Linkin Park - From Zero (2024)
ขึ้นชื่อว่างานอดิเรกที่สร้างแพชชั่น สร้างแรงบันดาลใจ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ หลายคนจะนึกถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆทั้งด้านการอ่านหนังสือ การเล่นกีฬา เกมส์และการแข่งขันต่างๆล้วนแล้วเรียกว่าเป็นศิลปะที่เติมเต็มชีวิตไห้พร้อมสู้กับเรื่องร้ายๆ
แต่แน่นอนดนตรีนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับ 1 ของผู้เขียน
7ปีที่ผ่านมาทั่วโลกได้สูญเสียบุคคล1คนที่ได้เรียกว่าอยู่จุดสูงสุดในโลกทั้งใบของพวกเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
เหตุการ์ณครั้งนั้นส่งผลต่อชีวิตต่อหลายคนไปตลอดกาล
ถ้าเกิดติดตามรีวิวอัลบัมของผู้เขียนที่เคยเขียนจะเห็นได้ว่าไม่มีการเขียนอัลบัมไหนออกมาเลยถึง2ปีแล้ว
ไม่ไช่แค่งานของสมาชิกLinkin Parkเท่านั้นแต่เป็นทุกงานเขียน เรียกได้ว่าความสุขในการเสพย์เพลงน้อยลงไปมากแทบจะไม่เหลือเลย
เหตุการ์ณนี้สอนไห้รู้ว่าอะไรก็เกิดขึ่นได้
จะมีวงดนตรีวงไหนบ้างที่สูญเสียสมาชิกสำคัญในเวลาสำคัญ เช่นวันเดียวกับการปล่อยMVและSingle ปีเดียวกับที่ออกอัลบัมที่เหมือน เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างว่าเป็นการสั่งลา เป็นการลาจาก
แต่สิ่งที่ว่านั้นไม่สามารถเทียบได้กับการสูญเสียอันใหญ่หลวงของพวกเขา
ว่าจะพูดถึงเชสเตอร์ให้น้อยที่สุดแต่ก็อดไม่ได้จะพูดถึงคนที่ถ่ายทอดเสียงที่ทำการสื่อสารแต่ก็นั่นคืออดีตเป็นการลาจากกันเพื่อที่จะเริ่มเดินทางครั้งไหม่
The hardest part of ending is starting again....................
ในวันนั้นหลังจากที่Linkin Parkได้จัดCelebrate Life in Honor of Chester Bennington เป็นการนำศิลปินเพื่อนมาร่วมร้องกันแทนเชสเตอร์
ทางวงก็ได้เงียบหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีสมาชิกบางคนได้ออกอัลบัมเช่นไมค์ที่ออกอัลบัมเต็มที่ไช้ชื่อตัวเอง และได้มาแสดงที่ไทย
และเมื่อเวลาอันสมควรมาถึงแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งต่อการเดินทางครั้งไหม่
From Zeroคือชื่ออัลบัมในรอบ7ปี ที่นำชื่อวงก่อนที่จะตั้งว่าLinkin Parkอย่างXeroมาใช้เป็นชื่ออัลบัม โดยมีการเปลี่ยนสมาชิกทั้งมือกลองเป็นColin Brittain และนักร้อง Emily Armstrong
พูดถึงสมาชิกใหม่กัน
โดยหลายคนรู้ดีว่าEmily ArmstrongคืออดีตสมาชิกวงDead Sara
เสียงร้องของเอมิลี่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างของLinkin Parkได้อย่างดีมั่นใจว่าทางวงได้เลือกคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำรับการเดินทางครั้งไหม่
แม้จะชมทางด้านเสียงร้องของเอมิลี่บ่อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ถูกใจผู้เขียนมากกว่าเสียงร้องก็คือ Colin Brittain
พวกเขาได้อีก 1อัจฉริยะในวงการดนตรีเข้ามาร่วมงานโดยหลายอัลบัมที่คอลลินได้โปรดิวซ์คืออัลบัมที่ผ่านหูทุกคนมาแล้วทั้งนั้น
เราเคยได้บ่นๆและแชร์ความเห็นกับเพื่อนสนิทว่าด้านกลองของLinkin Parkเหมือนขาดๆ คอลลินได้เข้ามาอุดรอยรั่วที่ว่านั้น
