[๒๒๙] ... อารามแห่งอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้ง
นั้น ทามลิเทวบุตร เมื่อราตรีปฐมยามสิ้นไปแล้ว มีวรรณงามยิ่งนัก ยังพระวิหาร
เชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วก็ถวาย
บังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๒๓๐] ทามลิเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ภาษิตคาถา
นี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
พราหมณ์ผู้ไม่เกียจคร้าน พึงทำความเพียรนี้ เขาไม่ปรารถนา
ภพด้วยเหตุนั้น เพราะละกามได้ขาดแล้ว ฯ
[๒๓๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ทามลิ กิจไม่มีแก่พราหมณ์ เพราะว่า พราหมณ์ทำกิจเสร็จ
แล้ว บุคคลยังไม่ได้ท่าจอดในแม่น้ำทั้งหลาย เพียงใด เขา
เป็นสัตว์เกิด ต้องพยายาม ด้วยตัวทุกอย่าง เพียงนั้น ก็ผู้นั้น
ได้ท่าเป็นที่จอดแล้ว ยืนอยู่บนบก ไม่ต้องพยายาม เพราะ
ว่า เขาเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว ฯ
ดูกรทามลิเทวบุตร นี้เป็นข้ออุปมาแห่งพราหมณ์ ผู้มีอาสวะ
สิ้นแล้ว มีปัญญาเพ่งพินิจ ฯ
พราหมณ์นั้น ถึงที่สุดแห่งชาติและมรณะแล้ว ไม่ต้องพยายาม
เพราะเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว ฯ
กามทสูตรที่ ๖
[๒๓๒] กามทเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สมณธรรมทำได้โดยยาก ข้าแต่
พระผู้มีพระภาค สมณธรรมทำได้โดยยากยิ่ง ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนทั้งหลาย ผู้ตั้งมั่นแล้วด้วยศีลแห่งพระเสขะ มีตนตั้งมั่น
แล้ว ย่อมกระทำ แม้ซึ่งสมณธรรมอันบุคคลทำได้โดยยาก
ความยินดี ย่อมนำสุขมาให้แก่บุคคลผู้เข้าถึงแล้วซึ่งความ
เป็นผู้ไม่มีเรือน ฯ
[๒๓๓] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อที่หาได้ยาก
นี้ คือความสันโดษ ยินดี ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด ยินดีแล้วในความสงบแห่งจิต ชนเหล่าใด มีใจ
ยินดีแล้วในความอบรมจิต ทั้งกลางวันและกลางคืน ชน
เหล่านั้น ย่อมได้แม้ซึ่งสิ่งที่ได้โดยยาก ฯ
[๒๓๔] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ธรรมชาติที่
ตั้งมั่นได้ยากนี้ คือจิต ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด ยินดีแล้วในความสงบอินทรีย์ ชนเหล่านั้น
ย่อมตั้งมั่น ซึ่งจิตที่ตั้งมั่นได้ยาก ดูกรกามทเทวบุตร อริยะ
ทั้งหลายเหล่านั้นตัดข่ายแห่งมัจจุไปได้ ฯ
[๒๓๕] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทางที่ไปได้
ยาก คือ ทางที่ไม่เสมอ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรกามทเทวบุตร อริยะทั้งหลาย ย่อมไปได้ แม้ในทางที่
ไม่เสมอ ที่ไปได้ยาก
ผู้มิใช่อริยะ ย่อมเป็นผู้บ่ายศีรษะลงเบื้องต่ำ ตกไปในทาง
อันไม่เสมอ ทางนั้นสม่ำเสมอสำหรับอริยะทั้งหลาย เพราะ
อริยะทั้งหลาย เป็นผู้สม่ำเสมอ ในทางอันไม่เสมอ ฯ
ปัญจาลจัณฑสูตรที่ ๗
[๒๓๖] ปัญจาลจัณฑเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
ภาษิตคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
บุคคลผู้มีปัญญามาก ได้ประสบโอกาส ในที่คับแคบหนอ
ผู้ใดได้รู้ฌาน เป็นผู้ตื่น ผู้นั้นเป็นผู้หลีกออกได้อย่างองอาจ
เป็นมุนี ฯ
[๒๓๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด แม้อยู่ในที่คับแคบ แต่ได้เฉพาะแล้วซึ่ง
สติ
เพื่อการบรรลุธรรม คือพระนิพพาน ชนเหล่านั้น ตั้งมั่น
ดีแล้ว โดยชอบ ฯ
ผู้ที่ตั้งด้วย มรรคมีองศ์ 8 จะอ่านเข้าใจโดยแท้ อ่านสนุกด้วย
จิตมันจะแปลค่าไปตามภูมิ ต้องปฏิบัติเท่านั้นถึงจะรู้ตามพระสูตรได้
ฌานนั้นไม่สำคัญ แต่พระธรรมคำสั่งสอนที่จริงแท้แน่นอน ดั่งที่พระสูตรนี้เขียนใว้
