1.การขาดโธมัส มูนิเยร์ ส่งผลกระทบต่อเบลเยี่ยมอย่างเห็นได้ชัด
ในนัดที่แล้วของเบลเยี่ยม แม้โธมัส มูนิเยร์ จะไม่ได้โชว์ฟอร์มโดดเด่นสักเท่าไร แต่เขาก็สามารถเก็บเนย์มาร์ได้อย่างอยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่มันต้องแลกมาด้วยใบเหลือง และเมื่อนับรวมที่ได้มาจากเกมก่อนๆ ทำให้นัดนี้เขาไม่สามารถลงเล่นได้ โดยกุนซือเบลเยี่ยมได้ส่งนาเซอร์ ชาดลี มาเล่นแทน แต่นั่นไม่ใช่ตำแหน่งปกติของเขา ทำให้วันนี้เบลเยี่ยมดูเล่นได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร
2.เกมสวนกลับของฝรั่งเศส
ในเกมนี้ ฝรั่งเศสได้ใช้เกมสวนกลับอย่างเต็มที่ ซึ่งมันน่ากลัวมาก การสวนแต่ละครั้งนั้นมีโอกาสได้จบสกอร์แทบทุกครั้ง ต้องยกความดีความชอบให้กับคีเลียน เอมบัปเป้ ไปเต็มๆ ความเร็วของเขาเป็นประโยชน์ในเกมนี้มาก ในส่วนของคนอื่นๆ กรีซมันน์และมาตุยดี้ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน ลูกยิงไกลของกรีซมันน์ก็สร้างความหวาดเสียวพอสมควร และมาตุยดี้ก็เรียกฟาวล์ได้บ่อย สร้างประโยชน์ให้ทีมได้มาก
3.ฟอร์มอันโดดเด่นของตีโบ กูร์ตัวและอูว์โก โยริส
แม้จะเบลเยี่ยมจะพ่ายแพ้ แต่กูร์ตัวก็โชว์ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง เขาเซฟลูกยิงยากๆได้หลายลูกทีเดียว รวมทั้งลูกยิงโล่งๆของโกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ที่แม้จะพยายามยิงหลบเขาแล้ว แต่ก็ยังผ่านเขาไม่ได้ ลูกที่เขาโดนยิงนั้นสุดวิสัยจริงๆ ต้องชื่นชมซามูเอล อุมติตี้ ที่โหม่งได้อย่างเฉียบคม และในอีกฝั่งหนึ่ง กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสก็เล่นได้ดีมากเช่นกัน เขาเซฟลูกปั่นของเอเดน อาซาร์ได้ รวมทั้งเซฟลูกยิงไกลของอักเซล วิตเซลที่ควรจะเข้าไปได้อีกลูก แต่ยังออกมาชกบอลตัดจังหวะสำคัญไปอีกหลายครั้ง ถือว่าเป็นผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนให้ทีมได้รับชัยชนะ
4.เอเดน อาซาร์ ยังสร้างความอันตรายได้อย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับกูร์ตัว แม้จะเบลเยี่ยมจะพ่ายแพ้ แต่อาซาร์ก็ยังเล่นได้ดีสม่ำเสมอ วันนี้เขาเลี้ยงหลบนักเตะฝรั่งเศสไปหลายครั้งมาก ส้รางโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ยิงหลายๆครั้ง และยังมีลูกยิงปั่นโค้งสวยๆให้ชมอีกลูก แต่น่าเสียดายที่ลูกนั้นไม่ผ่านเซฟโยริส ทำให้เขาวันนี้เขาทำประตูไม่ได้ หากในเกมนี้เขาถูกมองเป็นผู้เล่น mvp ในฝั่งผู้แพ้คงไม่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
5.ราฟาเอล วาราน และซามูเอล อุมติตี้
