เลิกกับสามีที่อยู่ด้วยกันมา 13 ปีเพราะเขามีคนอื่น ตอนนี้ทุกข์เหมือนจะตาย

เราแต่งงานกับสามีมา 6 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน รวมระยะเวลาที่เป็นแฟนและแต่งงานก็ราวๆ 13 ปี  อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่สามีไม่มีอะไรเป็นหลักเป็นฐาน จนตอนนี้เขาได้งานทำ ใกล้ชิดผู้หลักผู้ใหญ่ของจังหวัด แถมหน้าตาดีบุคคลิกดี ทำงานเจอคนเยอะแยะ มีคอนเนคชั่นเยอะ สาวๆ ก็วิ่งเข้าหา สุดท้ายเขาก็ไปกับคนอื่น ตอนที่เป็นแฟนและแต่งงานกันใหม่ๆ เราให้เขาเป็นผู้นำทุกอย่าง แม้ว่าจะอายุน้อยกว่าเราสี่ปี แต่ก็ไม่เคยเป็นปัญหาอะไร แต่พอเรามีลูก เราเริ่มโฟกัสที่ลูก และดูแลพี่เลี้ยงดีมากจนแฟนเราต่อต้าน การต่อต้านของเขาคือ กลั่นแกล้ง กดขี่พี่เลี้ยง ให้อยู่ไม่ได้ เราก็ไม่อยากจะเสียพี่เลี้ยงไป เราเลยต้องออกหน้าปกป้องพี่เลี้ยงอยู่บ่อยๆ ทำให้เกิดปัญหาสะสมระหว่างเรากับแฟนโดยตลอด เราทำงานนอกบ้านด้วย พอมามีลูก เลยยิ่งไม่มีเวลาดูแลสามีเท่าที่ควร เขาเริ่มมีคนอื่น แต่คราวนั้นหนแรก และเขาตัดได้ทันที เรายกโทษให้ เเละไม่เคยพูดถึงเรื่องนี่อีก เพียงแต่บอกว่า ถ้ามีอีกครั้ง ก็จบกัน  

ต่อมาเราตั้งท้องสอง คราวนี้ลูกฝาแฝด เรายิ่งไม่มีเวลาดูแลสามีหนักขึ้น แถมพี่เลี้ยงก็ต้องเพิ่มจำนวนขึ้นอีกเพื่อช่วยเราดูแลลูก สามียิ่งไม่ชอบใจ เพราะตอนนี้เขาพูดอะไร เราจะไม่ค่อยเชื่อฟังเหมือนก่อน เพราะถ้าเราเชื่อเขา ( ซึ่งในความคิดของเราคือ สิ่งที่เขาสั่งให้เราทำนี่มัน จู้จี้ หยุมหยิม มากกกกก หรือ บางครั้งเขาก็จิกหัวใช้คน  )  เราก็ต้องเปลี่ยนพี่เลี้ยงบ่อยๆ มันจะกระทบกับเราและลูกเรามาก และเรากับเขาก็มีความคิดสวนทางกันในทุกๆ เรื่อง อีกทั้งเขาไม่ให้ความเคารพพ่อของเราเลย  

โดยทั่วไปแล้ว เขาเองไม่ค่อยมีบทบาทในการดูแลลูกสักเท่าไหร่ ส่วนมากมักจะเล่นกับลูกเท่านั้น  ภาระอื่นๆ โยนให้เราและพี่เลี้ยงหมด  เช้ามาพี่เลี้ยงเตรียมผักผลไม้ปั่นรอเขาลงมาทาน เราตื่นแล้ว ก็เก็บที่นอนทั้งของเรา ลูก และของเขา พาลูกลงมาอาบน้ำ แต่งตัว ป้อนข้าว เขาทานเสร็จ ขึ้นไปแต่งตัวเกือบชั่วโมง ลงมาทักลูกแล้วออกไปทำงาน ส่วนเราเสร็จจากลูก รีบไปแต่งตัวไปทำงาน ส่งลูกที่ รร บางวันเขาก็ส่งบ้าง แล้วแต่สถานการณ์ พี่เลี้ยงก็เลี้ยงน้องไป ทำงานบ้าน รีดผ้าหอมฉุยให้เขา ล้างรถ  เรามีหน้าที่ไปช้อปปิ้งที่โลตัส เตรียมผลไม้ที่เขาชอบ ลูกชอบ เตรียมวัตถุดิบในการทำผัก ผลไม้ปั่นของเขาไว้ อย่าได้ขาด ส่วนมากก็ผักจากโครงการหลวง ตอนนอนเราก็นอนปลายเท้าลูก กันลูกตกเตียง ส่วนเขาก็นอนเตียงใหญ่อีกเตียงในห้องเดียวกัน จะคุยจะแชทกับใคร เราก็ไม่อาจรู้ได้  

