ผมร่วมหุ้นกับเพื่อน 2 คน โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้ครับ
- ร้านทำธุรกิจให้บริการ (ร้านบอร์ดเกม)
- ผมมีอาชีพประจำอยู่ แต่เพื่อนสองคนไม่มีอาชีพประจำ คนหนึ่งเมื่อก่อนเคยทำงานโรงงานแต่ลาออกมาแล้ว ส่วนอีกคนออกจากมหาวิทยาลัยมากลางครันเพื่อมาโปรแกรมมิ่งสร้างเกม
- ในเรื่องของส่วนกลางหาร 3 เท่ากันหมด โดยการเก็บเงินกองกลางในช่วงแรกและช่วงที่เงินไม่พอจ่าย
- ในส่วนของอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน (โต๊ะบัญชี คอมพิวเตอร์ ปริ้นท์เตอร์ ตู้เย็น เคาท์เตอร์) เป็นส่วนของผมที่นำเข้ามา เนื่องจากเพื่อนสองคนไม่มีทุนมากนัก (แต่ก็เหมือนมีเวลาเฝ้าร้านมาชดเชย)
- ช่วงเวลาที่มีลูกค้า ทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลลูกค้า แต่เวลาที่ไม่มีลูกค้า คนหนึ่งนั่งเขียนโปรแกรมมิ่ง อีกคนนั่งแชทมือถือตลอดเวลา ส่วนผมพยายามชวนให้คิดหาแนวทางให้ร้านเป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้น หรือบางทีก็ชวนให้มาลองเล่นบางเกมที่นานๆ จะมีลูกค้ามาเล่นที เพราะเราจะลืมกฎและไม่แม่นเวลาที่ต้องสอนจริง แต่เพื่อนก็มีแนวโน้มที่จะนั่งเล่นของตัวเองต่อไป
ประเด็นปัญหา
- เพื่อนบอกว่า เห็นควรมีค่าแรงรายวัน ซึ่งเสนอมาที่วันละ 40 บาท
การพูดคุยกับหุ้นส่วน
- ผมเองบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็บอกย้ำเตือนว่า ก่อนนี้เราอยู่กันในสถานะเจ้าของร้านมาผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าร้านกัน แต่หากว่ามีค่าแรง คงต้องมีความรับผิดชอบกันมากขึ้น เวลาไม่มีลูกค้า (ซึ่งบางวันไม่มีเลย) ควรจะต้องวิเคราะห์ถึงปัญหา แล้วมาพูดคุยนำเสนอกัน (ยังไงวันนั้นก็ว่างกันอยู่แล้ว)
- เพื่อนบอกไม่คุ้มกับ 40 บาท ผมบอก ผมยินดีเพิ่มเป็น 100 บาท ก็ได้ แต่ช่วยทำงานเชิงรุกกันหน่อย
- เพื่อนบอกไม่เอา จะขอ 40 บาท แลกกับการทำแบบนี้ต่อไป
- ผมบอกว่าถ้าอย่างนั้น วันที่ลูกค้าไม่มีเลย แล้วเราเคยเสนอเรื่องการแจกโบรชัวร์ เราควรใช้เวลานั้นในการแจกโบรชัวร์หรือเปล่า เพื่อนบอกว่า 40 บาทควรเป็นแค่ค่าเฝ้าร้าน ถ้าจะให้แจกโบรชัวร์ควรมีค่าจ้างเพิ่มต่างหาก
- เพื่อนบอกผมเห็นแก่ตัวเพราะมาเฝ้าร้านน้อยที่สุด เพื่อนรู้สึกเหมือนถูกผมเอาเปรียบ การมีค่าแรงจะช่วยให้ลดปัญหาจุดนี้
- ข้อเท็จจริง ทางร้านหักต้นทุนคงที่ และค่าสาธารณูปโภคแล้ว ยังเป็นลบ นั่นคือยังต้องมีการควักเงินของหุ้นส่วนเข้ากองกลางทุกเดือน
- ผมบอกว่า รู้ตัวเองว่ามีเวลาน้อยกว่าคนอื่น เคยเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว และบอกว่าถ้าไม่พอใจ จะยอมถอนทุนก็ได้ แต่เพื่อนก็บอกว่าก็โอเค แต่ขอให้ทำงานเบื้องหลัง (สนับสนุนให้เต็มที่) ผมก็ทำเอกสาร โบรชัวร์ หรือคู่มือร้านต่างๆ อยู่สม่ำเสมอ
- เพื่อนเคยบอกว่า จำนวนเกมจะทำให้ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ผมก็จะควักทุนตัวเองเพื่อซื้อเกมเข้าร้านอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่เพื่อนก็บอกว่า สุดท้ายเกมก็เป็นของผมอยู่ดี ถ้าผมแฟร์ต้องซื้อมาแล้วเกมเป็นของร้านเลยไม่ใช่ของผม
- อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นของส่วนตัวผมที่เอามาไว้ที่ร้านทั้งนั้น เพราะให้ลงขันซื้อกัน ก็ไม่มีใครมีทุน และผมเองก็ไม่ได้คิดค่าเช่าแต่อย่างใด
- บางครั้งผมก็เอาช่วงเวลาว่างในงานประจำ มาทำงานในส่วนของร้านเหมือนกัน ผมเลยบอกเพื่อนว่า ถ้าอย่างนั้นจะวัดว่าใครทำงานไม่ทำงานแค่จากการเข้าร้านหรือไม่เข้าร้านแค่นั้นหรอ เพราะอย่าลืมว่าเราอยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจไม่ใช่ลูกจ้าง
- ผมเสนอให้แลกเปลี่ยนการเข้างานเป็นกะ พอเพื่อนอีกคนมาเปลี่ยนกะแล้วก็สามารถกลับบ้านได้เลย เพื่อนก็ไม่เอากัน บอกจะอยู่จนร้านปิด
ข้อแลกเปลี่ยนความเห็น
1. สรุปว่าผมเห็นแก่ตัวใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมควรพูดคุยหรือตกลงกับเพื่อนอย่างไรดี (ผมเห็นด้วยกับการมีค่าแรงนะ แต่อย่างที่ผมบอกผมยินดีจ่ายแพงขึ้น แต่สโคปงานกว้างขึ้น ทำงานเชิงรุกกันมากขึ้น) และหากเป็นเพื่อนๆ จะจ้างวันละ 40 บาทมาเฝ้าร้านอย่างเดียว หรือจ้าง 100 บาท และทำงานเชิงรุกกันด้วยมากกว่ากัน
2. การที่ผมซื้อเกมเข้าร้านและให้ใช้อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ แลกกับการที่มาอยู่ร้านได้น้อย เป็นสิ่งที่ไม่แฟร์ตามที่เพื่อนพูดจริงหรือไม่ครับ (ซื้อเกมเข้าร้านเฉลี่ยเดือนละสามพันบาท และถ้าผมไม่ซื้อก็ไม่มีใครซื้ออยู่ดีเพราะไม่มีเงินกัน)
3. การใช้วิธีการเฝ้าร้านแบบการเข้ากะมีความเหมาะสมเพียงใดครับ
ขอความเห็นเรื่องการทำธุรกิจกับเพื่อนครับ
- ร้านทำธุรกิจให้บริการ (ร้านบอร์ดเกม)
- ผมมีอาชีพประจำอยู่ แต่เพื่อนสองคนไม่มีอาชีพประจำ คนหนึ่งเมื่อก่อนเคยทำงานโรงงานแต่ลาออกมาแล้ว ส่วนอีกคนออกจากมหาวิทยาลัยมากลางครันเพื่อมาโปรแกรมมิ่งสร้างเกม
- ในเรื่องของส่วนกลางหาร 3 เท่ากันหมด โดยการเก็บเงินกองกลางในช่วงแรกและช่วงที่เงินไม่พอจ่าย
- ในส่วนของอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน (โต๊ะบัญชี คอมพิวเตอร์ ปริ้นท์เตอร์ ตู้เย็น เคาท์เตอร์) เป็นส่วนของผมที่นำเข้ามา เนื่องจากเพื่อนสองคนไม่มีทุนมากนัก (แต่ก็เหมือนมีเวลาเฝ้าร้านมาชดเชย)
- ช่วงเวลาที่มีลูกค้า ทุกคนต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดูแลลูกค้า แต่เวลาที่ไม่มีลูกค้า คนหนึ่งนั่งเขียนโปรแกรมมิ่ง อีกคนนั่งแชทมือถือตลอดเวลา ส่วนผมพยายามชวนให้คิดหาแนวทางให้ร้านเป็นที่ยอมรับเพิ่มขึ้น หรือบางทีก็ชวนให้มาลองเล่นบางเกมที่นานๆ จะมีลูกค้ามาเล่นที เพราะเราจะลืมกฎและไม่แม่นเวลาที่ต้องสอนจริง แต่เพื่อนก็มีแนวโน้มที่จะนั่งเล่นของตัวเองต่อไป
ประเด็นปัญหา
- เพื่อนบอกว่า เห็นควรมีค่าแรงรายวัน ซึ่งเสนอมาที่วันละ 40 บาท
การพูดคุยกับหุ้นส่วน
- ผมเองบอกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ก็บอกย้ำเตือนว่า ก่อนนี้เราอยู่กันในสถานะเจ้าของร้านมาผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าร้านกัน แต่หากว่ามีค่าแรง คงต้องมีความรับผิดชอบกันมากขึ้น เวลาไม่มีลูกค้า (ซึ่งบางวันไม่มีเลย) ควรจะต้องวิเคราะห์ถึงปัญหา แล้วมาพูดคุยนำเสนอกัน (ยังไงวันนั้นก็ว่างกันอยู่แล้ว)
- เพื่อนบอกไม่คุ้มกับ 40 บาท ผมบอก ผมยินดีเพิ่มเป็น 100 บาท ก็ได้ แต่ช่วยทำงานเชิงรุกกันหน่อย
- เพื่อนบอกไม่เอา จะขอ 40 บาท แลกกับการทำแบบนี้ต่อไป
- ผมบอกว่าถ้าอย่างนั้น วันที่ลูกค้าไม่มีเลย แล้วเราเคยเสนอเรื่องการแจกโบรชัวร์ เราควรใช้เวลานั้นในการแจกโบรชัวร์หรือเปล่า เพื่อนบอกว่า 40 บาทควรเป็นแค่ค่าเฝ้าร้าน ถ้าจะให้แจกโบรชัวร์ควรมีค่าจ้างเพิ่มต่างหาก
- เพื่อนบอกผมเห็นแก่ตัวเพราะมาเฝ้าร้านน้อยที่สุด เพื่อนรู้สึกเหมือนถูกผมเอาเปรียบ การมีค่าแรงจะช่วยให้ลดปัญหาจุดนี้
- ข้อเท็จจริง ทางร้านหักต้นทุนคงที่ และค่าสาธารณูปโภคแล้ว ยังเป็นลบ นั่นคือยังต้องมีการควักเงินของหุ้นส่วนเข้ากองกลางทุกเดือน
- ผมบอกว่า รู้ตัวเองว่ามีเวลาน้อยกว่าคนอื่น เคยเปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว และบอกว่าถ้าไม่พอใจ จะยอมถอนทุนก็ได้ แต่เพื่อนก็บอกว่าก็โอเค แต่ขอให้ทำงานเบื้องหลัง (สนับสนุนให้เต็มที่) ผมก็ทำเอกสาร โบรชัวร์ หรือคู่มือร้านต่างๆ อยู่สม่ำเสมอ
- เพื่อนเคยบอกว่า จำนวนเกมจะทำให้ดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ผมก็จะควักทุนตัวเองเพื่อซื้อเกมเข้าร้านอยู่เป็นประจำสม่ำเสมอ แต่เพื่อนก็บอกว่า สุดท้ายเกมก็เป็นของผมอยู่ดี ถ้าผมแฟร์ต้องซื้อมาแล้วเกมเป็นของร้านเลยไม่ใช่ของผม
- อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก็เป็นของส่วนตัวผมที่เอามาไว้ที่ร้านทั้งนั้น เพราะให้ลงขันซื้อกัน ก็ไม่มีใครมีทุน และผมเองก็ไม่ได้คิดค่าเช่าแต่อย่างใด
- บางครั้งผมก็เอาช่วงเวลาว่างในงานประจำ มาทำงานในส่วนของร้านเหมือนกัน ผมเลยบอกเพื่อนว่า ถ้าอย่างนั้นจะวัดว่าใครทำงานไม่ทำงานแค่จากการเข้าร้านหรือไม่เข้าร้านแค่นั้นหรอ เพราะอย่าลืมว่าเราอยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจไม่ใช่ลูกจ้าง
- ผมเสนอให้แลกเปลี่ยนการเข้างานเป็นกะ พอเพื่อนอีกคนมาเปลี่ยนกะแล้วก็สามารถกลับบ้านได้เลย เพื่อนก็ไม่เอากัน บอกจะอยู่จนร้านปิด
ข้อแลกเปลี่ยนความเห็น
1. สรุปว่าผมเห็นแก่ตัวใช่หรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นผมควรพูดคุยหรือตกลงกับเพื่อนอย่างไรดี (ผมเห็นด้วยกับการมีค่าแรงนะ แต่อย่างที่ผมบอกผมยินดีจ่ายแพงขึ้น แต่สโคปงานกว้างขึ้น ทำงานเชิงรุกกันมากขึ้น) และหากเป็นเพื่อนๆ จะจ้างวันละ 40 บาทมาเฝ้าร้านอย่างเดียว หรือจ้าง 100 บาท และทำงานเชิงรุกกันด้วยมากกว่ากัน
2. การที่ผมซื้อเกมเข้าร้านและให้ใช้อุปกรณ์สำนักงานต่างๆ แลกกับการที่มาอยู่ร้านได้น้อย เป็นสิ่งที่ไม่แฟร์ตามที่เพื่อนพูดจริงหรือไม่ครับ (ซื้อเกมเข้าร้านเฉลี่ยเดือนละสามพันบาท และถ้าผมไม่ซื้อก็ไม่มีใครซื้ออยู่ดีเพราะไม่มีเงินกัน)
3. การใช้วิธีการเฝ้าร้านแบบการเข้ากะมีความเหมาะสมเพียงใดครับ