Winter is coming.... to New Zealand.
เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรากับพี่สาวได้มีโอกาส ไปเยือนแดนกีวี่ ซึ่งช่วงนั้นก็จะเป็นปลายๆ Autumn กำลังจะเข้า winter เราไปทั้งหมด 10 วัน อยู่ เกาะเหนือ 2วัน 2คืน อยู่เกาะใต้ 6วัน6 คืน แล้วกลับมาอยู่Auckland อีก 2วัน1คืน กระทู้นี้เราไม่ขอรีวิว สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เราไป เพราะมีกระทู้อื่นๆอีกมากมายที่เขียนไว้ดีมากๆอยู่แล้ว และอีกอย่าง ไปดูเองดีกว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนะเออ ดังนั้น เราขอรีวิวในส่วนต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็น backpackerมือใหม่แบบเรา ดังนี้ นะคะ
- การแก้วีซ่า ออนไลน์ อย่างไรให้Approved ใน 1 วัน
- การเดินทาง
- ที่พักและ อาหาร
ปล. ถ้าใครอยากรู้เรื่องอื่นๆก็ถามมาได้นะคะ เผื่อจะได้มีประสบการณ์มาแชร์กัน
ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ...แน่นอนว่าเราต้องมีการเตรียมตัวที่ดีมากๆ ต้องwell planสุดไรสุด ยิ่งเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่าด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีภาระอีก1สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไป การเดินทางครั้งนี้ เราขอวีซ่า ออนไลน์ โดยศึกษาจาก กระทู้ต่างๆใน Pantip นี่แหละ เนื่องจากเรายังเป็นนักศึกษา เราจึงให้พี่สาวเรา(ที่ไปเที่ยวด้วยกัน)เป็น sponsor ให้ ครั้งแรกที่ขอไป เราก็แนบเอกสารหลักฐานต่างๆที่คิดว่าจำเป็น ได้แก่
-ใบรับรองการเป็นนักศึกษาจากคณะ
- บัตรประชาชน
- ใบขับขี่,passport
- เอกสารทางการเงินของพี่สาว
- สำเนาทะเบียนบ้าน(เพื่อบอกความสัมพันธ์ุ ของเรากับพี่สาว)
- พวกแผนการเดินทางคร่าวๆ
ปรากฏว่า ของพี่สาวเรา approve แต่ของเราวีซ่า decline แต่สิ่งที่แย่กว่า คือ ด้วยความไม่รอบคอบของเราเองทำให้เรามารู้ตัวว่าวีซ่า decline ก่อนเดินทาง 10 วัน ตอนที่รู้คือ หมดหวังมากกกก ไม่ได้ไปแล้วแน่ๆ ตั๋วเครื่องบินอะไรก็จองหมดแล้ว ได้ทิ้งแน่ๆ จนทำให้เราพยายามคิดว่าจะใช้เงินแก้ปัญหา5555 พยายามโทรหาagentต่างๆ ที่รับขอวีซ่าต่าง เค้าก็บอกว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 20วัน เนื่องจากเป็นเคสแก้ ได้ยินอย่างงั้นเรายิ่งโคตรท้อใจขั้นสุด แต่พี่สาวเราก็บอกให้เราแก้วีซ่าเอง ลองเสี่ยงดู น่าจะมีพอมีเวลา เราเลยตัดสินใจ ยื่นใหม่! โดย
Immigration ให้เหตุผลในการ decline มาประมาณว่า เราไม่มีหลักฐานชัดเจนพอ ที่เราจะกลับประเทศ เราจึงเพิ่มเติมเอกสารดังนี้
-transcript
-หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจาก ม.
-หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนทุน(เราได้รับทุนจากรัฐบาล)
-cover letter(ด้วยภาษาอังกฤษระดับ intermediate ของเรา555) ซึ่ง ต้องเขียนเหตุผลจัดหนัดจัดเต็มมาก ว่าทริปนี้มีความสำคัญยังไง ทำไมถึงต้องไป (ออกแนวดราม่านิดนึง) แล้วบอกเหตุผลด้วยว่าเราจะกลับประเทศแน่นอน
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน
เราใช้เวลาเตรียมเอกสาร 2 วัน หลังจากยื่น ปรากฏว่า วีซ่าเรา Approve ภายใน 1วัน อมก. เร็วมากกก
อยากจะบอกทุกๆคนที่อาจเจอเหตุการณ์แบบเราว่า
1.อ่านเหตุผลของการdecline ว่าคืออะไร และหาเหตุผลดีๆมาลบล้าง อย่ามัวแต่กลัว เตรียมเหตุผลให้ดี แล้วยื่นใหม่เลย!
