My First Marathon
ถ้าถามว่า ทำไมถึงคิดวิ่งฟูลมาราธอน? ถ้าจะต้องตอบ คงเป็นเพราะหลังจากที่วิ่ง Half ได้สักพักแล้ว เริ่มรู้สึกว่าการวิ่งที่ฮาล์ฟ ยังไงก็วิ่งได้ไม่มีความท้าทาย ถ้าจะให้ท้าทายก็คงต้องลดเวลาการวิ่งให้สั้นลง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อน่องข้างเข่าด้านซ้าย กับถ้าจะลดเวลาในการวิ่งนั้น ความลาดชันของแต่ละสนามที่มีความแตกต่างกันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลในการประเมินการเพิ่มหรือลดความเร็วในการวิ่ง เพื่อที่เราจะวิ่งให้จบ คือถ้าเราสำรวจทางก่อนก็น่าจะพอกะเดาได้ระดับหนึ่งแหละ มันเลยเป็นที่มาที่ทำให้เลือกที่จะไปฟูลมาราธอน บวกกับความที่เป็นคนที่ชอบทำอะไรที่ให้มันสุดจริงๆ ถ้าคิดว่าตัวเองไปได้ ถ้าแค่ยังไม่พร้อมก็แค่เตรียมให้พร้อมก็เท่านั้น
ถ้าถามว่า ทำไมถึงเลือกที่จะวิ่งกับ นาวิกโยธินมาราธอน(2018)? อย่างแรกคือ ฟังคนอื่นเล่ามาว่า ที่วิ่งสวย อากาศดี วิ่งตามชายทะเล อย่างที่สองคือ เห็นเหรียญแล้วชอบ คือมันสวยมาก มีสมอเรือพาดเหรียญสวยงาม เลยอยากได้ แค่นี้เองกับการเลือกวิ่งกับงานนี้เป็นงานแรก

แต่พอถึงวันสมัครกลับสมัครไม่ได้เนื่องจากระบบรับสมัครออนไลน์รองรับแต่ Browser Fire Fox เท่าที่สอบถามจากคนที่สมัครได้ส่วนใหญ่พูดเหมือนกัน มีบางคนที่บอกว่าสมัครได้จากมือถือแอนดรอย แต่ทุกคนพูดเหมือนกันหมดคือ ใช้เวลานานมากกว่าจะสมัครได้ ส่วนเรานั้น บริษัทเราไม่อนุญาติให้ติดตั้งBrowser Fire Fox โทรศัพท์เราก็เป็นไอโฟน มีแต่ Safari ที่เหมือนจะไม่รองรับระบบการสมัครนี้ ผลก็คือไม่สามารถสมัครได้ ตอนนั้นก็รู้สึกผิดหวัง ที่พักอะไรต่างๆ ก็จองไว้หมดแล้ว ชวนเพื่อนนัดแนะเตรียมความพร้อมกันเต็มที่ เหลือแค่สมัคร ซึ่งทั้งๆที่พวกเราพอได้เวลาเปิดรับ เราก็เข้าไปในเวปกันเลย แต่ก็อย่างที่บอก เราสมัครไม่ได้ ตอนนั้นเราเลิกล้มความตั้งใจ แต่ก็แอบหวังว่าจะได้วิ่งงานนี้ โดยการรอรับคนที่เค้าสมัครได้ แล้วไปไม่ได้จะเอามาขายต่อ แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็คงหางานวิ่งใหม่ โดยเราเลือกสมัคร งานพัทยามาราธอน2018 เอาไว้ ซึ่งงานนี้เป็นงานระดับนานาชาติ น่าสนใจดี จากนั้นเราก็เริ่มซ้อม เพื่อวิ่งงานพัทยามาราธอน แต่พอเข้าใกล้วันงาน ก็เริ่มมีคนปล่อยบีบเยอะขึ้น โดยเราพยายามเข้าไปส่อง FB ของงานวิ่งรายการนี้บ่อยๆ แล้วก็มีคนมาปล่อยเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วเราก็ได้มาสองใบ ใบแรกที่ได้เป็นแบบที่ต้องไปรับที่งานก่อนวันวิ่ง ในขณะที่เจ้าของเดิมใส่เสื้อไซส์เอม แต่เราใส่ไซส์แอล ตอนนั้นคิดว่ายังไงก็เอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะหายากเหลือเกิน ซึ่งความจริงก่อนนี้ มีคนประกาศขายไซส์แอล แล้วเราก็ติดต่อผ่าน Inbox ไปแล้ว แต่ผ่านไปสองวันก็แล้ว ก็ยังไม่มีการตอบกลับ เลยคิดว่าไม่น่าจะได้แล้ว เลยตัดสินใจซื้อไซส์เอมไว้ก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้ ซื้อมาด้วยราคา 800บาท แต่หลังจากที่ซื้อไซส์เอมได้ไม่กี่ชั่วโมง ช่วงเย็นเจ้าของเสื้อไซส์แอลก็ติดต่อมา แถมเป็นแบบได้บีบมาแล้วด้วย ไม่ต้องไปรับที่งาน แต่เจ้าตัวอยู่ขอนแก่น ถ้าจะส่งทางไปรษณีย์คงไม่ทันแน่ เลยให้ส่งมากับรถทัวร์นครชัย แล้วเราก็ไปรับที่นครชัย ซึ่งใบนี้เราจ่ายเต็มราคาที่ 900บาท ส่วนเจ้าของเดิมก็ต้องจ่ายค่าส่ง 60บาท ก็หยวนๆ กันไป ก็พยายามชวนเพื่อนที่ตั้งใจจะไปตอนแรกแล้วไม่ได้ไป แต่นาทีนั้นทุกคนเลิกหวัง บวกกับไม่ได้ซ้อม เลยไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ซึ่งที่ซื้อมาสองใบ ก็เผื่อพวกเค้าเหล่านั้นแหละ เมื่อไม่มีคนไป ก็คิดว่าคงต้องทิ้งบีบหนึ่งใบ แต่ยังไงก็ไปประกาศที่ FB ของงานว่าปล่อยบีบ ที่ราคา 800บาทไว้ด้วยดีกว่า คิดว่า เอาถ้าโชคเข้าข้างก็ไม่ต้องเสียเงินไปเฉยๆ 800บาท พอเย็นวันศุกร์ก่อนวันออกเดินทางหนึ่งวัน ตอนบ่ายๆมีคน Inbox มาขอซื้อต่อบีบ เราก็โล่งละ มีคนมารับช่วง ไม่ต้องทิ้งเงิน เราบอกให้เค้าไปรับที่งานเลย โดยเราไปรับให้แล้วยื่นให้ที่งาน เค้าก็บอกได้ แต่พอตกเย็นเค้าคนนั้นโทรมาบอกว่า ไม่เอาแล้ว เหตุผลคือ ไม่มั่นใจจะไปถูกเพราะไม่เคยไป อืมมมมม เราตอบไปว่า ไม่เป็นไรครับ ไม่เอาคือไม่เอา ขี้เกียจเหนื่อยหว่านล้อม แต่อีกใจนึงก็แอบเฟล และสบถในใจว่า กูเองนี่ก็ไม่เคยเหมือนกัน การขายทอดต่อแบบนี้ก็ครั้งแรก แต่ก็ช่างมัน ไม่อยากเอามาเป็นอารมณ์ ปล่อยมันไป คิดว่าจังหวะมันไม่ใช่
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ซึ่งเป็นวันเสาร์ก่อนวันวิ่ง เราทำหน้าที่ของเราที่บ้าน(หน้าที่เราก็คือพาหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน) เสร็จ ก็ออกเดินทาง ระหว่างที่ขับรถ มีInbox ติดต่อมาจากผู้ต้องการซื้อบีบต่อ เป็นพี่ผู้หญิงนักวิ่ง ก็คุยตกลงอะไรเรียบร้อย แต่ตอนมอบหลักฐาน เราไม่มีภาพถ่ายบัตรประชาชน เจ้าของบีบเดิม