จนมาถึงวันที่เราเริ่มได้กลิ่นแปลกๆ เพราะกระเป๋าเดินทางของสามี ดันมีแทคพันกระเป๋าชื่อผู้หญิงกลับมาที่บ้าน  เราถามเขาก็บอกว่า เพื่อนกัน บังเอิญเจอกัน และเช็คอินด้วยกัน เราก็ไปเช็คย้อนกลับ เห็นว่าขาไปก็ไปด้วยกัน เที่ยวบินเดียวกัน เพียงแต่ว่า ไม่ได้เดินขึ้นเครื่องด้วยกัน เพราะเราไปส่ง แต่ขากลับ กลับมาพร้อมกัน นั่งมาด้วยกันเลยค่ะ ( ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ขากลับ สามียอมเสียเงินเป็นพันๆ เพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน บินเที่ยวเดียวกับผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนขี้เหนียวมากก แต่ครั้งนี้ เร่งเราให้เราเปลี่ยนเที่ยวบินแบบไม่คิดเรื่องเงินเลยค่ะ และเราคือคนจ่าย ) ครั้งนี้คือครั้งแรก ที่เราสงสัย แต่ก็คิดว่า คงเเค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น

ต่อมาวันเกิดเขา ห่างจากเรื่องเที่ยวบินสัก 4 เดือน ผู้หญิงคนนี้ ส่งรูปภาพมา HBD สามีเราในไลน์ เราเห็นภาพเเล้วขาสั่น ใจหวิว มันเป็นภาพที่เขาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ด้วยกัน  ส่วนมากก็ร้านกาแฟ ถ่ายรูปคุ่กัน มีภาพจุ๊บปากกัน และผู้หญิงเขียนว่า HBD MY LOVE เท่านั้นล่ะค่ะ  บ้านแตก เรากดดันจนสามีเรายอมโทรหา ผญ คนนั้นแล้วเขาก็บอกกับ ผญ คนนั้นว่า เลิกกันไปสักพักก่อนนะ  

หลังจากนั้นมาเราก็ไม่เคยเบาใจนะ ติดตามขุดคุ้ยตลอด และพบตลอดว่าเขาไม่เคยเลิกติดต่อกันเลย ยังแอบนัดแนะกันไปนั่นมานี่ ทั้งที่มีคนมาบอก ทั้งที่รูปถ่ายในมือถือเขาเองที่เขาลืมลบ หรือ รายการ Wechat โทรเข้าโทรออก ลืมลบบ้าง ที่ร้ายๆ ก็คือ อ้างเรื่องงาน เพื่อที่จะได้มาติดต่อพบปะกัน ( ผญ ทำงานออแกไนซ์ ต้องติดต่อกับส่วนกลางเพื่อจัดงานของจังหวัด ส่วนสามีทำงานที่ศาลากลาง ต้องติดต่องานกับพวกนี้ตลอด )  อ้างเรื่องงาน เรื่องราชการ พากันไป ตปท. หลายครั้ง โดยอ้างว่าเรื่องงาน ทั้งๆ ที่มันเป็นการชงชื่อผู้ติดตามว่าจะเอาใครไป บางครั้งเอา ผญ คนนี้ขึ้นรถตู้จังหวัดไปส่งตัวเขาเองที่แม่สาย ตัวเขาไปประชุมที่พม่า แต่พา ผญ ไปช้อปที่แม่สายก่อน ตัวเองข้ามแดนไปประชุมต่อ เเล้วให้รถตู้จังหวัดมาส่ง ผญ กลับ  หรือ ช่วงที่เขาบอกเราว่าไปทำงาน กทม และ ผญคนนั้นก็พาลูกสาว ( ผญ คนนี้ผ่านการแต่งงานมาแล้ว มีลูกสาว  1 คน ให้สามีเลี้ยงลูก บอกว่าตัวเองไม่มีเวลาดูแล และเลิกกับสามีเพราะเจอสามีเรา - อันนี้คือสามีเก่าเขาสงสัยว่าจะเป็นเช่นนั้น - เราคุยกับสามีเก่าเขามาแล้วค่ะ  ) ไปเที่ยวพัทยา ในช่วงเวลาเดียวกันกับที่สามีเราบอกว่าต้องไปทำงนที่ กท เราว่ากลิ่นมันตุๆ เราให้สามีพิสูจน์สถานที่ที่อยู่ ว่าอยู่ กทม จริงไหม เขาทำไม่ได้ค่ะ แม้ว่าเราโทรเข้า รร ตามเบอร์ห้องที่ที่เขาบอกว่าเขาพัก แต่ พนง รร บอกว่า คนที่เขาพักห้องนี้คือคนจีน  ปกติเวลาไปพัก รร ไหน เขาต้องหอบของในห้องน้ำกลับมา แต่คราวนี้ไม่มีเลยค่ะ จนถึงวันนี้ก็ยังบอกเราไม่ได้ว่าไป กทม มาจริงหรือ อ้างว่าไป แต่จริงๆ ไปเที่ยวพัทยากับ ผญ มา