2. พยายามสรรหา เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่เราแจ้งเค้าไป
3. จากเคสของเราเอง เราคิดว่าcover letterเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเลยนะ ดูเหมือนว่าimmigration nz เค้าอยากอ่าน 555
และ 4. พึงคิดเสมอว่า ''ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็ต้องได้ไป''!!
************
การเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้เราก็ไม่ได้เลือกอะไรมาก ขอแค่ถูกและเวลาโอเค เราเลือกบินกัน Qantas ซึ่งจะต้องไปต่อเครื่องที่ Sydney แล้วค่อยไปลง Auckland ส่วนขากลับ เราได้มีโอกาสได้นั่ง Emirate เครื่อง Airbus A380 จาก Sydney มาไทย ประทับใจมากก นั่งสบายนอนสบาย จิบไวน์ดูหนังตลอดทาง 555 แฮปปี้สุดๆ เหมาะสำหรับการบินนานๆ มากเลยค่ะ
ทริปนี้เราตัดสินใจLanding ที่Auckland ก่อนเนื่องจากเพื่อนพี่สาวเราอยู่ที่นั้น และเราก็ตั้งใจจะเที่ยวเกาะเหนือก่อน โชคดีมากๆที่ได้รถของเพื่อนพี่สาว มาใช้ตลอดการเดินทางในเกาะเหนือ (ขอบคุณมากๆเลยนะคะ) การขับรถที่นี่ไม่ค่อยต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ เพียงแค่ กฏหมายเค้าจริงจังกว่า ถนนทุกเส้นจะถูกจำกัดความเร็วเฉพาะไว้แล้ว ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด! อ้ออ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมคือ gps หรืออาจ ดาวน์โหลด offline map มาใช้ก็ได้ สะดวกมาก ไม่ง้ออินเตอร์เน็ตใดๆก็ไปถูกทาง แต่ก็ต้องระวังนิดนึงนะ บางทีก็พาหลงบ่าง ซึ่งเรากับพี่สาวนอกจากจะเป็นนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นนักหลงทางตัวยงอีกต่างหาก 5555
หลังจากเที่ยวเกาะเหนือพอหอมปากหอมคอ เราก็มุ่งหน้าหลับมาที่ Auckland แล้วบินไปลง Christchurch โดยพี่สาวเราได้จองรถกับ Jucy เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ที่ไทย (ตอนรับรถมีเลทกันเล็กน้อยเราขอ cash backคืนได้ตั้ง 40 nzd แนะอิอิ) หลังจากที่รับรถเรียบร้อยก็สั่งgps นำทางไปเลยจ้าาา เส้นทางในเกาะใต้ส่วนใหญ่จะเป็นถนน 2เลน กำจัดความเร็วที่ประมาณ 100 กม/ชม. ขับกันมันส์มากเลยค่ะ วิวข้างทางก็สวยมากก จนต้องแวะข้างทางกันบ่อยๆ ปั้มน้ำมันที่นี่ก็เป็นแบบเติมเอง จ่ายเอง สะดวกดี สำหรับใครที่เติมไม่เป็นไม่ต้องห่วง ถามคนแถวนั้นเอาค่ะ คนกีวี่น่ารัก ใจดีค่ะ
swift น้องกลอยใจ ที่พาเราไปทุกที่
สายการบินภายในประเทศ
Domestic is nothing. คนที่นั่นได้กล่าวไว้ 5555 domestic ชิลมากเลยค่ะ เป็น self check in หมดแล้ว ใช้ พาสปอร์ต ในการ check in ได้ broading passแล้ว ไม่มีการตรวจชื่อว่าตรงกันหรือไม่ใดใด ใครถือตั๋วก็ขึ้นได้เลยจ้า 555 ชิล มากกก
******************
อาหารและที่พัก
สำหรับการเที่ยวแบบ backpacker style การได้พัก guest houseหรือไม่ก็ hostel ทำให้เราได้มีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ได้เรียนรู้ ได้แชร์ประสบการณ์ต่างๆจากเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน เป็นการได้เติม inspirations อยู่ตลอดๆ เหมือนกับว่าแต่ละคนที่ผ่านมาและผ่านไปนั้นได้ให้มุมมอง ความประทับใจ บางอย่างกับเราไม่มากก็น้อย ในส่วนของ hostel ในเกาะใต้นั้นมีมากมายให้เลือกจอง แต่เรากับพี่สาวเลือกใช้ บริการ YHA ซึ่งมีอยู่ในทุกๆเมืองสำคัญๆ เป็น hostelที่ค่อนข้างครบเครื่องนะ ห้องครัวดี ที่นอน ห้องน้ำ ห้องซักผ้า ห้องตากผ้า ห้องนั่งเล่น เอาเป็นว่าอยู่ได้สบายๆ ยิ่งที่ mt.cook