ถ้าเหมือนกันใช้แทนกันได้
แต่ถ้าเข้าใจไม่เหมือนกัน หรือไม่ตรง ไม่นำไปสู่การสลดสังเวช
ก็คงต้องใช้คำว่าสงสารวัฎฎะแทน เพราะ เป็นสัมมาทิฐิ
เป็นการปูทางไปสู่สัมมาทิฐิ เพราะ การแสดงธรรม นั้นยาก ต้องแสดงไปตามลำดับ
เช่นการพูดเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจกันคนละเรื่อง (คนหนึ่งพูดสัสสตทิฏฐิ คนหนึ่งพูดสัมมาทิฐิ)
๑. ทุคคตสูตร
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุด
เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่อง
ประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ เธอทั้งหลายเห็น
ทุคตบุรุษผู้มีมือและเท้าไม่สมประกอบ พึงลงสันนิษฐานในบุคคลนี้ว่า เราทั้งหลาย
ก็เคยเสวยทุกข์เห็นปานนี้มาแล้ว โดยกาลนานนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า
สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๑
๒. สุขิตสูตร
[๔๔๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่
สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็น
เครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ... เธอทั้งหลาย
เห็นบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยความสุข มีบริวารคอยรับใช้ พึงลงสันนิษฐานใน
บุคคลนี้ว่า เราทั้งหลายก็เคยเสวยสุขเห็นปานนี้มาแล้วโดยกาลนานนี้ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อ
จะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=4730&Z=5111
ธรรมะดับทุกข์ ทิฐิ การเวียนว่ายตายเกิด เหมือนหรือต่างกันกับ ทิฐิสงสารวัฎฎะ อะไรคือสงสารวัฎฎะ อะไรคือการเวียนว่าย
แต่ถ้าเข้าใจไม่เหมือนกัน หรือไม่ตรง ไม่นำไปสู่การสลดสังเวช
ก็คงต้องใช้คำว่าสงสารวัฎฎะแทน เพราะ เป็นสัมมาทิฐิ
เป็นการปูทางไปสู่สัมมาทิฐิ เพราะ การแสดงธรรม นั้นยาก ต้องแสดงไปตามลำดับ
เช่นการพูดเรื่องเดียวกัน แต่เข้าใจกันคนละเรื่อง (คนหนึ่งพูดสัสสตทิฏฐิ คนหนึ่งพูดสัมมาทิฐิ)
๑. ทุคคตสูตร
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุด
เบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่อง
ประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ เธอทั้งหลายเห็น
ทุคตบุรุษผู้มีมือและเท้าไม่สมประกอบ พึงลงสันนิษฐานในบุคคลนี้ว่า เราทั้งหลาย
ก็เคยเสวยทุกข์เห็นปานนี้มาแล้ว โดยกาลนานนี้ ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่า
สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
จบสูตรที่ ๑
๒. สุขิตสูตร
[๔๔๔] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่
สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็น
เครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ... เธอทั้งหลาย
เห็นบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยความสุข มีบริวารคอยรับใช้ พึงลงสันนิษฐานใน
บุคคลนี้ว่า เราทั้งหลายก็เคยเสวยสุขเห็นปานนี้มาแล้วโดยกาลนานนี้ ข้อนั้น
เพราะเหตุไร เพราะว่า สงสารกำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พอเพื่อ
จะหลุดพ้น ดังนี้ ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=16&A=4730&Z=5111