เราเองก็ไม่มีเวลาจะไปติดตาม เพราะต้องทำงานและเลี้ยงลูก เขาก็รู้ตรงนี้ ถึงได้นัดแนะกันช่วงเวลาทำงาน ช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืน หรือวันหยุด ก็ทำตัวปกติ อยู่กับเรากับลูก แต่จะเข้าห้องน้ำนานๆ เพื่อคุยกับ ผญ คนนี้ พอเราบ่นว่าอย่าเข้าห้องน้ำนานนัก ก็จะโมโหบอกว่าเวลาส่วนตัว ...

เราอดทนมาปีกว่าๆ คิดว่าเขาจะคิดได้ หรือสำนึก แต่ไม่เลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกันเรื่องนี้ เขาจะบอกว่าเลือกเราและลูก  คนอื่นแค่เล่นๆ เราบอกให้ไปจัดการเลิกเสีย เขาก็รับปากทุกครั้งไป แต่มันเป็นการรับปากเพื่อที่จะไปนัดแนะ ไปวางแผนกันเพื่อให้ตบตาเราได้เเนบเนียนมากขึ้น จนถึงวันที่เราคิดว่า เราไม่น่าจะไหวแล้วนะ  ครั้งนั้นเราพบข้อความเขาสองคนคุยกัน เค้า ตัวเอง อย่างนั้นอย่างนี้  เราก็ทะเลาะกันอีกเช่นเคย เขาตะโกนใส่หน้าเราว่า อย่ามายุ่งกัน ต่างคนต่างอยู่ ไม่มาดู ก็ไม่เห็น ก็ไม่ทะเลาะไหม จะมาดูทำไม ไม่ต้องมายุ่งกันอีก ..เราเลยเเน่ใจว่า ทั้งตัวทั้งใจเขาน่าจะไปจากครอบครัวจนหมดสิ้นแล้ว  เราเลยไม่ให้เขาไปภูเก็ตกับเราและลูก เพื่อจะลงโทษ ให้เขาอยู่บ้านเผื่อว่าความเงียบจะทำให้คิดได้ แต่ไม่เลยค่ะ เขาพา ผญ คนนั้นไปเมืองจีนก่อนหน้าเราจะพาลูกไปภูเก็ตสองวัน ตอนที่พากันไป ก็คือจะปกปิด แต่ความลับมันไม่มีในโลก เราก็เห็นภาพคนถ่ายส่งมาให้ดูอีกจนได้