ประทับใจมากคือ มีซาวน่าอุ่นๆให้ไปนั่งฟินๆในคืนที่อุณหภูมิติดลบ นอกจากนี้สิ่งที่ประทับอีกอย่างคือ ห้องครัว อยากบอกว่า เริ่ดมากกกกก นึกว่าครัว master chef โดยเฉพาะตอนเย็นๆนะ ทุกคนจะมารวมกันที่ครัว ตั้งใจกันทำอาหารกันสุดฤทธิ์ เราสามารถซื้อของสดจาก super market มาไว้ เราแนะนำที่countdownนะ (คล้ายๆโลตัสบ้านเรา)ของถูกมากก ซื้อตุนๆไว้เลย มาแช่ตู้เย็นที่ hostel เอา หรือถ้าใครจะไม่ซื้ิอก็ลองมาสอดส่องของกินฟรีก็ได้นะ เพราะทุกที่จะมี ตะกร้า free food ซึ่งมักจะเป็นอาหารที่นักท่องเที่ยวคนก่อนหน้าลืมไว้ หรือตั้งใจทิ้งไว้เพราะขี้เกียจแบบกลับ ก็ต้องลองหาๆดู บางทีก็มีอะไรดีๆเยอะเหมือนกัน 5555 อ่อ พวกเครื่องปรุงต่างๆไม่ต่องซื้ิอนะที่ hostelเค้ามีเตรียมไว้ให้ หมอ กระทะ จาน ชาม ช้อนซ้อม บลาๆ มีให้หมดละ เราสามารถ create เมนูจากวัตถุดิบที่เราได้เลย ใครที่ชอบทำอาหารทานเองรับรองว่าสนุกกับการทำครัวมากๆ
Winter is coming.... to New Zealand
เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เรากับพี่สาวได้มีโอกาส ไปเยือนแดนกีวี่ ซึ่งช่วงนั้นก็จะเป็นปลายๆ Autumn กำลังจะเข้า winter เราไปทั้งหมด 10 วัน อยู่ เกาะเหนือ 2วัน 2คืน อยู่เกาะใต้ 6วัน6 คืน แล้วกลับมาอยู่Auckland อีก 2วัน1คืน กระทู้นี้เราไม่ขอรีวิว สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่เราไป เพราะมีกระทู้อื่นๆอีกมากมายที่เขียนไว้ดีมากๆอยู่แล้ว และอีกอย่าง ไปดูเองดีกว่า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นนะเออ ดังนั้น เราขอรีวิวในส่วนต่างๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็น backpackerมือใหม่แบบเรา ดังนี้ นะคะ
- การแก้วีซ่า ออนไลน์ อย่างไรให้Approved ใน 1 วัน
- การเดินทาง
- ที่พักและ อาหาร
ปล. ถ้าใครอยากรู้เรื่องอื่นๆก็ถามมาได้นะคะ เผื่อจะได้มีประสบการณ์มาแชร์กัน
ก่อนไปเที่ยวต่างประเทศ...แน่นอนว่าเราต้องมีการเตรียมตัวที่ดีมากๆ ต้องwell planสุดไรสุด ยิ่งเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่าด้วยแล้ว ก็ยิ่งมีภาระอีก1สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนไป การเดินทางครั้งนี้ เราขอวีซ่า ออนไลน์ โดยศึกษาจาก กระทู้ต่างๆใน Pantip นี่แหละ เนื่องจากเรายังเป็นนักศึกษา เราจึงให้พี่สาวเรา(ที่ไปเที่ยวด้วยกัน)เป็น sponsor ให้ ครั้งแรกที่ขอไป เราก็แนบเอกสารหลักฐานต่างๆที่คิดว่าจำเป็น ได้แก่
-ใบรับรองการเป็นนักศึกษาจากคณะ
- บัตรประชาชน
- ใบขับขี่,passport
- เอกสารทางการเงินของพี่สาว
- สำเนาทะเบียนบ้าน(เพื่อบอกความสัมพันธ์ุ ของเรากับพี่สาว)
- พวกแผนการเดินทางคร่าวๆ
ปรากฏว่า ของพี่สาวเรา approve แต่ของเราวีซ่า decline แต่สิ่งที่แย่กว่า คือ ด้วยความไม่รอบคอบของเราเองทำให้เรามารู้ตัวว่าวีซ่า decline ก่อนเดินทาง 10 วัน ตอนที่รู้คือ หมดหวังมากกกก ไม่ได้ไปแล้วแน่ๆ ตั๋วเครื่องบินอะไรก็จองหมดแล้ว ได้ทิ้งแน่ๆ จนทำให้เราพยายามคิดว่าจะใช้เงินแก้ปัญหา5555 พยายามโทรหาagentต่างๆ ที่รับขอวีซ่าต่าง เค้าก็บอกว่าอาจต้องใช้เวลาประมาณ 20วัน เนื่องจากเป็นเคสแก้ ได้ยินอย่างงั้นเรายิ่งโคตรท้อใจขั้นสุด แต่พี่สาวเราก็บอกให้เราแก้วีซ่าเอง ลองเสี่ยงดู น่าจะมีพอมีเวลา เราเลยตัดสินใจ ยื่นใหม่! โดย
Immigration ให้เหตุผลในการ decline มาประมาณว่า เราไม่มีหลักฐานชัดเจนพอ ที่เราจะกลับประเทศ เราจึงเพิ่มเติมเอกสารดังนี้
-transcript
-หนังสือรับรองการเป็นนักศึกษาจาก ม.
