เรื่องย่อ
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืนนั้นเราคุยกันอยู่จนเกือบสว่างได้ยังไง
รู้แต่ว่ามีเรื่องมากมายเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบ
พี่อชิถอดหน้ากากความเย็นชาวางไว้ที่อื่นชั่วคราว
เปิดเผยความรู้สึกต่างๆ ในใจออกมาจนหมดเปลือก
ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้ดีงามน่ารักอย่างที่มินท์เคยเป็น
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ มีดีมีชั่ว มีถูกมีผิด แต่ก็เป็นคนที่เข้ากันได้
ในหลายๆ เรื่อง ข้อสำคัญคือ แม้ว่าพี่อชิไม่เคยหวังในตัวฉัน
เขาก็ไม่เคยลืมฉัน ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
บัดนี้ เส้นทางที่แยกห่างไปไกลคนละทิศได้ย้อนหลับมาบรรจบกันอีกครั้ง
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ใช่ว่าจะราบรื่น ทุกอย่างล่วงเลยมา
จนอาจจะสายเกินไปเสียแล้ว
สายเกินกว่าจะเริ่มความฝันครั้งที่สองในชีวิตได้อีกครั้ง
บันทึกหลังอ่าน
เรื่องนี้เป็นงานดราม่าชีวิต เข้มข้นของอาจารย์ว.วินิจฉัยกุล ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของครอบครัวหนึ่งผ่านบันทึกของนางเอกของเรื่อง (ใช้สรรพนามฉัน โดยนางเอกตั้งแต่ต้นจนจบ)
หลายตัวละครในเรื่องล้วนมี “ความฝัน” แต่พวกเขาและเธอไม่สามารถทำความฝันเหล่านั้นให้สำเร็จในครั้งแรกด้วย ด้วยอุปสรรคต่างๆ นานา หรือปัจจัยหลายสิ่งที่ประสบพบเจอ
“พ่อ” กับ “หมุยเซียง” (น้าสาวของนางเอก) รักกันมาก ความรักของทั้งคู่ยืนยงยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถแต่งงานกัน ไม่สามารถอยู่กินร่วมกันได้ พ่อจำต้องแต่งงานกับแม่ ซึ่งเป็นพี่สาวของน้า ในขณะที่น้าหมุยเซียง โชคชะตาก็ทำให้กลายเป็นคุณนายของนายตำรวจผู้มั่งมี
แม้กระทั่งนางเอก… “อิง” ก็มีความฝัน…ความฝันของเธอคือการได้มี “บ้าน” ที่มีความหมายว่าบ้าน อย่างแท้จริง บ้านที่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในครอบครัว ความฝันที่จะมี “ครอบครัว” อันอบอุ่นและเป็นสุข…แบบที่เธอไม่เคยได้ประสบพบเจอตั้งแต่เล็กจนโต
ได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับพ่อ แม่ผู้เอาแต่ใจตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และไม่เคยยอมใคร
พ่อผู้แม้ไม่คิดจะหย่ากับแม่ แต่ก็ไม่เคยแสดงให้ลูกได้เห็นว่ารักแม่
สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อคือ ถึงแม้ว่าความฝันครั้งแรกจะพังทลาย จะไม่สำเร็จดังใจปรารถนา แต่คนเราก็ยังพบกับ “ความฝันครั้งที่สอง” ได้ ขอเพียงรอคอยวันเวลา และโอกาสที่จะสร้างมันขึ้นมา (ซึ่งกว่าตัวละครในเรื่องจะพบกับความฝันครั้งที่สองก็ฝ่าอะไรมากมายพอสมควร) ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราอินมาก เพราะเราเองก็เคยมีความฝันแต่สุดท้ายเราก็ทำฝันนั้นไม่สำเร็จ ไม่เป็นดังที่ต้องการ
