เราเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวยังสาวค่ะ ทำงานต่างประเทศตำแหน่งผู้บริหารโรงงานและเป็นเลขาประธานองค์กรที่ประเทศจีน. เราอายุยังน้อยแต่เพราะพูดได้หลายภาษาและเรียนรู้เร็วทำให้เพื่อนหรือก็คือเจ้านายเราคอยสนับสนุนผลักดันมาจนถึงตำแหน่งนี้
เราได้มีโอกาศรู้จักกับผู้ชายไทยคนหนึ่งด้วยความบังเอิญที่ประเทศจีน.
วันนั้นเราไปเลี้ยงข้าวกลุ่มลูกค้าชาวพม่าที่โรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับทีมเซลล์แต่เราไปถึงก่อนเวลาเลยเข้าไปนั่งรอในห้องอาหารที่จองไว้ปรากฎว่ามีผู้ชายมาดผู้ดีหน้าตาก่ำกึ่งระหว่างเอเชียและจีนนั่งอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง.
เราเข้าใจว่าเขาเป็นลูกค้าของโรงงานจึงทักทายไปตามมารยาทและถามเขาเป็นภาษาอังกฤษว่ามาจากเมืองไหนของพม่า. เขาตอบเราว่าเขาเป็นคนไทย
ตอนนั้นเราก็สะดุดนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าคนไทยทำงานลงทุนในพม่าก็เยอะแยะเลยบอกกับเขาว่า. อ้อดีเลยเราก็คนไทยเหมือนกัน. ก็เลยคุยถามไถ่ต่างๆนานาไม่ได้เกี่ยวเรื่องงานเลยจนคุยถูกคอกระทั่งเซลล์5นาทีให้หลังเซลล์ของเราโทรมาบอกว่าถึงแล้วทำไมไม่เจอเราเลยเราจึงรู้ตัวว่าตายละหว่าตรูมาผิดห้อง555
เราเลยบอกเขาว่าสงสัยเข้าผิดห้องแล้วถามเขาว่าเขามาจีนทำอะไร. เขาตอบเราว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมวิศวกรของบริษัทหนึ่งซึ่งดังระดับสากลเขามาตรวจงานโครงการก่อสร้าห้างแห่งหนึ่งในเมืองนี้และวันมะรืนนี้เขาต้องกลับไทยแล้วทีมลูกค้าเลยจะเลี้ยงข้าวเป็นการอำลาโดยที่เขาพักอยู่โรงแรมนี่จึงมาถึงก่อนเวลา. ก่อนเราออกจากห้องก็ได้มีการแลกwe chatกันไว้เผื่อเขาอยู่จีนพูดจีนไม่ได้เดินทางไปไหนไม่เป็นจะได้ติดต่อให้เราช่วยเหลือ(ภาษาอังกฤษที่จีนแทบไม่มีความหมาย)
ความสัมพันธ์แบบนี้ควรจบหรือไปต่อดีจะถูกเรียกว่าเป็นเมียน้อยหรือเปล่า
เราได้มีโอกาศรู้จักกับผู้ชายไทยคนหนึ่งด้วยความบังเอิญที่ประเทศจีน.
วันนั้นเราไปเลี้ยงข้าวกลุ่มลูกค้าชาวพม่าที่โรงแรมแห่งหนึ่งพร้อมกับทีมเซลล์แต่เราไปถึงก่อนเวลาเลยเข้าไปนั่งรอในห้องอาหารที่จองไว้ปรากฎว่ามีผู้ชายมาดผู้ดีหน้าตาก่ำกึ่งระหว่างเอเชียและจีนนั่งอยู่ก่อนแล้วคนหนึ่ง.
เราเข้าใจว่าเขาเป็นลูกค้าของโรงงานจึงทักทายไปตามมารยาทและถามเขาเป็นภาษาอังกฤษว่ามาจากเมืองไหนของพม่า. เขาตอบเราว่าเขาเป็นคนไทย
ตอนนั้นเราก็สะดุดนิดหน่อยแต่ก็คิดว่าคนไทยทำงานลงทุนในพม่าก็เยอะแยะเลยบอกกับเขาว่า. อ้อดีเลยเราก็คนไทยเหมือนกัน. ก็เลยคุยถามไถ่ต่างๆนานาไม่ได้เกี่ยวเรื่องงานเลยจนคุยถูกคอกระทั่งเซลล์5นาทีให้หลังเซลล์ของเราโทรมาบอกว่าถึงแล้วทำไมไม่เจอเราเลยเราจึงรู้ตัวว่าตายละหว่าตรูมาผิดห้อง555
เราเลยบอกเขาว่าสงสัยเข้าผิดห้องแล้วถามเขาว่าเขามาจีนทำอะไร. เขาตอบเราว่าเขาเป็นหัวหน้าทีมวิศวกรของบริษัทหนึ่งซึ่งดังระดับสากลเขามาตรวจงานโครงการก่อสร้าห้างแห่งหนึ่งในเมืองนี้และวันมะรืนนี้เขาต้องกลับไทยแล้วทีมลูกค้าเลยจะเลี้ยงข้าวเป็นการอำลาโดยที่เขาพักอยู่โรงแรมนี่จึงมาถึงก่อนเวลา. ก่อนเราออกจากห้องก็ได้มีการแลกwe chatกันไว้เผื่อเขาอยู่จีนพูดจีนไม่ได้เดินทางไปไหนไม่เป็นจะได้ติดต่อให้เราช่วยเหลือ(ภาษาอังกฤษที่จีนแทบไม่มีความหมาย)