เรามีพี่ชายอายุห่างกัน 3 ปี แต่พีเรียนเร็ว 1 ปี ทำให้ในตอนที่เราเข้าปี 1 พี่ชายจะต้องจบพอดี แต่มันก็มีเรื่องทำให้ไม่จบ พี่เราต้องจบการศึกษาในปีการศึกษา 2558 แต่มันก็เกิดเรื่อง เราขอเรียงลำดับเหตุการณ์ดังนี้นะคะ
ปี 2557 ตอนปลายปี
พี่ชายหลุดทุนกยศ ตอนจบ ปี 3
ปี 2558 ที่พี่ชายจะต้องจบ
เทอม 1 พี่ชายยืมเงินแฟนเพื่อให้สามารถมาเรียนได้
เทอม 2 พี่ชายไม่มีเงินเรียนแล้วเลยไม่จดทะเบียนเรียนในเทอมนี้
พ่อรู้ความจริงเมื่อภาคการศึกษานั้นจบแล้วทำให้ทะเลาะกันหนักมาก
ปี 2559
พี่ชายขอเงินพ่อเพื่อลงทะเบียนของปี 4 เทอม 2
พ่อก็ให้เงินพี่ชายไป
ตอนจบเทอมพี่ชายก็มาบอกว่าเหลือภาษาอังกฤษตัวสุดท้ายตัวเดียวที่ไม่ผ่าน
พ่อกับพี่ชายก็ทะเลาะกันใหญ่โตอีกครั้ง
ปี 2560
พ่อยอมกัดฝันเพื่อจ่ายค่าเรียนภาษาอังกฤษรอบพิเศษให้พี่ชายไปเรียนตัวสุดท้ายให้จบซะ
พี่ชายเอาเงินไปจ่ายค่าเรียนแต่ไม่มีใบเสร็จกลับมาให้พ่อ ทำให้พ่อโมโหมาก
สุดท้ายพี่ชายก็ไม่ผ่านอีก บอกว่าอีกไม่กี่คะแนนก็ผ่านแล้ว แม่จะเข้าไปคุยกับอาจารย์ให้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
พี่ชายตั้งใจที่จะลงเรียน summer ของปีการศึกษา 2560
ปี 2561
ช่วง เมษายน : พี่ชายไปติดต่อที่มหาวิทยาลัยเรื่องการลงทะเบียนแต่พี่ชายบอกว่าวิชานี้ไม่เปิดตอน summer
ช่วง พฤษภาคม : พี่ชายจะไปลงทะเบียนเรียนในเทอม 1 แต่ปรากฎว่าการเรียนการสอนแบบอาเซียนแบบที่พี่ชายเรียนอยู๋เค้าไม่มีเปิดรายวิชาแล้ว แล้ววันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียน พี่ชายเลยตัดใจแล้วจะไปลงตอนเทอม 2 แทน
เดือน กรกฎาคม : แม่ขอให้เราหาข้อมูลนักศึกษาของพี่ชายจนไปเจอว่าพี่ชายพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว แต่มื่อเราอ่านเราก็โล่งอกที่สามารถคืนสภาพนักศึกษาได้ วันต่อมาเราจึงโทรไปที่ฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยพี่ชาย แต่ปรากฎว่าพี่ชายเราพ้นสภาพไปตั้งแต่ปลายปี 2558 ไม่สามารถคืนสภาพการศึกษาได้แล้วเนื่องจากไม่ได้มีการลงเรียนและไม่ได้ยื่นเรื่องขอพักการศึกษาทำให้พ้นสภาพไปนานแล้ว แล้วที่ผ่านมาคือที่พี่ชายไปเรียนในตอนปี 2559 กับ ปี 2560 คืออะไร คือหมายความว่ายังไง
จนถึงตอนนี้เราโทรไปคุยกับพี่ชายแล้วพี่ชายก็เหมือนกับว่าพึ่งรู้ว่าตนเองพึ่งพ้นสภาพไป แล้วพี่ชายกับพ่อก็มีปัญหากันมาตั้งหลายครั้งแล้วทำให้ไม่รู้ว่าเราจะบอกพ่อดีไหม เราบอกแม่แล้วแม่ก็ไม่ได้โกรธอะไร(แม่ใจเย็นมากกกก) อยากจะถามทุกคนว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับพ่อดีไหมถ้าพี่ชายเราไม่ยอมบอก