ด้วยสำนวนภาษาของผู้เขียน ทำให้อ่านได้สนุก ไหลลื่นตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีบางช่วงที่เอื่อยๆ เนือยๆ แต่เราก็อดที่จะเปิดบันทึกของอิงต่อๆ ไปไม่ได้ ว่าเรื่องราวครอบครัวเธอจะเป็นอย่างไร ต้องชื่นชมความสามารถของผู้เขียน เนื้อเรื่องแนวนี้ การดำเนินเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีฝีมือจริงๆ คนอื่นเบื่อและอ่านไม่จบแน่นอน
สิ่งที่ประทับใจมากคือสำนวนภาษาของผู้เขียนแฝงไว้ด้วยแง่คิด คติเตือนใจมากมาย
“ชีวิตถ้าผ่านไปได้มันก็เป็นรางวัลชีวิต ถ้าผ่านไม่ไหว มันก็เป็นเคราะห์กรรม”
“หัวใจของคนมันพิเศษอย่างหนึ่ง มันไม่เป็นของใครนานนักหรอก ถ้าคนนั้นไม่เห็นค่า มันจะจากไปหาคนที่เห็นค่าของมัน”
เรื่องราวมีความเรียล สมจริง ดราม่า ตั้งแต่นางเอกยังเด็ก จนเรียนหนังสือ เรียนจบ แต่งงาน มีลูก ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่ต้องการอ่านแนวเบาๆ หรือไม่ชอบดราม่า เพราะบรรยากาศในครอบครัวนางเอกนี่ชวนเครียดจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครอย่าง แม่ บางตามตรงว่าน่ารำคาญมาก เอาแต่ใจตัวเอง เข้าข่าย “มนุษย์ป้า” เลยทีเดียว แต่พออ่านจนจบเราก็อดที่จะชื่นชอบตัวละครตัวนี้ไม่ได้ เพราะถึงแม้จะมีข้อเสียมากแค่ไหน แต่ข้อดีของแม่คือความฉลาด แม้จะฉลาดจนไม่ยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น แต่ถ้าอ่านจนจบจะพบว่านางอ่านคนขาดมาก (ก.ไก่ล้านตัว) หายเรื่องที่เราคิดว่านางมโน แต่เอาเข้าจริง…มันก็จริง!!!
ชอบการสร้างตัวละครนางเอกของผู้เขียน ถึงแม้ว่าจะเล่าผ่านมุมมองของเธอ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้ คือเธอไม่ใช่ตัวละครที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ขาวล้วน แต่ยังมีความงี่เง่าแบบผู้หญิงที่ชวนให้คนอ่านหมั่นไส้
ความหวาน…มีน้อยมาก ถึงแม้ว่านางเอกจะมีผู้ชายเข้ามาพัวพันในชีวิตถึงสามคน แต่ก็เป็นความรักที่สมจริงไม่อิงเทพนิยายจริงชนิดแทบจะหาน้ำตาลไม่เจอ
คนหนึ่ง…ปั๊ปปี้เลิฟ รักสมัยมัธยม
คนสอง…จากต้นกล้าเล็กๆ สู่ต้นไม้แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นรากฐานให้ครอบครัวที่อบอุ่นของอิง ช่วงกลางเรื่องเรารู้สึกว่าคู่นี้มีความหวานแบบเล็กๆ น้อยๆ หวานแบบแอบหวาน แต่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาสองคนรักกัน ประทับใจความเป็นคนรักที่ดีของ มินท์ เป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างอิง ให้กำลังใจอิงตลอด แต่พออ่านจบ…หวานไม่ลง !
