คู่เล่ห์เคียงรัก ตอนที่ 4

กระทู้สนทนา
ตึกสำนักงานของบริษัทลายหงส์เป็นอาคารสูงห้าชั้น ห้องทำงานธีร์วราอยู่ชั้นบนสุดตรงมุมตึกพอดี ภายในมีทุกอย่างที่ห้องทำงานควรมี ตั้งแต่โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์รวมถึงอื่นๆ ทว่าล้วนแล้วแต่เป็นชนิดและรูปแบบที่หาได้ทั่วไป มันอาจดูเรียบ หรู แพง...แต่ไม่แสดงตัวตนเจ้าของห้องแม้แต่น้อย

และยามนี้ ธีร์วราก็กำลังนั่งนิ่งๆ อยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานด้วยสีหน้าไม่บ่งบอกอารมณ์เช่นเดียวกัน

ในที่สุดประตูห้องซึ่งหล่อนจับจ้องอยู่ก็เปิดออก คนที่หญิงสาวรอคอยมาถึงเสียที ธีร์วราผายมือยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

“นั่งก่อนสิกาย” ครั้นอีกฝ่ายทำตามหล่อนค่อยอารัมภบทต่อ “คงรู้นะว่าพี่ขายบีบีครีมไปเม็กซิโกแล้ว รายละเอียดส่วนใหญ่ทีมกฎหมายและฝ่ายประสานงานจะรับไปดูแลต่อ แต่ทางเม็กซิโกต้องการให้เราทำแพ็คเกจและฉลากยี่ห้อของเขาด้วยเลย พี่ฝากกายประสานงานเรื่องนี้ได้ไหม”

การเจรจากับฮาเวียร์ เรเยส เพิ่งเสร็จสิ้นเมื่อชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง

“ผมก็ยังไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้ เพราะเทียบแล้วให้ใต้โต๊ะรัฐมนตรีวิษณุเรายังพอมีเงินเหลือติดมือบ้าง นี่แทบต้องควักเนื้อตัวเองด้วยซ้ำ”

“พี่ไม่สนใจกำไรหรอก แต่อยากแก้ไขสิ่งผิดๆ ที่เกิดขึ้นต่างหาก”

ผู้เป็นน้องหน้าตึง “ใช่ ครั้งนี้ผมผิด แต่พี่แก้วคิดว่าปู่สร้างลายหงส์จนใหญ่โตทุกวันนี้ด้วยวิธีการตรงไปตรงมาหรือไง จะทำธุรกิจถ้ามัวกลัวมือสกปรกก็เหมือนรอคู่แข่งมาขย้ำนั่นแหละ”

ดูท่าหลังการปะทะคารมในห้องประชุมเมื่อเช้า ธีทัตคงคิดหาคำพูดโต้แย้งมาโดยตลอด ธีร์วราส่ายหัวเบาๆ “พี่ไม่ได้ใสซื่อนักหรอกนะ พี่ยอมมือเปื้อนถ้าเพื่อปกป้องบริษัท ปกป้องครอบครัว แต่ถ้าเลี่ยงได้คงไม่ใช้วิธีสกปรกกับใครก่อน แบบนั้นมันจะต่างอะไรกับโจร”

ธีทัตหน้าเสีย ทว่าก็กล้ำกลืนความหงุดหงิดลงคอ “เอาเถอะๆ มาพูดเรื่องเม็กซิโกดีกว่า ผมมีคนรู้จักเปิดบริษัทโลจิสติกส์ ถ้าวานมืออาชีพช่วยดูแลเราน่าจะส่งสินค้าได้ราบรื่นขึ้น”

“พี่เห็นด้วย และอยากมอบให้กายเป็นคนจัดการทั้งหมด มีอำนาจสิทธิขาดเต็มที่” หล่อนเงียบไปชั่วครู่ “ฉะนั้นถ้างานทางนี้ลงตัวแล้ว กายน่าจะบินไปเม็กซิโกคุยกับซินญอร์เรเยสสักครั้ง คอยดูแลการจัดส่งสินค้าให้เรียบร้อย แล้วค่อยบินต่อไปช่วยพ่อแม่แทนพี่ เคลียร์ธุระเพื่อเตรียมพาพวกท่านกลับเมืองไทย”

คนฟังชะงัก ก่อนสีหน้าจะแดงก่ำขึ้นทันควัน “บอกกันตรงๆ ก็ได้ว่าอยากให้ผมวางมือแล้วปล่อยพี่กลับมาคุมลายหงส์อีกครั้ง!”

ธีร์วราทราบอยู่แล้วว่าเขาต้องไม่พอใจ จึงรับมืออย่างเยือกเย็น “พี่จำเป็นต้องทำเพราะตอนนี้สิ่งที่พี่กลัวมันกำลังเกิดขึ้นจริงๆ พี่ปล่อยกายคุมลายหงส์คนเดียวเร็วเกินไป เลยอยากให้กายถอยมาพักก่อน...”