พี่ชายพ้นสถานะการศึกษา จะบอกพ่อยังไงดีคะ
ปี 2557 ตอนปลายปี
พี่ชายหลุดทุนกยศ ตอนจบ ปี 3
ปี 2558 ที่พี่ชายจะต้องจบ
เทอม 1 พี่ชายยืมเงินแฟนเพื่อให้สามารถมาเรียนได้
เทอม 2 พี่ชายไม่มีเงินเรียนแล้วเลยไม่จดทะเบียนเรียนในเทอมนี้
พ่อรู้ความจริงเมื่อภาคการศึกษานั้นจบแล้วทำให้ทะเลาะกันหนักมาก
ปี 2559
พี่ชายขอเงินพ่อเพื่อลงทะเบียนของปี 4 เทอม 2
พ่อก็ให้เงินพี่ชายไป
ตอนจบเทอมพี่ชายก็มาบอกว่าเหลือภาษาอังกฤษตัวสุดท้ายตัวเดียวที่ไม่ผ่าน
พ่อกับพี่ชายก็ทะเลาะกันใหญ่โตอีกครั้ง
ปี 2560
พ่อยอมกัดฝันเพื่อจ่ายค่าเรียนภาษาอังกฤษรอบพิเศษให้พี่ชายไปเรียนตัวสุดท้ายให้จบซะ
พี่ชายเอาเงินไปจ่ายค่าเรียนแต่ไม่มีใบเสร็จกลับมาให้พ่อ ทำให้พ่อโมโหมาก
สุดท้ายพี่ชายก็ไม่ผ่านอีก บอกว่าอีกไม่กี่คะแนนก็ผ่านแล้ว แม่จะเข้าไปคุยกับอาจารย์ให้แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป
พี่ชายตั้งใจที่จะลงเรียน summer ของปีการศึกษา 2560
ปี 2561
ช่วง เมษายน : พี่ชายไปติดต่อที่มหาวิทยาลัยเรื่องการลงทะเบียนแต่พี่ชายบอกว่าวิชานี้ไม่เปิดตอน summer
ช่วง พฤษภาคม : พี่ชายจะไปลงทะเบียนเรียนในเทอม 1 แต่ปรากฎว่าการเรียนการสอนแบบอาเซียนแบบที่พี่ชายเรียนอยู๋เค้าไม่มีเปิดรายวิชาแล้ว แล้ววันนั้นเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียน พี่ชายเลยตัดใจแล้วจะไปลงตอนเทอม 2 แทน
เดือน กรกฎาคม : แม่ขอให้เราหาข้อมูลนักศึกษาของพี่ชายจนไปเจอว่าพี่ชายพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาไปแล้ว แต่มื่อเราอ่านเราก็โล่งอกที่สามารถคืนสภาพนักศึกษาได้ วันต่อมาเราจึงโทรไปที่ฝ่ายทะเบียนของมหาวิทยาลัยพี่ชาย แต่ปรากฎว่าพี่ชายเราพ้นสภาพไปตั้งแต่ปลายปี 2558 ไม่สามารถคืนสภาพการศึกษาได้แล้วเนื่องจากไม่ได้มีการลงเรียนและไม่ได้ยื่นเรื่องขอพักการศึกษาทำให้พ้นสภาพไปนานแล้ว แล้วที่ผ่านมาคือที่พี่ชายไปเรียนในตอนปี 2559 กับ ปี 2560 คืออะไร คือหมายความว่ายังไง
จนถึงตอนนี้เราโทรไปคุยกับพี่ชายแล้วพี่ชายก็เหมือนกับว่าพึ่งรู้ว่าตนเองพึ่งพ้นสภาพไป แล้วพี่ชายกับพ่อก็มีปัญหากันมาตั้งหลายครั้งแล้วทำให้ไม่รู้ว่าเราจะบอกพ่อดีไหม เราบอกแม่แล้วแม่ก็ไม่ได้โกรธอะไร(แม่ใจเย็นมากกกก) อยากจะถามทุกคนว่าควรจะบอกเรื่องนี้กับพ่อดีไหมถ้าพี่ชายเราไม่ยอมบอก