[REVIEW] Mike Shinoda - Post Traumatic (2018)


มีเรื่องราว หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับเราอย่างไม่คาดคิด ความสูญเสียก็เช่นกัน

ปีที่แล้วพวกเขาได้จุดเทียนที่แสงที่สื่อถึงใจของเราในOne More Light
และใครเล่าจะล่วงรู้ล่วงรู้ว่าปีนี้เหลือเพียงแค่หยดน้ำตาเทียนที่ร่วงหล่นลงออกมาดั่งน้ำตาของคนที่จุดเทียนและคนที่ได้รับแสงจากเทียนในทุกๆที่เพลงของเขาไปถึง

นับจากปี1998ที่พวกเขาต้องหานักร้องนำคนใหม่เพื่อทำEPอัลบัมชิ้นแรกออกมาจริงๆจังๆ และช่วงเวลานั้นเขาก็ได้พบกับChesterเป็นครั้งแรก
เป็นเวลา20ปีพอดีที่Mikeต้องเผชิญกับสภาวะกดดันครั้งนี้อีกครั้ง

ถ้าหากชีวิตในสายดนตรีของMike Shinodaคือการทดสอบนี่คือบททดสอบครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา

แน่นอนว่าเราอาจจะจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ของตำนานที่ชือว่าLinkinparkออก
แต่เราไม่สามารถจินตนาการถึงความสูญเสียของMikeได้
ทั้งเพื่อนสาวดีเจที่คอยช่วยเหลือพวกเขาเรื่อยมา
Chris Cornellเพื่อนนักดนตรีที่เคยได้ร่วมกันงานกัน
และนักร้องคู่บุญ Chester Bennington กระบอกเสียงผู้ที่สามารถสื่อสิ่งที่Mikeต้องการจะเล่าออกมาได้ดีที่สุด

หลังจากเกิดความสูญเสียครั้งที่ใหญ่ที่สุดของLinkin Park
พวกเขาก็ได้แยกย้ายกันเพื่อใช้เวลาทำใจอยู่พักเล็กๆก่อนที่จะมารวมตัวกันในคอนเสิร์ตLinkin Park & Friends Celebrate Life in Honor of Chester Benningtonในเดือนตุลาคมหลังจากครบ100วันของการจากไป
และได้เล่น "Looking for an Answer" เพลงพิเศษที่ได้แต่งมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ
ก็ไม่มีข่าวคราวของLinkin Parkอีกเลยลามไปถึงเดือนธันวาคมของทุกปีที่วงจะนำเพลงพิเศษออกมามอบให้กับแฟนๆชาวLPU
และนี่ก็เป็นปีเดียวที่ไม่มีเพลงพิเศษเช่นกัน หลายคนย่อนอดที่จะหวั่นใจไม่ได้

จนกระทั่งได้ข่าวจากปากของMikeอีกครั้ง

Mike Shinodaได้ออกอัลบัมเดี่ยวในนาม Fort Minorมาแล้วในปี2005 ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็นการร่วมงานกับพลพรรคนักดนตรี Hip Hopทั้งหลาย
โดยตอนนั้นเขาได้ทำหน้าที่แทบจะทั้งหมดในอัลบัม

เวลาผ่านไปกว่า13ปีในวันที่เขาได้สูญเสียสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในชีวิต แต่Mikeเลือกที่จะนำเอาสิ่งนั้นแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานลูกใหญ่ๆลูกหนึ่ง
และพลังที่ว่านั้นมีชื่อว่า Post Traumatic

Post Traumatic หรือสภาวะหลังจากการเกิดบาดแผลทางจิตใจ คือAlbumเดี่ยวชุดแรกที่ถือเป็นบททดสอบครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของ Mike Shinoda
โดยMikeนำรวมระยะเวลาแทบจะทุกวินาทีกว่า1ปีหลังการจากไปของChesterมาสื่อถึงทุกคนด้วยตัวเอง