เท่าที่ดูหลายๆงานที่เขาได้ตีแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอลลินตีดีกว่าร็อบแน่นอน
และนอกจากด้านกลองคอลลินก็ได้ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมในอัลบัมนี้โดยได้ทำและคอลลินก็เล่นได้ทั้งกีตาร์ เบสกลองและคีย์บอร์ด
อัลบัมนี้ถือเป็นอัลบัมเต็มครั้งแรกที่ไมค์โปรดิวซ์งานแบบเต็มรูปแบบ โดยแบรดคู่หูที่ทำเพลงกันมาทั้งชีวิตได้ถอยลงไปเป็นแค่โปรดิวเซอร์ร่วมเท่านั้น
นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ไมค์ทำหน้าที่เยอะที่สุดเท่าที่เคยก่อตั้งLinkin Parkมา
ซึ่งถ้าหากว่ามีคนบอกว่านี่ไม่ไช่Linkin Park ทางเราก็จนปัญญาแล้วที่จะเข้าใจความหมาย
ของLinkin Parkแบบที่ท่านๆสงสัย เพราะอัลบัมนี้ถูกผลิตออกมาด้วยหัวใจของสมาชิกวงที่เป็นทุกสิ่งของLinkin Parkแล้ว
นี่คืออีกสิ่งที่บอกความหมายของคำว่า From Zero จริงๆ
ส่วนในด้านเบื่องหลังได้มีเพื่อนๆพี่ๆซาวด์ เอ็นจิเนียร์และโปรดิวเซอร์ที่กวาดรางวัลทั้งเล็กและยักษ์ใหญ่หลายๆท่าน
Matias Mora ,Mike Elizondo ,Neal Avron ,Rich Costey,Ethan Mates ,Scott Skrzynski,Jeff CitronและEmerson Manciniที่แบ่งหน้าที่กันแต่ละเพลงโดยบางคนที่กล่าวมานี้เคยได้ร่วมงานกับ Linkin Parkมาแล้วในอัลบัมที่ผ่านมา
11เพลงในอัลบัมนี้เป็นเพลงไหม่ทั้งหมดที่มีความเปนทุกอัลบั้มรวมกันเรียกได้ว่าเริ่มกันตั้งแต่2018แล้วโดยจะเป็นโจ ฟีนิกส์และไมค์ได้เข้ามาคุยกันถึงเพลงไหม่ ก่อนที่ในปี2021จะได้พบกับคอลลินและเริ่มกันทำเพลงโดยใช้นามของLinkin Parkกันแบบจริงจัง
From Zeroคือผลงานที่เป็น Linkin Parkอย่างเต็มที่ พวกเขาไม่เสียตัวตนตัวเองไป หลายเพลงในอัลบัมมีกลิ่นอายของอัลบัมฃตั้งแต่Hybrid Theory จนถึงOne More Light
เป็นการรำลึกการเดินทางกว่า24ปี มีการถ่ายทอดอารมณ์หลากหลายเฉดสี
และพร้อมกันนั้นก็มีบางเพลงที่ไม่เหมือนกันผลงานที่เคยผ่านมาเป็นเพลงที่ทำมาครั้งแรกในอัลบัมนี้ เรียกได้ว่าเอาใจทั้งแฟนเพลงเก่าๆและแฟนเพลงไหม่ๆได้อย่างพอเหมาะ
อีกอย่างที่ชอบคือการเลือกSingleออกมาปล่อยทั้งThe Emptiness Machine,Heavy Is The Crown ,Over Each OtherและTwo Faced
เป็นการปล่อยเพลงออกมาในรูปแบบที่ไม่ซ้ำผลักดันให้เรามั่นใจเข้าไปอีกว่า สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ผสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ
ด้วยผลงานแบบ Numetal,Rock, Rap ,Hip Hop ,Electronic,รวมไปถึงPunkนำมาผสานกันในลายเซ็นของวงที่ถ้าจะพูดถึงไห้เข้าใจได้ง่ายที่สุดก็คือ
Alternative rockแบบฉบับที่เป็นLinkin Parkอย่างแท้จริง
และด้วยการเขียนเนื้อเพลงที่มีทั้งเรื่องของการต่อสู้กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่,การระลึกถึงตัวเอง,ความสัมพันธ์ที่ไม่สวยงามมีทั้งเรื่องใหญ่ๆรวมถึงเรื่องเล็กๆและใกล้ตัว เป็นอีกเสน่ห์อีกอย่างที่เราสามารถหยิบขึ่นมาฟังกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ เหมือนกับการสื่อสารการพบปะผู้คนและความหมายของมนุษย์ที่ไม่มีแค่การจำกัดความแต่เรื่องเดียว