พี่เค้าเลยบอกขอผ่านถ้าไม่มี เราก็เข้าใจเค้า แล้วบอกว่า ถ้าขอมาได้จะติดต่อกลับไป ตอนแรกติดต่อคนที่ขายมาให้เราไม่ได้เลย โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ FB ติดต่อไม่ได้ ทุกช่องทางลองแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ เลยพิมพ์ต่อว่าไปใน Inbox แต่ไม่ได้กดส่ง เพราะชั่งใจอยู่ ถ้าหมดเวลารับบีบแล้วยังติดต่อไม่ได้ คงส่ง จากนั้นก็วางมือจากโทรศัพท์ แล้วขับมุ่งหน้าไปรับบีบที่นครชัยแอร์ ก็รับไม่ยาก แต่ที่จอดรถ แอบงงๆ คือมันมีที่จอดรถ สำหรับมาส่งผู้เดินทาง ซึ่งก็เล็กมาก อีกที่เป็นที่จอดสำหรับผู้มารับของ ซึ่งจอดได้น้อยคันกว่ารถของผู้ที่มาส่งคน เราไม่รู้ว่ามันมีสองที่ เลยเข้าไปที่จอดของผู้มาส่งคน ปรากฎว่าวนจนครบรอบ หาที่จอดไม่ได้เลย ต้องออก แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่า หาที่จอดไม่ได้ เค้าก็รู้และไม่เก็บเงิน แล้วเราก็ถามว่า มารับของนี่ต้องไปที่ไหน เค้าถึงบอกว่า ถ้าจะรับของมันมีที่จอดสำหรับคนมารับของ ให้ขับเข้าไป เราก็ขับเข้าไปแหละ แต่ก็อ่านป้ายประกาศไม่เข้าใจหรือยังไงไม่รู้ ว่าตรงไหนคือที่รับของ สุดท้ายคิดว่าคงใช้เวลาไม่เยอะ เลยตัดสินใจจอดข้างทาง แล้วลงวิ่งหาที่รับของ พอเจอที่รับของ ค่อยเห็นที่จอดรถ แต่ครั้นจะย้อนกลับไปเอารถมาจอด ก็ย้อนคิด ที่จอดเหลือแค่สองสามคัน กว่าจะกลับไปถึงรถ กว่าจะขับกลับมา ไม่รู้ว่ามันจะเหลือให้จอดอยู่หรือเปล่า เลยเอาวะ ไหนๆ ก็วิ่งมาถึงตรงนั้นแล้ว ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน น่าจะใช้เวลาไม่มาก จากนั้นก็ไปกดเอาบัตรคิว นั่งรอสักพัก ถึงได้รู้ว่า ต้องเข้าไปคีย์ข้อมูลตัวเอง พร้อมให้เครื่องบันทึกภาพถ่ายบัตรประชาชน พอคีย์เสร็จไม่นาน ชื่อเราก็ถูกเรียก เป็นอันว่าได้บีบ ประจวบเหมาะ หลังจากรับบีบไม่นาน สักพักคนที่ขายบีบใบแรกต่อมาให้เรา ที่ติดต่อไม่ได้โทรศัพท์เข้ามา ตอนแรกเค้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราก็แนะตัวว่าเราซื้อบีบต่อมาจากเค้า แล้วเราต้องการภาพถ่ายบัตรประชาชนเพื่อใช้ในการรับบีบ เค้าก็บอกว่า “ได้” ไม่มีเงื่อนไขใดๆ แล้วเราก็วางหู หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้หลักฐานนี้ โดยที่ภาพถ่ายบัตรเค้าได้พิมพ์ข้อความสลักทับมาชัดเจนเลยว่า “ใช้สำหรับรับBIBงานวิ่งนาวิกโยธินมาราธอน2018เท่านั้น” ครบถ้วนกระบวนความ ดูคุ้นเคยกับการทำอะไรแบบนี้ ในขณะที่เราไม่เคย จากนั้นเราก็ไม่รอช้าที่ติดต่อกลับไปหาคนที่ติดต่อขอซื้อจากเรา เพื่อตรวจสอบว่าเค้ายังต้องการบีบอยู่หรือไม่ ผลคือยังต้องการอยู่ เลยให้เอกสารที่เหลือเค้าไป แล้วบอกว่า ให้เค้าลองไปรับบีบก่อน พอได้รับแล้วค่อยโอนเงินมาก็ได้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่สัตหีบ โดยใช้กูเกิ้ลนาวิเกเตอร์นำทาง พิกัดก็เอาจาก FB ของงานที่โพสท์ไว้ให้ ระหว่างที่ขับ คนที่ขอซื้อบีบต่อจากเราส่งข้อความแจ้งมาว่า เค้าได้รับบีบเรียบร้อยแล้ว สักพักเค้าก็แค็บหน้าจอการโอนเงินเข้าทางพรอมเพส่งมาให้ดู ตอนนั้นนึกในใจดีนะไม่กดส่งคำต่อว่า ไปให้คนที่ขายต่อมาให้เรา รีบลบทันที ขับไปจนกระทั่งอีกประมาณ20km ก็จะถึงที่จัดงาน แต่เราเปลี่ยนใจที่จะมุ่งไปที่พักก่อน เพราะจะได้จับเวลาการเดินทางจากที่พักไปสถานที่จัดงานเลยทีเดียว คิดเสร็จไม่รอช้า โดยตั้งกูเกิ้ลนาวิเกเตอร์ตามพิกัดที่ทางรีสอร์ทแจ้งผ่านไลน์มาให้ พอถึงที่พัก เชคอิน เข้าห้องน้ำ คุยกับคนดูแลรีสอร์ทเล็กน้อย แล้วก็ขับรถมุ่งสู่ที่จัดงาน (ใช้เวลาจากที่พักถึงที่จัดงานประมาณ15นาที)
ที่จัดเป็นค่ายนาวิกโยธิน รถมีบ้างระดับหนึ่งแต่ก็เลื่อนไหลไปได้เรื่อยๆ มีทหารโบกทางให้ตลอดเส้นทางหลังจากเข้าไปในค่าย และแล้วก็ถึงฮอลจัดงาน(อารมณ์โรงอาหารโรงเรียน มีหลังคา ฝาผนังด้านข้างเปิดโล่ง) ที่จอดรถก็หาได้ไม่ยาก เราก็เดินสำรวจงาน ซื้อเสื้อ หมวกที่เค้าเอามาขายในงาน ตอนนั้นนึกในใจว่า ตอนเราซื้อต่อบีบคนอื่นมา ถ้าเรารู้ก่อนว่ามีเสื้อขายในงาน เราคงบอกไม่เอาเสื้อไซด์เอม แล้วขอลดราคาบีบ แล้วค่อยมาหาซื้อในงานเอา ก็คงไม่ต้องซื้อบีบอันที่สองเพื่อให้ได้เสื้อไซส์ที่ตัวเองใส่ได้ จากนั้นก็ขับรถไปดูจุดปล่อยตัว ดูจุดจอดรถหลายๆ จุด เพื่อกันเหนียว แล้วก็ลงเดินสำรวจ ภาพที่เห็นคือ หาดเตยงาม สวยมาก น้ำใส ลมเย็นสบายถึงแม้แดดจะจัด เราเดินถ่ายรูป เดินดูของที่มาขายในงาน ก็ได้ที่แขวนเหรียญ เสื้อที่มีขายเฉพาะในงานนั้น เจลให้พลังงานสำหรับวิ่งสองแพค จากนั้นก็เดินหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เช้า มีแต่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แล้วก็หมูฝอยเท่านั้นที่ตกถึงท้อง กินเสร็จ คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการสำรวจ โดยที่ไม่ขับรถสำรวจเส้นทางวิ่ง เนื่องจากน่าจะทำได้ยาก เพราะไม่มีคนช่วยบอกทาง