หากทีมชาติสเปนมีเซอร์จิโอ รามอส และเคราร์ด ปิเก้ ซึ่งเป็นนักเตะที่มาจากทีมอริกัน แต่ในทีมชาติเล่นร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ก็พูดได้เต็มปากว่า ราฟาเอล วาราน และซามูเอล อุมติตี้ ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน ในวันนี้ทั้งคู่สามารถป้องกันลูกเปิดของเบลเยี่ยมได้เป็นอย่างดี แม้จะมีบางจังหวะที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่นั่นก็ยังไม่ก่อความเสียหายถึงขั้นเสียประตู และในนาทีที่ 51 อุมติตี้ก็สามารถโหม่งทำประตูชัยจากลูกเตะมุมให้กับฝรั่งเศส นำทีมจากเมืองน้ำหอมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
6.ปีศาจแดงแห่งยุโรปไม่สามารถใช้ลูกโหม่งที่พวกเขาถนัดได้เลย
ทีมชาติเบลเยี่ยม มีผู้เล่นหลายๆคนที่ตัวสูง และสามารถกระโดดโหม่งได้ดี แต่ในวันนี้พวกเขาใช้ความได้เปรียบทางกายภาพเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ เนื่องจากฝรั่งเศสมีการป้องกันเกมริมเส้นของพวกเขาได้เป็นอย่างดี จะยกเว้นก็เพียงแต่นักเตะความสามารถเฉพาะตัวสูงอย่างเอเดน อาซาร์ แต่ลูกเปิดของคนอื่นๆนั้นยังสามารถสร้างความอันตรายได้ไม่ดีพอ ประกอบกับเกมรับของฝรั่งเศสถูกเซตมาอย่างดี ผู้เล่นแทบทุกคนของทีมตราไก่ลงมาช่วยเกมรับ และขยันวิ่งไล่บอล ทำให้เบลเยี่ยมมีโอกาสจบสกอร์ที่ชัดเจนน้อยมาก และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
7.คีเลียน เอ็มบัปเป้
ที่จริงแล้วเรื่องของเอ็มบัปเป้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เพราะทุกคนยอมรับในความสามารถของเขาหมดแล้ว เขามีความเร็วที่สุดยอด สามารถสร้างความปั่นป่วนให้คู่ต่อสู้ได้อย่างดี อีกทั้งลูกจ่ายตอกส้นสุดสวยของเขา ซึ่งเกือบทำให้ฝรั่งเศสได้ประตูอีกลูก น่าเสียดายที่มันไม่เป็นประตู มีคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับเธียร์รี่ อองรี หรือแม้แต่โรนัลโด้ นาซาริโอ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ด้วยอายุที่ยังน้อยและความสามารถที่เหลือล้น หากเขามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเขาสามารถเทียบชั้นกับตำนานคนอื่นๆได้แน่นอน แต่จากความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว เอ็มบัปเป้ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ เราเห็นได้จากหลายๆนัดที่ผ่านมา เขาจงใจรบกวนการเล่นของฝั่งตรงข้ามหรือถ่วงเวลาอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้กระทั่งการเจ็บแบบโอเวอร์ ไม่ทราบว่าเขาได้แรงบันดาลใจมากจากเนย์มาร์หรือไม่ เชื่อว่าหากเขามีความเป็นมืออาชีพ และรู้จักให้เกียรติคู่แข่งมากขึ้น เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นสตาร์ดังที่แฟนๆต่างรักใคร่และชื่นชมอย่างแน่นอน
Photo from FIFA World Cup and Sky Sports