[REVIEW] Linkin Park - From Zero (2024)
Linkin Park - From Zero (2024)
ขึ้นชื่อว่างานอดิเรกที่สร้างแพชชั่น สร้างแรงบันดาลใจ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ หลายคนจะนึกถึงการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆทั้งด้านการอ่านหนังสือ การเล่นกีฬา เกมส์และการแข่งขันต่างๆล้วนแล้วเรียกว่าเป็นศิลปะที่เติมเต็มชีวิตไห้พร้อมสู้กับเรื่องร้ายๆ
แต่แน่นอนดนตรีนี่แหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอันดับ 1 ของผู้เขียน
7ปีที่ผ่านมาทั่วโลกได้สูญเสียบุคคล1คนที่ได้เรียกว่าอยู่จุดสูงสุดในโลกทั้งใบของพวกเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ
เหตุการ์ณครั้งนั้นส่งผลต่อชีวิตต่อหลายคนไปตลอดกาล
ถ้าเกิดติดตามรีวิวอัลบัมของผู้เขียนที่เคยเขียนจะเห็นได้ว่าไม่มีการเขียนอัลบัมไหนออกมาเลยถึง2ปีแล้ว
ไม่ไช่แค่งานของสมาชิกLinkin Parkเท่านั้นแต่เป็นทุกงานเขียน เรียกได้ว่าความสุขในการเสพย์เพลงน้อยลงไปมากแทบจะไม่เหลือเลย
เหตุการ์ณนี้สอนไห้รู้ว่าอะไรก็เกิดขึ่นได้
จะมีวงดนตรีวงไหนบ้างที่สูญเสียสมาชิกสำคัญในเวลาสำคัญ เช่นวันเดียวกับการปล่อยMVและSingle ปีเดียวกับที่ออกอัลบัมที่เหมือน เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างว่าเป็นการสั่งลา เป็นการลาจาก
แต่สิ่งที่ว่านั้นไม่สามารถเทียบได้กับการสูญเสียอันใหญ่หลวงของพวกเขา
ว่าจะพูดถึงเชสเตอร์ให้น้อยที่สุดแต่ก็อดไม่ได้จะพูดถึงคนที่ถ่ายทอดเสียงที่ทำการสื่อสารแต่ก็นั่นคืออดีตเป็นการลาจากกันเพื่อที่จะเริ่มเดินทางครั้งไหม่
The hardest part of ending is starting again....................
ในวันนั้นหลังจากที่Linkin Parkได้จัดCelebrate Life in Honor of Chester Bennington เป็นการนำศิลปินเพื่อนมาร่วมร้องกันแทนเชสเตอร์
ทางวงก็ได้เงียบหายไปบ้าง แต่ก็ยังมีสมาชิกบางคนได้ออกอัลบัมเช่นไมค์ที่ออกอัลบัมเต็มที่ไช้ชื่อตัวเอง และได้มาแสดงที่ไทย
และเมื่อเวลาอันสมควรมาถึงแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งต่อการเดินทางครั้งไหม่
From Zeroคือชื่ออัลบัมในรอบ7ปี ที่นำชื่อวงก่อนที่จะตั้งว่าLinkin Parkอย่างXeroมาใช้เป็นชื่ออัลบัม โดยมีการเปลี่ยนสมาชิกทั้งมือกลองเป็นColin Brittain และนักร้อง Emily Armstrong
พูดถึงสมาชิกใหม่กัน
โดยหลายคนรู้ดีว่าEmily ArmstrongคืออดีตสมาชิกวงDead Sara
เสียงร้องของเอมิลี่เข้ามาเติมเต็มทุกอย่างของLinkin Parkได้อย่างดีมั่นใจว่าทางวงได้เลือกคนที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำรับการเดินทางครั้งไหม่
แม้จะชมทางด้านเสียงร้องของเอมิลี่บ่อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ถูกใจผู้เขียนมากกว่าเสียงร้องก็คือ Colin Brittain
พวกเขาได้อีก 1อัจฉริยะในวงการดนตรีเข้ามาร่วมงานโดยหลายอัลบัมที่คอลลินได้โปรดิวซ์คืออัลบัมที่ผ่านหูทุกคนมาแล้วทั้งนั้น