“ถอยงั้นเหรอ” ธีทัตฝืนยิ้มจนบิดเบี้ยว “ทีสมัยพี่เกียร์ทำงานยังไม่เห็นเคยพักเลย”

ชื่อพี่ชายคนโตซึ่งไม่ได้ยินมาเนิ่นนานทำเอาธีร์วราหน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก

พวกหล่อนมีด้วยกันสามคนพี่น้อง ธีรศักดิ์หรือเกียร์เป็นพี่ชายคนโต และเคยเป็นทายาทที่ถนิตต้องการให้สืบทอดลายหงส์มาโดยตลอด ซึ่งเขาก็ทำตัวสมความคาดหวังของบิดา ธีรศักดิ์ขยัน เอาการเอางาน ลายหงส์สมัยที่อยู่ในการควบคุมของเขาคือยุคทองก็ว่าได้

จนกระทั่งพี่ชายคนโตผู้อายุห่างจากธีร์วราแปดปีคนนี้....ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

แน่นอนว่าทุกคนต่างเสียใจสุดบรรยาย แต่ผู้ที่ชีวิตเปลี่ยนแปลงหลังการตายของธีรศักดิ์มากที่สุดคือธีทัต จากน้องคนสุดท้องที่เคยปล่อยตัวตามสบาย กลับกลายเป็นทายาทคนสำคัญโดยไม่ทันตั้งตัว นับแต่นั้นทุกก้าวย่างของเขาล้วนโดนเปรียบเทียบกับผู้ล่วงลับ นั่นคือความกดดันที่ธีทัตจำใจแบกรับไว้ และเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งของเรื่องผิดพลาดในครั้งนี้ ธีร์วราย่อมทราบเต็มหัวอก แต่หล่อนไม่อาจนำความสงสารมาอยู่เหนือเหตุผล!

“มันไม่เกี่ยวกับพี่เกียร์เลยนะ” ธีร์วราถอนใจ หยิบเอกสารมาวางตรงหน้าน้องชายทีละปึก “ก่อนอื่น พี่อยากให้กายลองดูพวกนี้”

“หือ? นี่มันรายละเอียดสินค้าใหม่ที่ผมเคยเสนอไว้...ทุกตัวตั้งแต่สมัยก่อนนี่ ทำไมพี่แก้วมีเอกสารครบเลยล่ะ”

“คิดว่าเวลาเราเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่แล้วพี่จะไม่สนใจหรือไง พี่ย้อนกลับมาศึกษาดูทุกตัวนั่นแหละ โดยเฉพาะนี่...” ธีร์วราดึงเอกสารชุดหนึ่งมาไว้เหนือปึกอื่น “จำได้ไหม ครีมกันแดดสินค้าใหม่ที่กายเอาวางตลาดเป็นตัวที่สอง”

“อ๋อ อยากจะย้ำว่าวิสัยทัศน์ผมแย่ทำบริษัทขาดทุน ไม่ควรอยู่ลายหงส์อีกแล้วละสิ!” น้ำเสียงธีทัตเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ฐานะน้องคนเล็กที่ต้องคอยวัดรอยเท้าพี่ชายพี่สาวผู้เก่งกาจ ทำดีย่อมแค่เสมอตัว แต่พอพลาดกลับยิ่งเด่นชัด

“ใช่ที่ไหนกัน พี่จะบอกว่าครีมกันแดดตัวนี้คุณภาพเยี่ยมมากต่างหาก พี่กล้ารับประกันเลยว่าดีกว่าครีมกันแดดทุกตัวในตลาดเมืองไทยตอนนี้ด้วยซ้ำ”

ธีทัตเลิกคิ้ว “จริงหรือ ไม่ใช่พูดให้ผมดีใจนะ”

“พอลายหงส์ออกสินค้าใหม่ทีไรพี่จะสั่งตู่ส่งตัวอย่างไปให้ใช้ทุกครั้ง ไม่งั้นไม่กล้ารับประกันขนาดนี้หรอก กายคงทำงานกับแผนก R&D หนักมากกว่าจะวิจัยออกมาได้” ชายหนุ่มหน้าชื่นขึ้นจมหู ตรงข้ามกับหล่อนที่กดเสียงต่ำลง “และนั่นแหละ....จุดอ่อนที่ทำให้มันขายไม่ออก”

“หา? ผะ...ผมไม่เข้าใจ”

“พอสินค้าคุณภาพดีกายเลยมั่นใจกับมันมาก จนเวลาโฆษณาประชาสัมพันธ์จะชูตัวสินค้าเป็นหลัก ย้ำซ้ำๆ ว่าสินค้าดีๆๆ ถามหน่อยเถอะสำหรับคนขายมีเจ้าไหนไม่บอกว่าสินค้าตัวเองดี? แล้วลูกค้าจะแยกพวกเราออกจากเจ้าอื่นได้ยังไง การตลาดน่ะไม่ใช่มัวเน้นที่ตัวสินค้า แต่เราต้องเน้นที่ตัวลูกค้าต่างหากล่ะ”