-หนังสือรับรองการเป็นนักเรียนทุน(เราได้รับทุนจากรัฐบาล)
-cover letter(ด้วยภาษาอังกฤษระดับ intermediate ของเรา555) ซึ่ง ต้องเขียนเหตุผลจัดหนัดจัดเต็มมาก ว่าทริปนี้มีความสำคัญยังไง ทำไมถึงต้องไป (ออกแนวดราม่านิดนึง) แล้วบอกเหตุผลด้วยว่าเราจะกลับประเทศแน่นอน
- หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบิน
เราใช้เวลาเตรียมเอกสาร 2 วัน หลังจากยื่น ปรากฏว่า วีซ่าเรา Approve ภายใน 1วัน อมก. เร็วมากกก
อยากจะบอกทุกๆคนที่อาจเจอเหตุการณ์แบบเราว่า
1.อ่านเหตุผลของการdecline ว่าคืออะไร และหาเหตุผลดีๆมาลบล้าง อย่ามัวแต่กลัว เตรียมเหตุผลให้ดี แล้วยื่นใหม่เลย!
2. พยายามสรรหา เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่เราแจ้งเค้าไป
3. จากเคสของเราเอง เราคิดว่าcover letterเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเลยนะ ดูเหมือนว่าimmigration nz เค้าอยากอ่าน 555
และ 4. พึงคิดเสมอว่า ''ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็ต้องได้ไป''!!
************
การเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้เราก็ไม่ได้เลือกอะไรมาก ขอแค่ถูกและเวลาโอเค เราเลือกบินกัน Qantas ซึ่งจะต้องไปต่อเครื่องที่ Sydney แล้วค่อยไปลง Auckland ส่วนขากลับ เราได้มีโอกาสได้นั่ง Emirate เครื่อง Airbus A380 จาก Sydney มาไทย ประทับใจมากก นั่งสบายนอนสบาย จิบไวน์ดูหนังตลอดทาง 555 แฮปปี้สุดๆ เหมาะสำหรับการบินนานๆ มากเลยค่ะ
ทริปนี้เราตัดสินใจLanding ที่Auckland ก่อนเนื่องจากเพื่อนพี่สาวเราอยู่ที่นั้น และเราก็ตั้งใจจะเที่ยวเกาะเหนือก่อน โชคดีมากๆที่ได้รถของเพื่อนพี่สาว มาใช้ตลอดการเดินทางในเกาะเหนือ (ขอบคุณมากๆเลยนะคะ) การขับรถที่นี่ไม่ค่อยต่างจากบ้านเราเท่าไหร่ เพียงแค่ กฏหมายเค้าจริงจังกว่า ถนนทุกเส้นจะถูกจำกัดความเร็วเฉพาะไว้แล้ว ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด! อ้ออ สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมคือ gps หรืออาจ ดาวน์โหลด offline map มาใช้ก็ได้ สะดวกมาก ไม่ง้ออินเตอร์เน็ตใดๆก็ไปถูกทาง แต่ก็ต้องระวังนิดนึงนะ บางทีก็พาหลงบ่าง ซึ่งเรากับพี่สาวนอกจากจะเป็นนักท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นนักหลงทางตัวยงอีกต่างหาก 5555
