่วคราวก่อน แล้วค่อนย้ายไปที่อาคารใหม่อีกที แล้วก็โยนงานในส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทีมงานเรา มาให้ทำแทบทุกอย่าง ซึ่งบริษัทเราเค้าแยกงานแผนกไอทีกันชัดเจน มีคนดูแลระบบ infra network desktop แต่นายจ้างกลับโยนงานสองอย่างแรกที่จะทำตอนย้ายตึกมาให้ทีมเราทำแทบหมด ให้คนที่รับผิดชอบไม่ต้องทำอะไร ซึ่งเรามองว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ความรู้สึกตอนนี้ก็เริ่มตัดสินใจที่จะลาออกจากงานแล้ว เพราะอยู่ต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เสียสุขภาพจิตลงทุกวันๆ ทุกวันนี้กลับบ้านไม่อยากคุยกับใคร คุยทีไรก็ทะเลาะกันตลอดเรื่องงาน แม่เราก็มักจะพูดเสมอว่า เจ้านายเค้ากำลังฝึกเราให้เป็นคนขยันทำมาหากิน อดทนกับอารมณ์ไม่ดีของเค้าให้ได้ เค้ามีพระคุณ ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าแม่เอาสมองส่วนไหนคิด ปัจจุบันเราเองก็ทำงานอดิเรกสอนพิเศษเสาร์อาทิตย์ กับขายของออนไลน์อยู่บ้าง แต่กลัวว่าพอลาออกมาแล้ว รายได้ตรงส่วนนี้อาจจะไม่แน่นอน พอบางช่วงไม่ได้เลย บางช่วงก็ได้เยอะ กลัวไม่มีเงินให้แม่ใช้หนี้ทุกๆเดือน เพราะพอถึงเวลาเงินเดือนจะออก แม่จะโทรมาจิกหรือไม่ก็มาทวงเงินที่เราตลอดทุกเดือน จนทะเลาะกัน ส่วนเรื่องหางานใหม่ เราหามาตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่เราเองเริ่มรู้สึกว่าถูกบีบให้ออกจากงาน ลักษณะคือหัวหน้าทีมพยายามจ่ายงานให้น้อยลง จนแทบไม่มีงานอะไรให้เราทำเลยวันๆ พยายามให้เราเบื่ออึดอัดและทำการลาออกเอง ไม่มีการจ้างออก เปลืองงบประมาณบริษัท ซึ่งก็ไปสัมภาษณ์มาหลายที่ทั้งเอกชนและสอบข้าราชการ เอกชนไม่สู้ค่าแรงเลยสักที่ ขนาดลดเงินเดือนเท่าเด็กจบใหม่ ก็ไม่รับเข้าทำงาน ส่วนข้าราชการก็ขึ้นบัญชีรอเรียกบรรจุ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเรียกถึงเราเมื่อไหร่ บัญชีนิ่งมากๆมาเกือบปีแล้ว

ตอนนี้รู้สึกเครียดและเริ่มคิดจะลาออกจากงานแล้วสิ้นเดือนหน้า เพราะขืนรอได้งานใหม่ก่อนแล้วค่อยออกคงไม่ไหวแล้วจริงๆ ไม่รู้ว่าเราตัดสินใจถูกไหมครับ อยากได้คำปรึกษาครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่