คนสาม…ความรักจากความเข้าใจ ตัวไกลแต่ใจผูกพันด้วยจดหมาย เราว่าน่ารักดีนะ เพราะอิงกับ พี่อชิ ไม่ได้ห่างไกลแค่ระยะทาง แต่ระยะเวลาก็นานเกินพอที่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างลืมซึ่งกันและกันถ้าไม่มีบางสิ่งบางอย่างเชื่อมโยงสองหัวใจ ต่างฝ่ายก็คงเป็นแค่คนเคยรู้จักกันแล้ว
ใครคือพระเอกตัวจริงของอิง…ก็ต้องติดตามในเรื่องละครับ แต่ขอบอกว่าเป็นเรื่องราวความรักที่เรียลมากจริงๆ แทบไม่มีความเป็นนิยายพาฝันเลย แต่พออ่านจบแล้วเรากลับสัมผัสความหวานอันน้อยนิดที่ว่านั่นได้นะ ยิ่งหน้าสุดท้ายเรายิ่งรู้สึกได้ว่าท้ายสุดสุดท้าย…ความฝันครั้งที่สองที่สมหวังของอิง ก็ทำให้เธอมีความสุขได้จริงๆ
มีบางประเด็นที่อยากพูดถึงมาก แต่ถ้าแตะต้องประเด็นนี้ หรือหยิบยกมาพูดมากเกินไปจะเป็นการสปอยล์ส่วนสำคัญ หรือจุดไคลแมกซ์ของเรื่องเลยทีเดียว เอาเป็นว่าพออ่านจบแล้ว นอกเหนือจากเรื่องความฝันครั้งที่สองของคนเรา อีกเรื่องที่ทำให้เราขบคิดคิด วัน เวลา จะทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรือ เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เปลี่ยนชนิดที่ว่าคนละคนกับที่เราเคยรู้จัก หรือจริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ แต่เขาหลอกทุกคนภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอด…หลอกแม้กระทั่งตัวเอง
สำหรับเราเรื่องนี้เป็นงานรุ่นหลังของอาจารย์ที่เราชอบมาก เรื่องราวมีความสมจริง สะท้อนชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง (ถ้าใครอ่านงานของ “โบตั๋น” บ่อยๆ ก็คิดว่าน่าจะชอบเรื่องนี้) อีกสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของนางเอกเท่านั้น มีบางประเด็นที่รวบรัดตัดจนไป ซึ่งเราอยากอ่าน อยากรู้มากกว่านี้ อย่างประเด็นปัญหาครอบครัวของน้าหมุยเซียง สามี และ ลูก ที่เราสนใจมาก รู้สึกว่าถ้าขยี้ปมนั้นได้ลึกกว่านี้จะยิ่งอินและรู้สึกหดหู่ตามไปด้วยไม่ยาก
แนะนำอย่างยิ่งสำหรับแฟนนิยายของว.วินิจฉัยกุล และนักอ่านที่นิยมเสพงานดราม่าสมจริง
เราสร้างความฝันครั้งที่สองด้วยกัน
ประคับประคองให้มันอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
ถ้าหากว่า นิยายเรื่อง ความฝันครั้งที่สอง ของ ว.วินิจฉัยกุล สร้างเป็นละคร
ตัวละคร
อิง = นางเอกเรื่องนี้ มีคนเชื้อจีน เพราะแม่กับน้าสาวเป็นคนจีน
แม่ของอิง = แม่นางเอกที่นิสัยไม่ค่อยจะดี เอาแต่ใจตนเอง ไม่ยอมคน เป็นตัวละครน่ารำคาญมาก แต่ฉลาด
พี่อชิ
มินท์
พ่อของอิง = เป็นพ่อของนางเอกที่มีอาชีพข้าราชการตำรวจ มีความรักแท้กับน้าสาวของนางเอก แต่ไม่สมหวังจำต้องแต่งงานกับแม่ของนางเอก ทั้งๆไม่ได้รักกันเลย
หมุยเซียง = เป็นน้องสาวของแม่นางเอก เป็นน้าสาวของนางเอก สมัยก่อนเคยรักกับพ่อนางเอกมาก่อน แต่ไม่สมหวัง ยอมเสียคนที่เธอรักมากที่สุด ให้แก่พี่สาวแท้ๆ ที่นิสัยแย่ๆ เอาแต่ใจ
ถ้าหากว่านิยายเรื่อง "ความฝันครั้งที่สอง" ของ ว.วินิจฉัยกุล สร้างเป็นละคร ?
ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคืนนั้นเราคุยกันอยู่จนเกือบสว่างได้ยังไง
รู้แต่ว่ามีเรื่องมากมายเล่าสู่กันฟังไม่รู้จบ
พี่อชิถอดหน้ากากความเย็นชาวางไว้ที่อื่นชั่วคราว
เปิดเผยความรู้สึกต่างๆ ในใจออกมาจนหมดเปลือก
ฉันมองเห็นผู้ชายคนหนึ่ง ไม่ได้ดีงามน่ารักอย่างที่มินท์เคยเป็น
ก็แค่ผู้ชายธรรมดาๆ มีดีมีชั่ว มีถูกมีผิด แต่ก็เป็นคนที่เข้ากันได้
ในหลายๆ เรื่อง ข้อสำคัญคือ แม้ว่าพี่อชิไม่เคยหวังในตัวฉัน
เขาก็ไม่เคยลืมฉัน ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
บัดนี้ เส้นทางที่แยกห่างไปไกลคนละทิศได้ย้อนหลับมาบรรจบกันอีกครั้ง
ถึงกระนั้น มันก็ไม่ใช่ว่าจะราบรื่น ทุกอย่างล่วงเลยมา
จนอาจจะสายเกินไปเสียแล้ว
สายเกินกว่าจะเริ่มความฝันครั้งที่สองในชีวิตได้อีกครั้ง
บันทึกหลังอ่าน
เรื่องนี้เป็นงานดราม่าชีวิต เข้มข้นของอาจารย์ว.วินิจฉัยกุล ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของครอบครัวหนึ่งผ่านบันทึกของนางเอกของเรื่อง (ใช้สรรพนามฉัน โดยนางเอกตั้งแต่ต้นจนจบ)
หลายตัวละครในเรื่องล้วนมี “ความฝัน” แต่พวกเขาและเธอไม่สามารถทำความฝันเหล่านั้นให้สำเร็จในครั้งแรกด้วย ด้วยอุปสรรคต่างๆ นานา หรือปัจจัยหลายสิ่งที่ประสบพบเจอ
“พ่อ” กับ “หมุยเซียง” (น้าสาวของนางเอก) รักกันมาก ความรักของทั้งคู่ยืนยงยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถแต่งงานกัน ไม่สามารถอยู่กินร่วมกันได้ พ่อจำต้องแต่งงานกับแม่ ซึ่งเป็นพี่สาวของน้า ในขณะที่น้าหมุยเซียง โชคชะตาก็ทำให้กลายเป็นคุณนายของนายตำรวจผู้มั่งมี
แม้กระทั่งนางเอก… “อิง” ก็มีความฝัน…ความฝันของเธอคือการได้มี “บ้าน” ที่มีความหมายว่าบ้าน อย่างแท้จริง บ้านที่ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนในครอบครัว ความฝันที่จะมี “ครอบครัว” อันอบอุ่นและเป็นสุข…แบบที่เธอไม่เคยได้ประสบพบเจอตั้งแต่เล็กจนโต
ได้ยินเสียงแม่ทะเลาะกับพ่อ แม่ผู้เอาแต่ใจตัวเอง เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ และไม่เคยยอมใคร
พ่อผู้แม้ไม่คิดจะหย่ากับแม่ แต่ก็ไม่เคยแสดงให้ลูกได้เห็นว่ารักแม่
สิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อคือ ถึงแม้ว่าความฝันครั้งแรกจะพังทลาย จะไม่สำเร็จดังใจปรารถนา แต่คนเราก็ยังพบกับ “ความฝันครั้งที่สอง” ได้ ขอเพียงรอคอยวันเวลา และโอกาสที่จะสร้างมันขึ้นมา (ซึ่งกว่าตัวละครในเรื่องจะพบกับความฝันครั้งที่สองก็ฝ่าอะไรมากมายพอสมควร) ซึ่งประเด็นนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เราอินมาก เพราะเราเองก็เคยมีความฝันแต่สุดท้ายเราก็ทำฝันนั้นไม่สำเร็จ ไม่เป็นดังที่ต้องการ