หลังจากเที่ยวเกาะเหนือพอหอมปากหอมคอ เราก็มุ่งหน้าหลับมาที่ Auckland แล้วบินไปลง Christchurch โดยพี่สาวเราได้จองรถกับ Jucy เอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่อยู่ที่ไทย (ตอนรับรถมีเลทกันเล็กน้อยเราขอ cash backคืนได้ตั้ง 40 nzd แนะอิอิ) หลังจากที่รับรถเรียบร้อยก็สั่งgps นำทางไปเลยจ้าาา เส้นทางในเกาะใต้ส่วนใหญ่จะเป็นถนน 2เลน กำจัดความเร็วที่ประมาณ 100 กม/ชม. ขับกันมันส์มากเลยค่ะ วิวข้างทางก็สวยมากก จนต้องแวะข้างทางกันบ่อยๆ ปั้มน้ำมันที่นี่ก็เป็นแบบเติมเอง จ่ายเอง สะดวกดี สำหรับใครที่เติมไม่เป็นไม่ต้องห่วง ถามคนแถวนั้นเอาค่ะ คนกีวี่น่ารัก ใจดีค่ะ
swift น้องกลอยใจ ที่พาเราไปทุกที่
สายการบินภายในประเทศ
Domestic is nothing. คนที่นั่นได้กล่าวไว้ 5555 domestic ชิลมากเลยค่ะ เป็น self check in หมดแล้ว ใช้ พาสปอร์ต ในการ check in ได้ broading passแล้ว ไม่มีการตรวจชื่อว่าตรงกันหรือไม่ใดใด ใครถือตั๋วก็ขึ้นได้เลยจ้า 555 ชิล มากกก
******************
อาหารและที่พัก
สำหรับการเที่ยวแบบ backpacker style การได้พัก guest houseหรือไม่ก็ hostel ทำให้เราได้มีโอกาสเจอเพื่อนใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น ได้เรียนรู้ ได้แชร์ประสบการณ์ต่างๆจากเพื่อนนักเดินทางด้วยกัน เป็นการได้เติม inspirations อยู่ตลอดๆ เหมือนกับว่าแต่ละคนที่ผ่านมาและผ่านไปนั้นได้ให้มุมมอง ความประทับใจ บางอย่างกับเราไม่มากก็น้อย ในส่วนของ hostel ในเกาะใต้นั้นมีมากมายให้เลือกจอง แต่เรากับพี่สาวเลือกใช้ บริการ YHA ซึ่งมีอยู่ในทุกๆเมืองสำคัญๆ เป็น hostelที่ค่อนข้างครบเครื่องนะ ห้องครัวดี ที่นอน ห้องน้ำ ห้องซักผ้า ห้องตากผ้า ห้องนั่งเล่น เอาเป็นว่าอยู่ได้สบายๆ ยิ่งที่ mt.cook ประทับใจมากคือ มีซาวน่าอุ่นๆให้ไปนั่งฟินๆในคืนที่อุณหภูมิติดลบ นอกจากนี้สิ่งที่ประทับอีกอย่างคือ ห้องครัว อยากบอกว่า เริ่ดมากกกกก นึกว่าครัว master chef โดยเฉพาะตอนเย็นๆนะ ทุกคนจะมารวมกันที่ครัว ตั้งใจกันทำอาหารกันสุดฤทธิ์ เราสามารถซื้อของสดจาก super market มาไว้ เราแนะนำที่countdownนะ (คล้ายๆโลตัสบ้านเรา)ของถูกมากก ซื้อตุนๆไว้เลย มาแช่ตู้เย็นที่ hostel เอา หรือถ้าใครจะไม่ซื้ิอก็ลองมาสอดส่องของกินฟรีก็ได้นะ เพราะทุกที่จะมี ตะกร้า free food ซึ่งมักจะเป็นอาหารที่นักท่องเที่ยวคนก่อนหน้าลืมไว้ หรือตั้งใจทิ้งไว้เพราะขี้เกียจแบบกลับ ก็ต้องลองหาๆดู บางทีก็มีอะไรดีๆเยอะเหมือนกัน 5555 อ่อ พวกเครื่องปรุงต่างๆไม่ต่องซื้ิอนะที่ hostelเค้ามีเตรียมไว้ให้ หมอ กระทะ จาน ชาม ช้อนซ้อม บลาๆ มีให้หมดละ เราสามารถ create เมนูจากวัตถุดิบที่เราได้เลย ใครที่ชอบทำอาหารทานเองรับรองว่าสนุกกับการทำครัวมากๆ