Mikeได้ปล่อยPost TraumaticออกมาในรูปแบบEPก่อนตั้งแต่เดือนมกรา โดย3เพลงที่ว่านี้ประกอบด้วย Place to Start,Over AgainและWatching as I Fall
มาให้ฟังกันแบบฟรีๆ โดยสามเพลงแรกเป็นอารมณ์ด้านลบที่ฟังแล้วจะรู้สึกหน่วงๆอยู่พอควร
ก่อนที่จะประกาศอัลบัมเต็มของ Post Traumaticที่จะเป็นการสรุปทั้งหมดและจุดหมายปลายทางของทั้งสามเพลงที่ปล่อยออกมา

Post Traumatic แนวดนตรีจะเป็น Hip HopและElectronicโดยไส่ความเป็นAlternative เข้ามาบ้าง
และMikeได้เลือกที่จะผลิตผลงานนี้ออกมาแบบไม่มีอะไรจะเสียนำความเศร้าความกดดันและการเติบโตผลิตออมาเปนบทเพลงออกมาถึง16เพลง
เพื่อให้กำลังใจตัวเอง เพื่อนๆและคนทั้งโลก

ในตอนแรกที่เห็นถึงจำนวนเพลงอัดแน่นที่เยอะกว่าOne More LightผลงานของLinkin Park คิดว่าอาจจะเปนเพลงบรรเลงเยอะ
แต่กลับกันเพลงในอัลบัมมีเพลงเต็มถึง15เพลงและเพลงบรรเลงอีก1เพลงเท่านั้นมากกว่าLinkin Parkทุกอัลบัม นับว่าเป็นงานหินที่สุดในการทำเพลงของ
Mike และเขาได้ปล่อยเพลงเรื่อยๆรวมถึง8เพลงก่อนที่วันวางอัลบัมเต็มจะออกเรียกได้ว่าใจเด็ดจริงๆ

การทำงานในอัลบัมเหมือนกับThe Rising Tiedที่เป็นอัลบัมของ Fort Minor ตรงที่Mikeยังทำหน้าที่ทุกอย่างในอัลบัมเหมือนเดิมทั้งร้องนำ,เล่นดนตรีแทบจะทั้งหมดในอัลบัม,ออกแบบงานArtworkด้วยตัวเอง และรวมไปถึงProducedทุกเพลงในอัลบัมด้วยตัวเองเช่นเคย

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดระหว่าง Post TraumaticกับThe Rising Tiedคือการที่Mikeแสดงความกล้าออกมีอีกครั้งด้วยการร้องคลีนด้วยตัวเอง
ต่างจากที่เคยใช้บริการแขกรับเชิญ ซึ่งMikeก็ทำได้ดีออกมาเกินคาด

Linkin Parkไม่เคยปล่อยให้ใครต้องรู้สึกโดดเดี่ยว และแน่นอนเมื่อMikeก็ไม่ได้เผชิญกับอุปสรรคนี้เพียงลำพังPost Traumaticจึงมีเพื่อนๆในวงการ
เข้ามาเป็นแขกรับเชิญในอัลบัมได้แก่ Blackbear,K.Flay,Chino Moreno,Machine Gun KellyและGrandson รวมไปถึง
Rob Bourdon และBrad DelsonสมาชิกของLinkin Parkที่เข้ามาช่วยในเบื้องหลัง
อัลบัมนี้จึงไม่ได้มีเพียงความเศร้าและโดดเดี่ยวเพียงอย่างเดียว
ยังคงมีความอบอุ่นและมิตรภาพเข้ามาด้วย

เราได้บทเรียนที่ยิ่งใหญ่มาหลังจากการสูญเสีย
และหากครั้งนั้นยังจำได้ ณช่วงเวลาที่เราไม่มีใคร
บทเพลงของพวกเขาช่วยมอบพลังและกำลังใจให้เราผ่านช่วงเวลาร้ายๆเหล่านั้นมาได้หลายต่อหลายครั้งแล้ว

พวกเขามอบพลังการเติบโตมาให้เราแล้ว ครั้งนี้ถึงคราวที่เราต้องมอบพลังเป็นแรกผลักดันให้พวกเขาได้ก้าวต่อไป

เชื่อเหลือเกินว่าเราจะผ่านช่วงเวลาร้ายๆแบบนี้ไปด้วยกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่