ด้วยสำนวนภาษาของผู้เขียน ทำให้อ่านได้สนุก ไหลลื่นตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะมีบางช่วงที่เอื่อยๆ เนือยๆ แต่เราก็อดที่จะเปิดบันทึกของอิงต่อๆ ไปไม่ได้ ว่าเรื่องราวครอบครัวเธอจะเป็นอย่างไร ต้องชื่นชมความสามารถของผู้เขียน เนื้อเรื่องแนวนี้ การดำเนินเรื่องแบบนี้ ถ้าไม่มีฝีมือจริงๆ คนอื่นเบื่อและอ่านไม่จบแน่นอน
สิ่งที่ประทับใจมากคือสำนวนภาษาของผู้เขียนแฝงไว้ด้วยแง่คิด คติเตือนใจมากมาย
“ชีวิตถ้าผ่านไปได้มันก็เป็นรางวัลชีวิต ถ้าผ่านไม่ไหว มันก็เป็นเคราะห์กรรม”
“หัวใจของคนมันพิเศษอย่างหนึ่ง มันไม่เป็นของใครนานนักหรอก ถ้าคนนั้นไม่เห็นค่า มันจะจากไปหาคนที่เห็นค่าของมัน”
เรื่องราวมีความเรียล สมจริง ดราม่า ตั้งแต่นางเอกยังเด็ก จนเรียนหนังสือ เรียนจบ แต่งงาน มีลูก ไม่แนะนำสำหรับนักอ่านที่ต้องการอ่านแนวเบาๆ หรือไม่ชอบดราม่า เพราะบรรยากาศในครอบครัวนางเอกนี่ชวนเครียดจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครอย่าง แม่ บางตามตรงว่าน่ารำคาญมาก เอาแต่ใจตัวเอง เข้าข่าย “มนุษย์ป้า” เลยทีเดียว แต่พออ่านจนจบเราก็อดที่จะชื่นชอบตัวละครตัวนี้ไม่ได้ เพราะถึงแม้จะมีข้อเสียมากแค่ไหน แต่ข้อดีของแม่คือความฉลาด แม้จะฉลาดจนไม่ยอมรับฟังความคิดของผู้อื่น แต่ถ้าอ่านจนจบจะพบว่านางอ่านคนขาดมาก (ก.ไก่ล้านตัว) หายเรื่องที่เราคิดว่านางมโน แต่เอาเข้าจริง…มันก็จริง!!!
ชอบการสร้างตัวละครนางเอกของผู้เขียน ถึงแม้ว่าจะเล่าผ่านมุมมองของเธอ แต่สิ่งที่เราสัมผัสได้ คือเธอไม่ใช่ตัวละครที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ขาวล้วน แต่ยังมีความงี่เง่าแบบผู้หญิงที่ชวนให้คนอ่านหมั่นไส้
ความหวาน…มีน้อยมาก ถึงแม้ว่านางเอกจะมีผู้ชายเข้ามาพัวพันในชีวิตถึงสามคน แต่ก็เป็นความรักที่สมจริงไม่อิงเทพนิยายจริงชนิดแทบจะหาน้ำตาลไม่เจอ
คนหนึ่ง…ปั๊ปปี้เลิฟ รักสมัยมัธยม
คนสอง…จากต้นกล้าเล็กๆ สู่ต้นไม้แห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ เป็นรากฐานให้ครอบครัวที่อบอุ่นของอิง ช่วงกลางเรื่องเรารู้สึกว่าคู่นี้มีความหวานแบบเล็กๆ น้อยๆ หวานแบบแอบหวาน แต่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาสองคนรักกัน ประทับใจความเป็นคนรักที่ดีของ มินท์ เป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างอิง ให้กำลังใจอิงตลอด แต่พออ่านจบ…หวานไม่ลง !