แมตช์นี้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ถือว่าแพ้ชนะกันด้วยแผนและแท็คติกล้วนๆ หากมีประเด็นไหนที่ผิดพลาดหรือตกหล่นก็ขออภัยด้วยครับ ใครมีความเห็นของเกมนี้ยังไงเชิญคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ ฝากเข้าไปกดไลค์เพจผมด้วยนะครับ
อ่านต่อใน facebook ได้ที่
https://www.facebook.com/trying2cheer/posts/271719783574293
7 เรื่องที่เราได้รู้จากแมตช์ ฝรั่งเศส 1-0 เบลเยี่ยม
ในนัดที่แล้วของเบลเยี่ยม แม้โธมัส มูนิเยร์ จะไม่ได้โชว์ฟอร์มโดดเด่นสักเท่าไร แต่เขาก็สามารถเก็บเนย์มาร์ได้อย่างอยู่หมัด แต่น่าเสียดายที่มันต้องแลกมาด้วยใบเหลือง และเมื่อนับรวมที่ได้มาจากเกมก่อนๆ ทำให้นัดนี้เขาไม่สามารถลงเล่นได้ โดยกุนซือเบลเยี่ยมได้ส่งนาเซอร์ ชาดลี มาเล่นแทน แต่นั่นไม่ใช่ตำแหน่งปกติของเขา ทำให้วันนี้เบลเยี่ยมดูเล่นได้อย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไร
ในเกมนี้ ฝรั่งเศสได้ใช้เกมสวนกลับอย่างเต็มที่ ซึ่งมันน่ากลัวมาก การสวนแต่ละครั้งนั้นมีโอกาสได้จบสกอร์แทบทุกครั้ง ต้องยกความดีความชอบให้กับคีเลียน เอมบัปเป้ ไปเต็มๆ ความเร็วของเขาเป็นประโยชน์ในเกมนี้มาก ในส่วนของคนอื่นๆ กรีซมันน์และมาตุยดี้ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน ลูกยิงไกลของกรีซมันน์ก็สร้างความหวาดเสียวพอสมควร และมาตุยดี้ก็เรียกฟาวล์ได้บ่อย สร้างประโยชน์ให้ทีมได้มาก
แม้จะเบลเยี่ยมจะพ่ายแพ้ แต่กูร์ตัวก็โชว์ฟอร์มดีอย่างต่อเนื่อง เขาเซฟลูกยิงยากๆได้หลายลูกทีเดียว รวมทั้งลูกยิงโล่งๆของโกร็องแต็ง โตลิสโซ่ ที่แม้จะพยายามยิงหลบเขาแล้ว แต่ก็ยังผ่านเขาไม่ได้ ลูกที่เขาโดนยิงนั้นสุดวิสัยจริงๆ ต้องชื่นชมซามูเอล อุมติตี้ ที่โหม่งได้อย่างเฉียบคม และในอีกฝั่งหนึ่ง กัปตันทีมชาติฝรั่งเศสก็เล่นได้ดีมากเช่นกัน เขาเซฟลูกปั่นของเอเดน อาซาร์ได้ รวมทั้งเซฟลูกยิงไกลของอักเซล วิตเซลที่ควรจะเข้าไปได้อีกลูก แต่ยังออกมาชกบอลตัดจังหวะสำคัญไปอีกหลายครั้ง ถือว่าเป็นผู้เล่นอีกคนหนึ่งที่มีส่วนให้ทีมได้รับชัยชนะ
เช่นเดียวกับกูร์ตัว แม้จะเบลเยี่ยมจะพ่ายแพ้ แต่อาซาร์ก็ยังเล่นได้ดีสม่ำเสมอ วันนี้เขาเลี้ยงหลบนักเตะฝรั่งเศสไปหลายครั้งมาก ส้รางโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ยิงหลายๆครั้ง และยังมีลูกยิงปั่นโค้งสวยๆให้ชมอีกลูก แต่น่าเสียดายที่ลูกนั้นไม่ผ่านเซฟโยริส ทำให้เขาวันนี้เขาทำประตูไม่ได้ หากในเกมนี้เขาถูกมองเป็นผู้เล่น mvp ในฝั่งผู้แพ้คงไม่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด
หากทีมชาติสเปนมีเซอร์จิโอ รามอส และเคราร์ด ปิเก้ ซึ่งเป็นนักเตะที่มาจากทีมอริกัน แต่ในทีมชาติเล่นร่วมกันได้อย่างไหลลื่น ก็พูดได้เต็มปากว่า ราฟาเอล วาราน และซามูเอล อุมติตี้ ก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน ในวันนี้ทั้งคู่สามารถป้องกันลูกเปิดของเบลเยี่ยมได้เป็นอย่างดี แม้จะมีบางจังหวะที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่นั่นก็ยังไม่ก่อความเสียหายถึงขั้นเสียประตู และในนาทีที่ 51 อุมติตี้ก็สามารถโหม่งทำประตูชัยจากลูกเตะมุมให้กับฝรั่งเศส นำทีมจากเมืองน้ำหอมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ทีมชาติเบลเยี่ยม มีผู้เล่นหลายๆคนที่ตัวสูง และสามารถกระโดดโหม่งได้ดี แต่ในวันนี้พวกเขาใช้ความได้เปรียบทางกายภาพเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ เนื่องจากฝรั่งเศสมีการป้องกันเกมริมเส้นของพวกเขาได้เป็นอย่างดี จะยกเว้นก็เพียงแต่นักเตะความสามารถเฉพาะตัวสูงอย่างเอเดน อาซาร์ แต่ลูกเปิดของคนอื่นๆนั้นยังสามารถสร้างความอันตรายได้ไม่ดีพอ ประกอบกับเกมรับของฝรั่งเศสถูกเซตมาอย่างดี ผู้เล่นแทบทุกคนของทีมตราไก่ลงมาช่วยเกมรับ และขยันวิ่งไล่บอล ทำให้เบลเยี่ยมมีโอกาสจบสกอร์ที่ชัดเจนน้อยมาก และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด
ที่จริงแล้วเรื่องของเอ็มบัปเป้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เพราะทุกคนยอมรับในความสามารถของเขาหมดแล้ว เขามีความเร็วที่สุดยอด สามารถสร้างความปั่นป่วนให้คู่ต่อสู้ได้อย่างดี อีกทั้งลูกจ่ายตอกส้นสุดสวยของเขา ซึ่งเกือบทำให้ฝรั่งเศสได้ประตูอีกลูก น่าเสียดายที่มันไม่เป็นประตู มีคนนำเขาไปเปรียบเทียบกับเธียร์รี่ อองรี หรือแม้แต่โรนัลโด้ นาซาริโอ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด ด้วยอายุที่ยังน้อยและความสามารถที่เหลือล้น หากเขามุ่งมั่นพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าเขาสามารถเทียบชั้นกับตำนานคนอื่นๆได้แน่นอน แต่จากความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว เอ็มบัปเป้ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพมากพอ เราเห็นได้จากหลายๆนัดที่ผ่านมา เขาจงใจรบกวนการเล่นของฝั่งตรงข้ามหรือถ่วงเวลาอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้กระทั่งการเจ็บแบบโอเวอร์ ไม่ทราบว่าเขาได้แรงบันดาลใจมากจากเนย์มาร์หรือไม่ เชื่อว่าหากเขามีความเป็นมืออาชีพ และรู้จักให้เกียรติคู่แข่งมากขึ้น เชื่อว่าเขาจะกลายเป็นสตาร์ดังที่แฟนๆต่างรักใคร่และชื่นชมอย่างแน่นอน
Photo from FIFA World Cup and Sky Sports
แมตช์นี้ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ถือว่าแพ้ชนะกันด้วยแผนและแท็คติกล้วนๆ หากมีประเด็นไหนที่ผิดพลาดหรือตกหล่นก็ขออภัยด้วยครับ ใครมีความเห็นของเกมนี้ยังไงเชิญคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ ฝากเข้าไปกดไลค์เพจผมด้วยนะครับ
อ่านต่อใน facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/trying2cheer/posts/271719783574293