ตลอดเวลาที่เราอยู่ภูเก็ต เราไม่ติดต่อเขาเลยค่ะ จนกลับมาบ้าน เขาขอคุย เราก็คุยนะคะ เราตั้งใจจะคุยตามข้อสัญญาเดิมของเรา คือ เงินสะสมที่มีร่วมกันมายกให้ลูกทั้งหมด รถสองคันยกให้ลูกทั้งหมด ส่วนเขาจะไปแต่ตัว แต่เราพบว่า เขาได้โอนเงินที่เราสะสมร่วมกันมาทั้งหมดไปที่แม่เขาหมดเลยค่ะ ( เราทะเลาะกับแม่เขามาหนักมากก่อนหน้านั้น เพราะเขาโทษว่าที่ลูกเขาไปมีเมียน้อยเพราะเราเองที่ไม่ดี บกพร่อง เพราะฉะนั้นมาโทษลูกชายเขาไม่ได้ และจะมายึดเงินลูกชายเขาก็ไม่ได้อีก ลูกชายเขาต้องออกไปจากบ้านเราอย่างมีศักดิ์ศรี แม่เขาบอกวา่ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม - บัญชีที่เก็บเงิน เป็นชื่อขเาคนเดียวค่ะ เราไม่คิดอะไรมาก ยังไงก็สามี )  คือเขาสารภาพว่าเซ็นโอนเงินให้แม่เขาก่อนจะไปเมืองจีนอีกค่ะ ส่วนเราพาลุกไปเที่ยวภูเก็ตแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ยังแอบคิดว่า กลับมาบ้าน จะได้สามีคนเก่าคืนมาด้วยซ้ำไป เพราะคราวนี้เราเอาจริงมาก  พอออกมารูปการณ์นี่  รถอีกสองคันที่จอดในบ้าน เราเอาออกไปจอดบ้านเพื่อนเลยค่ะ  เขาและเเม่เขาโกรธมาก หาว่าเราร้ายกาจ รังแกลูกชายเขา ( คือ ก่อนหน้านั้น เขาเซ็นโอนรถให้เราแล้วทั้งสองคัน เหลือแค่โอนเงินเท่านั้นที่ยังไม่ได้ทำ แต่เขายืนยันมั่นเหมาะว่าให้แน่ เราก็ไว้ใจ วางใจ เชื่อเขาค่ะ และถึงแม้รถจะเป็นชื่อเราแล้ว แต่เราก็ยังให้เขาใช้รถตามปกติค่ะ )  แม่เขาบอกว่าเงินที่เขาเอาไปนั่น ถ้ามีส่วนไหนเป็นของเรา ให้เอาหลักฐานมาแสดง ไปคุยกับแม่เขาเอง ( เงินสะสมเรา เก็บเองส่วนตัว พอมีแสนสองแสนเขาก็มาขอไป บอกว่าเอาไปลงทุนเล่นหุ้น ดีกว่าเงินนอนเฉยๆ เราก็ให้ไปค่ะ  เอาไปรวมกันในกองนี้หมดทุกบาททุกสตางค์  แม่เขาเริ่มต้นมาให้ 2 แสนค่ะ เเต่ได้ไปจากก้อนนี้ ล้านกว่าบาท เอาไปหมดค่ะ )

จากที่คิดว่าเราอาจจะกลับมาคุยกันได้อีก กลับกลายเป็นว่า มันไปกันใหญ่กันโต ต่างคนต่างหวาดระเเวงกันว่าอีกฝั่งจะงัดกลยุทธ์อะไรออกมา จะมีแผนเหนือเมฆมาหักหลังอีกฝ่ายไหม  เราเลยคิดว่า จบเถอะ แบบนี้แยกย้ายเถอะ จากเดิมคิดแค่ว่าแยกกันอยู่ มันเลยกลายเป็นว่า เราไปหย่ากันค่ะ  สามีก็ไปหย่าแบบง่ายดาย เขาก็คงอยากเป็นอิสระอยู่แล้ว ตกลงกันว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน ไม่บันทึก ลุกอยู่ในปกครองของมารดา

ออกไปจากบ้านไม่นาน เขาก็ซื้อรถใหม่ค่ะ ผ่อนมากกว่าครึ่งของเงินเดือน และโทษเราว่า เขาต้องออกไปพบกับความลำบาก ไม่สุขสบายเหมือนอยู่บ้านกับเรา  เพราะเราเป็นต้นเหตุ  ทำให้เขามีเมียน้อย จนเราชวนไปหย่า ทั้งๆที่เขาเองก็ไม่ได้อยากหย่า แต่ตามใจเรา เขาต้องออกไปจากบ้าน เพราะเราไล่เขาไป เขาไม่ได้อยากไป เขาต้องออกไปผ่อนรถเอง เงินเดือนเหลือแทบเอาตัวไม่รอด เพราะเรายึดรถเขา ในขณะที่เรามีทั้งบ้าน ทั้งรถ เพราะฉะนั้นเขาไม่ส่งลูกรายเดือนนะ เขาต้องผ่อนรถ ต้องซื้อบ้านอีก ถ้าเราอยากเลี้ยงลุก เราก็ไปหาเงินมาเลี้ยงเอาเอง ( เเม่เราคอยช่วยเหลือเรา ส่งหลานทุกเดือนมานานแล้วคะ ลำพังตัวเราเเละเขา เลี้ยงไม่รอดหรอกค่ะ เขาเลยเอาตรงนี้มาจับว่า ถึงเขาไม่ส่ง แม่เราก็ต้องส่งเงินเพิ่มให้หลานแน่นอนอยู่แล้ว )  แต่ในความเป็นจริง คือ เราเอาเงินก้อนที่สะสมกัน ส่งค่าประกันลุก และค่าเทอม ส่วนรายเดือนปลีกย่อย เขาช่วยเดือนละหมื่น นอกนั้นเราแบกรับภาระทั้งหมดค่ะ  ตอนนี้มาผิดแผนว่าไม่มีเงินก้อนส่งประกันกับค่าเทอมลูก เราเลยไปไม่เป็นแล้วค่ะ