เราเคยได้บ่นๆและแชร์ความเห็นกับเพื่อนสนิทว่าด้านกลองของLinkin Parkเหมือนขาดๆ คอลลินได้เข้ามาอุดรอยรั่วที่ว่านั้น
เท่าที่ดูหลายๆงานที่เขาได้ตีแล้ว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอลลินตีดีกว่าร็อบแน่นอน
และนอกจากด้านกลองคอลลินก็ได้ร่วมเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมในอัลบัมนี้โดยได้ทำและคอลลินก็เล่นได้ทั้งกีตาร์ เบสกลองและคีย์บอร์ด
อัลบัมนี้ถือเป็นอัลบัมเต็มครั้งแรกที่ไมค์โปรดิวซ์งานแบบเต็มรูปแบบ โดยแบรดคู่หูที่ทำเพลงกันมาทั้งชีวิตได้ถอยลงไปเป็นแค่โปรดิวเซอร์ร่วมเท่านั้น
นับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ไมค์ทำหน้าที่เยอะที่สุดเท่าที่เคยก่อตั้งLinkin Parkมา
ซึ่งถ้าหากว่ามีคนบอกว่านี่ไม่ไช่Linkin Park ทางเราก็จนปัญญาแล้วที่จะเข้าใจความหมาย
ของLinkin Parkแบบที่ท่านๆสงสัย เพราะอัลบัมนี้ถูกผลิตออกมาด้วยหัวใจของสมาชิกวงที่เป็นทุกสิ่งของLinkin Parkแล้ว
นี่คืออีกสิ่งที่บอกความหมายของคำว่า From Zero จริงๆ
ส่วนในด้านเบื่องหลังได้มีเพื่อนๆพี่ๆซาวด์ เอ็นจิเนียร์และโปรดิวเซอร์ที่กวาดรางวัลทั้งเล็กและยักษ์ใหญ่หลายๆท่าน
Matias Mora ,Mike Elizondo ,Neal Avron ,Rich Costey,Ethan Mates ,Scott Skrzynski,Jeff CitronและEmerson Manciniที่แบ่งหน้าที่กันแต่ละเพลงโดยบางคนที่กล่าวมานี้เคยได้ร่วมงานกับ Linkin Parkมาแล้วในอัลบัมที่ผ่านมา
11เพลงในอัลบัมนี้เป็นเพลงไหม่ทั้งหมดที่มีความเปนทุกอัลบั้มรวมกันเรียกได้ว่าเริ่มกันตั้งแต่2018แล้วโดยจะเป็นโจ ฟีนิกส์และไมค์ได้เข้ามาคุยกันถึงเพลงไหม่ ก่อนที่ในปี2021จะได้พบกับคอลลินและเริ่มกันทำเพลงโดยใช้นามของLinkin Parkกันแบบจริงจัง
From Zeroคือผลงานที่เป็น Linkin Parkอย่างเต็มที่ พวกเขาไม่เสียตัวตนตัวเองไป หลายเพลงในอัลบัมมีกลิ่นอายของอัลบัมฃตั้งแต่Hybrid Theory จนถึงOne More Light
เป็นการรำลึกการเดินทางกว่า24ปี มีการถ่ายทอดอารมณ์หลากหลายเฉดสี
และพร้อมกันนั้นก็มีบางเพลงที่ไม่เหมือนกันผลงานที่เคยผ่านมาเป็นเพลงที่ทำมาครั้งแรกในอัลบัมนี้ เรียกได้ว่าเอาใจทั้งแฟนเพลงเก่าๆและแฟนเพลงไหม่ๆได้อย่างพอเหมาะ
อีกอย่างที่ชอบคือการเลือกSingleออกมาปล่อยทั้งThe Emptiness Machine,Heavy Is The Crown ,Over Each OtherและTwo Faced
เป็นการปล่อยเพลงออกมาในรูปแบบที่ไม่ซ้ำผลักดันให้เรามั่นใจเข้าไปอีกว่า สมาชิกเก่าและสมาชิกใหม่ผสานงานกันได้อย่างไร้ที่ติ
ด้วยผลงานแบบ Numetal,Rock, Rap ,Hip Hop ,Electronic,รวมไปถึงPunkนำมาผสานกันในลายเซ็นของวงที่ถ้าจะพูดถึงไห้เข้าใจได้ง่ายที่สุดก็คือ
Alternative rockแบบฉบับที่เป็นLinkin Parkอย่างแท้จริง
และด้วยการเขียนเนื้อเพลงที่มีทั้งเรื่องของการต่อสู้กับสิ่งที่ยิ่งใหญ่,การระลึกถึงตัวเอง,ความสัมพันธ์ที่ไม่สวยงามมีทั้งเรื่องใหญ่ๆรวมถึงเรื่องเล็กๆและใกล้ตัว เป็นอีกเสน่ห์อีกอย่างที่เราสามารถหยิบขึ่นมาฟังกันได้อย่างไม่รู้เบื่อ เหมือนกับการสื่อสารการพบปะผู้คนและความหมายของมนุษย์ที่ไม่มีแค่การจำกัดความแต่เรื่องเดียว