คนสาม…ความรักจากความเข้าใจ ตัวไกลแต่ใจผูกพันด้วยจดหมาย เราว่าน่ารักดีนะ เพราะอิงกับ พี่อชิ ไม่ได้ห่างไกลแค่ระยะทาง แต่ระยะเวลาก็นานเกินพอที่จะทำให้ต่างฝ่ายต่างลืมซึ่งกันและกันถ้าไม่มีบางสิ่งบางอย่างเชื่อมโยงสองหัวใจ ต่างฝ่ายก็คงเป็นแค่คนเคยรู้จักกันแล้ว
ใครคือพระเอกตัวจริงของอิง…ก็ต้องติดตามในเรื่องละครับ แต่ขอบอกว่าเป็นเรื่องราวความรักที่เรียลมากจริงๆ แทบไม่มีความเป็นนิยายพาฝันเลย แต่พออ่านจบแล้วเรากลับสัมผัสความหวานอันน้อยนิดที่ว่านั่นได้นะ ยิ่งหน้าสุดท้ายเรายิ่งรู้สึกได้ว่าท้ายสุดสุดท้าย…ความฝันครั้งที่สองที่สมหวังของอิง ก็ทำให้เธอมีความสุขได้จริงๆ
มีบางประเด็นที่อยากพูดถึงมาก แต่ถ้าแตะต้องประเด็นนี้ หรือหยิบยกมาพูดมากเกินไปจะเป็นการสปอยล์ส่วนสำคัญ หรือจุดไคลแมกซ์ของเรื่องเลยทีเดียว เอาเป็นว่าพออ่านจบแล้ว นอกเหนือจากเรื่องความฝันครั้งที่สองของคนเรา อีกเรื่องที่ทำให้เราขบคิดคิด วัน เวลา จะทำให้คนๆ หนึ่งเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เชียวหรือ เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า เปลี่ยนชนิดที่ว่าคนละคนกับที่เราเคยรู้จัก หรือจริงๆ แล้วเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ แต่เขาหลอกทุกคนภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดีมาตลอด…หลอกแม้กระทั่งตัวเอง
สำหรับเราเรื่องนี้เป็นงานรุ่นหลังของอาจารย์ที่เราชอบมาก เรื่องราวมีความสมจริง สะท้อนชีวิตของครอบครัวเล็กๆ ครอบครัวหนึ่ง (ถ้าใครอ่านงานของ “โบตั๋น” บ่อยๆ ก็คิดว่าน่าจะชอบเรื่องนี้) อีกสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจคือเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของนางเอกเท่านั้น มีบางประเด็นที่รวบรัดตัดจนไป ซึ่งเราอยากอ่าน อยากรู้มากกว่านี้ อย่างประเด็นปัญหาครอบครัวของน้าหมุยเซียง สามี และ ลูก ที่เราสนใจมาก รู้สึกว่าถ้าขยี้ปมนั้นได้ลึกกว่านี้จะยิ่งอินและรู้สึกหดหู่ตามไปด้วยไม่ยาก
แนะนำอย่างยิ่งสำหรับแฟนนิยายของว.วินิจฉัยกุล และนักอ่านที่นิยมเสพงานดราม่าสมจริง
เราสร้างความฝันครั้งที่สองด้วยกัน
ประคับประคองให้มันอยู่ต่อไปอีกยาวนาน
ถ้าหากว่า นิยายเรื่อง ความฝันครั้งที่สอง ของ ว.วินิจฉัยกุล สร้างเป็นละคร
ตัวละคร
อิง = นางเอกเรื่องนี้ มีคนเชื้อจีน เพราะแม่กับน้าสาวเป็นคนจีน
แม่ของอิง = แม่นางเอกที่นิสัยไม่ค่อยจะดี เอาแต่ใจตนเอง ไม่ยอมคน เป็นตัวละครน่ารำคาญมาก แต่ฉลาด
พี่อชิ
มินท์
พ่อของอิง = เป็นพ่อของนางเอกที่มีอาชีพข้าราชการตำรวจ มีความรักแท้กับน้าสาวของนางเอก แต่ไม่สมหวังจำต้องแต่งงานกับแม่ของนางเอก ทั้งๆไม่ได้รักกันเลย
หมุยเซียง = เป็นน้องสาวของแม่นางเอก เป็นน้าสาวของนางเอก สมัยก่อนเคยรักกับพ่อนางเอกมาก่อน แต่ไม่สมหวัง ยอมเสียคนที่เธอรักมากที่สุด ให้แก่พี่สาวแท้ๆ ที่นิสัยแย่ๆ เอาแต่ใจ