เขาออกจากบ้านไปเกือบเดือนแล้วค่ะ เราเฝ้าคิดถึงเขาทุกวัน ถามว่ายังรักไหม รักมากค่ะ รักทั้งๆที่รู้ว่า ไม่มีอะไรดีให้รักเลย เฝ้าคิดถึงแต่ว่า เขาจะออกไปมีความสุขกับ ผญ คนนั้นมากไหม จะทำอะไรกันบ้าง ในขณะที่เราทุกวันทุกคืน มีแต่ลูก ทำงาน เวลาไปทำงานก็อาศัยพี่เลี้ยงดูแลแฝดหญฺิงอายุ 2.9 ปีให้ ซึ่งเขาก็ดูแลกันอย่างดี ( และอยู่กันอย่างสบายใจมากที่สามีเราออกจากบ้านไป )  ส่วนพี่ชายเขาอายุ 4.9 ปี ก็ไป รร เราก็อาศัยพ่อเราคอยรับส่งบ้าง แทนเขา เพราะเราทำงานไม่เป็นเวลาปกติ  บางวันเราเฝ้าคิดถึงเขาจนเก็บเอาไปฝันว่าเขากลับมาหาเรา มารักเรา เราหดหู่มากค่ะ เขาออกจากบ้านไป ไม่เคยโทรกลับมาหาลูกเลย ลูกก็เฝ้าถามหา และก็ถามหาน้อยลงเรื่อยๆ

เราตกลงกันว่า เสาร์อาทิตย์จะให้เป็นเวลาแบบเดิมของลูก คือ เขามาหาลูก มาพาลูกไปเที่ยวเหมือนปกติ ถ้าเราไปได้ เราก็ไปด้วยแบบปกติ  เเต่เราขอเขาว่า อย่าพา ผญ คนนั้นมาให้ลูกเห็น  ตอนนี้เราเลยกลายเป็นว่าเราเฝ้ารอเสาร์อาทิตย์ อยากให้เขามาหาลูก การได้เห็นเขา เรามีความสุข แม้ว่าตอนนี้เขาจะไปรักคนอื่นแล้วก็ตาม  ระหว่างอาทิตย์ เราก็ทรมานมาก ตชคอยจับแต่โทรศัพท์ว่าเขาจะไลน์มาหาลูกไหม จะมีข้อความอะไรจากเขาไหม เขาจะมีความสุขกับคนนั้นมากไหม  ผญ คนนั้นจะเยาะเย้ยเราไหม เพราะ ผญ เขาก็พยายามไปเที่ยวตามร้ากาแฟ และถ่ายรูปสวยๆมาลงในเฟส เพื่อเย้ยเรา แต่เราก็เลิกดูแล้วนะคะ ดูไปก็ทำร้ายตัวเองเปล่า สามีเราจากเดิมที่เคยบลอคเฟส ผญ คนนั้น ก็มาบลอคเราเเทน โดยไม่สนใจว่า ถ้าบลอคเราก็จะไม่ได้ดูลูก เขาก็ไม่สนค่ะ ( เขาบลอคเราเพราะเราด่า ผญ คนนั้นลงหน้าเฟสเรา และ ผญ คนนั้นก็เถียงกะเราผ่านหน้าเฟสเขาด้วยนะ เเต่สามีเราก็ไม่ได้บลอค ผญ คนนั้นแต่อย่างใด )
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่