กูเกิ้ลนาวิเกเตอร์ไม่สามารถนำทางเส้นทางวิ่งมาราธอนได้(หรือเราตั้งไม่เป็น) แล้วเราก็ขับรถกลับที่พัก มานอนพลิกไปพลิกมาได้สักพัก จนจะหกโมงเย็น ไม่รู้จะทำอะไร นอนก็ไม่หลับ เลยขับรถออกมาชวนเพื่อนที่อยู่พัทยา ออกไปหาอะไรกินที่พัทยากัน แล้วก็ซื้อเสบียงไว้สำหรับเช้าวันรุ่งขึ้น กลับมาถึงที่พักก็สามทุ่มละ เตรียมชุดที่จะใส่วันรุ่งขึ้น ติดบีบเข้าที่เสื้อ แล้วก็รีบอาบน้ำเข้านอน
อ่านต่อ
https://pantip.com/topic/37854795
[CR] มาราธอนแรก กับ Marines Marathon 2018 สัตหีบ (ก่อนวันวิ่ง)
ถ้าถามว่า ทำไมถึงคิดวิ่งฟูลมาราธอน? ถ้าจะต้องตอบ คงเป็นเพราะหลังจากที่วิ่ง Half ได้สักพักแล้ว เริ่มรู้สึกว่าการวิ่งที่ฮาล์ฟ ยังไงก็วิ่งได้ไม่มีความท้าทาย ถ้าจะให้ท้าทายก็คงต้องลดเวลาการวิ่งให้สั้นลง แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อน่องข้างเข่าด้านซ้าย กับถ้าจะลดเวลาในการวิ่งนั้น ความลาดชันของแต่ละสนามที่มีความแตกต่างกันก็เป็นสิ่งหนึ่งที่มีผลในการประเมินการเพิ่มหรือลดความเร็วในการวิ่ง เพื่อที่เราจะวิ่งให้จบ คือถ้าเราสำรวจทางก่อนก็น่าจะพอกะเดาได้ระดับหนึ่งแหละ มันเลยเป็นที่มาที่ทำให้เลือกที่จะไปฟูลมาราธอน บวกกับความที่เป็นคนที่ชอบทำอะไรที่ให้มันสุดจริงๆ ถ้าคิดว่าตัวเองไปได้ ถ้าแค่ยังไม่พร้อมก็แค่เตรียมให้พร้อมก็เท่านั้น
ถ้าถามว่า ทำไมถึงเลือกที่จะวิ่งกับ นาวิกโยธินมาราธอน(2018)? อย่างแรกคือ ฟังคนอื่นเล่ามาว่า ที่วิ่งสวย อากาศดี วิ่งตามชายทะเล อย่างที่สองคือ เห็นเหรียญแล้วชอบ คือมันสวยมาก มีสมอเรือพาดเหรียญสวยงาม เลยอยากได้ แค่นี้เองกับการเลือกวิ่งกับงานนี้เป็นงานแรก
และแล้วก็ถึงวันเดินทาง ซึ่งเป็นวันเสาร์ก่อนวันวิ่ง เราทำหน้าที่ของเราที่บ้าน(หน้าที่เราก็คือพาหมาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน) เสร็จ ก็ออกเดินทาง ระหว่างที่ขับรถ มีInbox ติดต่อมาจากผู้ต้องการซื้อบีบต่อ เป็นพี่ผู้หญิงนักวิ่ง ก็คุยตกลงอะไรเรียบร้อย แต่ตอนมอบหลักฐาน เราไม่มีภาพถ่ายบัตรประชาชน เจ้าของบีบเดิม พี่เค้าเลยบอกขอผ่านถ้าไม่มี เราก็เข้าใจเค้า แล้วบอกว่า ถ้าขอมาได้จะติดต่อกลับไป ตอนแรกติดต่อคนที่ขายมาให้เราไม่ได้เลย โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ FB ติดต่อไม่ได้ ทุกช่องทางลองแล้ว ไม่สามารถติดต่อได้ เลยพิมพ์ต่อว่าไปใน Inbox แต่ไม่ได้กดส่ง เพราะชั่งใจอยู่ ถ้าหมดเวลารับบีบแล้วยังติดต่อไม่ได้ คงส่ง จากนั้นก็วางมือจากโทรศัพท์ แล้วขับมุ่งหน้าไปรับบีบที่นครชัยแอร์ ก็รับไม่ยาก แต่ที่จอดรถ แอบงงๆ คือมันมีที่จอดรถ สำหรับมาส่งผู้เดินทาง ซึ่งก็เล็กมาก อีกที่เป็นที่จอดสำหรับผู้มารับของ ซึ่งจอดได้น้อยคันกว่ารถของผู้ที่มาส่งคน เราไม่รู้ว่ามันมีสองที่ เลยเข้าไปที่จอดของผู้มาส่งคน ปรากฎว่าวนจนครบรอบ หาที่จอดไม่ได้เลย ต้องออก แล้วบอกเจ้าหน้าที่ว่า หาที่จอดไม่ได้ เค้าก็รู้และไม่เก็บเงิน แล้วเราก็ถามว่า มารับของนี่ต้องไปที่ไหน เค้าถึงบอกว่า ถ้าจะรับของมันมีที่จอดสำหรับคนมารับของ ให้ขับเข้าไป เราก็ขับเข้าไปแหละ แต่ก็อ่านป้ายประกาศไม่เข้าใจหรือยังไงไม่รู้ ว่าตรงไหนคือที่รับของ สุดท้ายคิดว่าคงใช้เวลาไม่เยอะ เลยตัดสินใจจอดข้างทาง แล้วลงวิ่งหาที่รับของ พอเจอที่รับของ ค่อยเห็นที่จอดรถ แต่ครั้นจะย้อนกลับไปเอารถมาจอด ก็ย้อนคิด ที่จอดเหลือแค่สองสามคัน กว่าจะกลับไปถึงรถ กว่าจะขับกลับมา ไม่รู้ว่ามันจะเหลือให้จอดอยู่หรือเปล่า เลยเอาวะ ไหนๆ ก็วิ่งมาถึงตรงนั้นแล้ว ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน น่าจะใช้เวลาไม่มาก จากนั้นก็ไปกดเอาบัตรคิว นั่งรอสักพัก ถึงได้รู้ว่า ต้องเข้าไปคีย์ข้อมูลตัวเอง พร้อมให้เครื่องบันทึกภาพถ่ายบัตรประชาชน พอคีย์เสร็จไม่นาน ชื่อเราก็ถูกเรียก เป็นอันว่าได้บีบ ประจวบเหมาะ หลังจากรับบีบไม่นาน สักพักคนที่ขายบีบใบแรกต่อมาให้เรา ที่ติดต่อไม่ได้โทรศัพท์เข้ามา ตอนแรกเค้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร เราก็แนะตัวว่าเราซื้อบีบต่อมาจากเค้า แล้วเราต้องการภาพถ่ายบัตรประชาชนเพื่อใช้ในการรับบีบ เค้าก็บอกว่า “ได้” ไม่มีเงื่อนไขใดๆ แล้วเราก็วางหู หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ได้หลักฐานนี้ โดยที่ภาพถ่ายบัตรเค้าได้พิมพ์ข้อความสลักทับมาชัดเจนเลยว่า “ใช้สำหรับรับBIBงานวิ่งนาวิกโยธินมาราธอน2018เท่านั้น” ครบถ้วนกระบวนความ ดูคุ้นเคยกับการทำอะไรแบบนี้ ในขณะที่เราไม่เคย จากนั้นเราก็ไม่รอช้าที่ติดต่อกลับไปหาคนที่ติดต่อขอซื้อจากเรา เพื่อตรวจสอบว่าเค้ายังต้องการบีบอยู่หรือไม่ ผลคือยังต้องการอยู่ เลยให้เอกสารที่เหลือเค้าไป แล้วบอกว่า ให้เค้าลองไปรับบีบก่อน พอได้รับแล้วค่อยโอนเงินมาก็ได้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าสู่สัตหีบ โดยใช้กูเกิ้ลนาวิเกเตอร์นำทาง พิกัดก็เอาจาก FB ของงานที่โพสท์ไว้ให้ ระหว่างที่ขับ คนที่ขอซื้อบีบต่อจากเราส่งข้อความแจ้งมาว่า