นั้น ทามลิเทวบุตร เมื่อราตรีปฐมยามสิ้นไปแล้ว มีวรรณงามยิ่งนัก ยังพระวิหาร
เชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้วก็ถวาย
บังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ได้ยืน ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ฯ
[๒๓๐] ทามลิเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ภาษิตคาถา
นี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
พราหมณ์ผู้ไม่เกียจคร้าน พึงทำความเพียรนี้ เขาไม่ปรารถนา
ภพด้วยเหตุนั้น เพราะละกามได้ขาดแล้ว ฯ
[๒๓๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ทามลิ กิจไม่มีแก่พราหมณ์ เพราะว่า พราหมณ์ทำกิจเสร็จ
แล้ว บุคคลยังไม่ได้ท่าจอดในแม่น้ำทั้งหลาย เพียงใด เขา
เป็นสัตว์เกิด ต้องพยายาม ด้วยตัวทุกอย่าง เพียงนั้น ก็ผู้นั้น
ได้ท่าเป็นที่จอดแล้ว ยืนอยู่บนบก ไม่ต้องพยายาม เพราะ
ว่า เขาเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว ฯ
ดูกรทามลิเทวบุตร นี้เป็นข้ออุปมาแห่งพราหมณ์ ผู้มีอาสวะ
สิ้นแล้ว มีปัญญาเพ่งพินิจ ฯ
พราหมณ์นั้น ถึงที่สุดแห่งชาติและมรณะแล้ว ไม่ต้องพยายาม
เพราะเป็นผู้ถึงฝั่งแล้ว ฯ
กามทสูตรที่ ๖
[๒๓๒] กามทเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้กราบทูล
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค สมณธรรมทำได้โดยยาก ข้าแต่
พระผู้มีพระภาค สมณธรรมทำได้โดยยากยิ่ง ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนทั้งหลาย ผู้ตั้งมั่นแล้วด้วยศีลแห่งพระเสขะ มีตนตั้งมั่น
แล้ว ย่อมกระทำ แม้ซึ่งสมณธรรมอันบุคคลทำได้โดยยาก
ความยินดี ย่อมนำสุขมาให้แก่บุคคลผู้เข้าถึงแล้วซึ่งความ
เป็นผู้ไม่มีเรือน ฯ
[๒๓๓] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้อที่หาได้ยาก
นี้ คือความสันโดษ ยินดี ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด ยินดีแล้วในความสงบแห่งจิต ชนเหล่าใด มีใจ
ยินดีแล้วในความอบรมจิต ทั้งกลางวันและกลางคืน ชน
เหล่านั้น ย่อมได้แม้ซึ่งสิ่งที่ได้โดยยาก ฯ
[๒๓๔] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ธรรมชาติที่
ตั้งมั่นได้ยากนี้ คือจิต ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด ยินดีแล้วในความสงบอินทรีย์ ชนเหล่านั้น
ย่อมตั้งมั่น ซึ่งจิตที่ตั้งมั่นได้ยาก ดูกรกามทเทวบุตร อริยะ
ทั้งหลายเหล่านั้นตัดข่ายแห่งมัจจุไปได้ ฯ
[๒๓๕] กามทเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทางที่ไปได้
ยาก คือ ทางที่ไม่เสมอ ฯ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรกามทเทวบุตร อริยะทั้งหลาย ย่อมไปได้ แม้ในทางที่
ไม่เสมอ ที่ไปได้ยาก
ผู้มิใช่อริยะ ย่อมเป็นผู้บ่ายศีรษะลงเบื้องต่ำ ตกไปในทาง
อันไม่เสมอ ทางนั้นสม่ำเสมอสำหรับอริยะทั้งหลาย เพราะ
อริยะทั้งหลาย เป็นผู้สม่ำเสมอ ในทางอันไม่เสมอ ฯ
ปัญจาลจัณฑสูตรที่ ๗
[๒๓๖] ปัญจาลจัณฑเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้
ภาษิตคาถานี้ ในสำนักพระผู้มีพระภาคว่า
บุคคลผู้มีปัญญามาก ได้ประสบโอกาส ในที่คับแคบหนอ
ผู้ใดได้รู้ฌาน เป็นผู้ตื่น ผู้นั้นเป็นผู้หลีกออกได้อย่างองอาจ
เป็นมุนี ฯ
[๒๓๗] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ชนเหล่าใด แม้อยู่ในที่คับแคบ แต่ได้เฉพาะแล้วซึ่งสติ
เพื่อการบรรลุธรรม คือพระนิพพาน ชนเหล่านั้น ตั้งมั่น
ดีแล้ว โดยชอบ ฯ
ผู้ที่ตั้งด้วย มรรคมีองศ์ 8 จะอ่านเข้าใจโดยแท้ อ่านสนุกด้วย
จิตมันจะแปลค่าไปตามภูมิ ต้องปฏิบัติเท่านั้นถึงจะรู้ตามพระสูตรได้