“อะไรคือเน้นที่ตัวลูกค้า? สินค้าดีก็ต้องขายดีสิ”

“มีกฎตายตัวหรือว่าของคุณภาพดีต้องขายดีเสมอไป? อีกอย่าง...อย่าลืมนะมันก็แค่สินค้าใหม่ คนยังไม่เคยลองใช้จะรู้ได้ไงว่ามันดีจริง ของน่ะจะขายได้ไม่ใช่เพราะมันดี แต่ขายได้เพราะลูกค้า ‘คิด’ ว่ามันดีต่างหาก นี่แหละการเน้นที่ตัวลูกค้า”

ธีทัตนั่งฟังจนลืมความน้อยใจไปเสียสนิท สมัยที่เพิ่งเริ่มงานใหม่ๆ ธีร์วราก็คอยสอนแนวคิดแบบนี้ให้เสมอ แต่เขาเพียงรับฟังโดยไม่มีความเข้าใจ ต้องเผชิญสถานการณ์จริงด้วยตัวเองจึงพอกระจ่างบ้าง

“งั้นผมต้องทำยังไงลูกค้าถึงจะคิดว่ามันดี”

“ก็ลองหาทางดูเอง หากมีสูตรสำเร็จว่าทำงี้แล้วคนจะซื้อถล่มทลายในโลกคงมีแต่สินค้าขายดีกันหมด แต่ถ้าเรามีประสบการณ์ก็พอช่วยได้เยอะ พี่ถึงอยากให้กายถอยจากตำแหน่งบริหาร ถอยจากแผนก R&D ไปทดลองทำงานของแผนกอื่นดูบ้างเพื่อสะสมประสบการณ์ เริ่มด้วยงานติดต่อกับเม็กซิโกนี่แหละ แล้วพอกายกลับจากอเมริกาพี่จะส่งเราไปฝึกให้ทั่วๆ ค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าเราจะพร้อมกลับมาตำแหน่งเดิม พี่จะช่วยดูแลลายหงส์ไว้ให้จนถึงวันนั้น”

ชายหนุ่มกัดริมฝีปากครุ่นคิด สุดท้ายตอบว่า “ก็จริงของพี่ ได้ครับ...ผมจะทำตามนั้น ไว้แก้เรื่องยุ่งๆ จนเสร็จเราค่อยบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ด้วยกันนะ”

แม้น้องชายจะรับปากง่ายดายก็ไม่ทำให้ธีร์วรารู้สึกดีขึ้นเลย หล่อนลังเลอยู่นานก่อนจะสูดลมหายใจลึก เอ่ยต่อช้าๆ “มีอีกเรื่องต้องคุยให้เรียบร้อย พอทุกอย่างเสร็จสิ้น...พี่อยากเจรจารอมชอมกับพวกอมราเพื่อเคลียร์ปัญหา”

ธีทัตถึงกับผงะ สีเลือดจางหายจากหน้าราวถูกสูบ “ทำไมต้องทำขนาดนี้ ลงโทษที่ผมขโมยไอเดียคู่แข่งเหรอ”

“ถ้าปล่อยให้แก้แค้นกันไปมาเมื่อไหร่จะสิ้นสุด”

คนฝั่งตรงข้ามทุบโต๊ะปัง “ไม่มีทาง! ถ้าพี่จะลงโทษผมยังพอรับได้ แต่ทำไมลายหงส์ต้องก้มหัวให้อมรา เป็นตายผมก็ไม่ยอม!”

“กายเห็นอยู่ว่าอมรารุกเราหนักขนาดไหน”

“ที่ผ่านมาสองบริษัทก็แข่งขันกันมาตลอด จะไปกลัวมันทำไม”

“ใช่ เคยแข่งขันกัน แต่อดีตอมราสู้กับเราแบบแฟร์ๆ เสมอ ในธุรกิจบลั๊พกันแย่งลูกค้ากันแบบนั้นพี่ยอมรับ แต่คราวนี้อมราเริ่มชกใต้เข็มขัด วิธีนอกตำราไม่คำนึงถึงกฎหรือศีลธรรมที่คนฉลาดอย่างนายสุเมธวางแผนไว้ ลายหงส์จะคอยแก้ไขได้สักกี่น้ำ แล้วพี่ต้องย้ำไหมว่าชนวนเหตุเกิดขึ้นเพราะอะไร”

คราวนี้ธีทัตนิ่งเงียบ...ตัวสั่นเทิ้มด้วยแรงอารมณ์ ธีร์วราเองก็สองไหล่ลู่ตก ไม่รู้จะอธิบายให้น้องชายเข้าใจอย่างไร ในวงการธุรกิจการหาวิธีล้มคู่แข่งคือสิ่งสามัญ ถึงกระนั้นยังมีกรอบบางๆ กั้นไว้เป็นกติกา แต่คราวนี้ธีทัตล้ำเส้นเกินไป สิ่งที่เขาฉกฉวยจากอมรามันไม่ใช่แค่ผลประโยชน์...ทว่าคือศักดิ์ศรี!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่