เค้าได้รับบีบเรียบร้อยแล้ว สักพักเค้าก็แค็บหน้าจอการโอนเงินเข้าทางพรอมเพส่งมาให้ดู ตอนนั้นนึกในใจดีนะไม่กดส่งคำต่อว่า ไปให้คนที่ขายต่อมาให้เรา รีบลบทันที ขับไปจนกระทั่งอีกประมาณ20km ก็จะถึงที่จัดงาน แต่เราเปลี่ยนใจที่จะมุ่งไปที่พักก่อน เพราะจะได้จับเวลาการเดินทางจากที่พักไปสถานที่จัดงานเลยทีเดียว คิดเสร็จไม่รอช้า โดยตั้งกูเกิ้ลนาวิเกเตอร์ตามพิกัดที่ทางรีสอร์ทแจ้งผ่านไลน์มาให้ พอถึงที่พัก เชคอิน เข้าห้องน้ำ คุยกับคนดูแลรีสอร์ทเล็กน้อย แล้วก็ขับรถมุ่งสู่ที่จัดงาน (ใช้เวลาจากที่พักถึงที่จัดงานประมาณ15นาที)
ที่จัดเป็นค่ายนาวิกโยธิน รถมีบ้างระดับหนึ่งแต่ก็เลื่อนไหลไปได้เรื่อยๆ มีทหารโบกทางให้ตลอดเส้นทางหลังจากเข้าไปในค่าย และแล้วก็ถึงฮอลจัดงาน(อารมณ์โรงอาหารโรงเรียน มีหลังคา ฝาผนังด้านข้างเปิดโล่ง) ที่จอดรถก็หาได้ไม่ยาก เราก็เดินสำรวจงาน ซื้อเสื้อ หมวกที่เค้าเอามาขายในงาน ตอนนั้นนึกในใจว่า ตอนเราซื้อต่อบีบคนอื่นมา ถ้าเรารู้ก่อนว่ามีเสื้อขายในงาน เราคงบอกไม่เอาเสื้อไซด์เอม แล้วขอลดราคาบีบ แล้วค่อยมาหาซื้อในงานเอา ก็คงไม่ต้องซื้อบีบอันที่สองเพื่อให้ได้เสื้อไซส์ที่ตัวเองใส่ได้ จากนั้นก็ขับรถไปดูจุดปล่อยตัว ดูจุดจอดรถหลายๆ จุด เพื่อกันเหนียว แล้วก็ลงเดินสำรวจ ภาพที่เห็นคือ หาดเตยงาม สวยมาก น้ำใส ลมเย็นสบายถึงแม้แดดจะจัด เราเดินถ่ายรูป เดินดูของที่มาขายในงาน ก็ได้ที่แขวนเหรียญ เสื้อที่มีขายเฉพาะในงานนั้น เจลให้พลังงานสำหรับวิ่งสองแพค จากนั้นก็เดินหาอะไรกิน เพราะตั้งแต่เช้า มีแต่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง แล้วก็หมูฝอยเท่านั้นที่ตกถึงท้อง กินเสร็จ คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการสำรวจ โดยที่ไม่ขับรถสำรวจเส้นทางวิ่ง เนื่องจากน่าจะทำได้ยาก เพราะไม่มีคนช่วยบอกทาง กูเกิ้ลนาวิเกเตอร์ไม่สามารถนำทางเส้นทางวิ่งมาราธอนได้(หรือเราตั้งไม่เป็น) แล้วเราก็ขับรถกลับที่พัก มานอนพลิกไปพลิกมาได้สักพัก จนจะหกโมงเย็น ไม่รู้จะทำอะไร นอนก็ไม่หลับ เลยขับรถออกมาชวนเพื่อนที่อยู่พัทยา ออกไปหาอะไรกินที่พัทยากัน แล้วก็ซื้อเสบียงไว้สำหรับเช้าวันรุ่งขึ้น กลับมาถึงที่พักก็สามทุ่มละ เตรียมชุดที่จะใส่วันรุ่งขึ้น ติดบีบเข้าที่เสื้อ แล้วก็รีบอาบน้ำเข้านอน
อ่านต่อ https://pantip.com/topic/37854795
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น