"ฝึกงานสิงคโปร์" แบบนี้โทษใครดี???

เกริ่นนำ
"ไม่คิดเลยว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ดูน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ จะทำแบบนี้..."

สวัสดีครับ...
ผมเป็นนักศึกษาที่กำลังจะขึ้นปี 4 เรียนเกี่ยวกับออกแบบ

ก่อนจะเข้าสู่บทแรก มาทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า "การฝึกงาน" เป็นหลักสูตรที่ต้องลงทะเบียนเรียนด้วย (ของมหาลัยผม 5,600 แต่บริการเหมือน 56 บาท) ซึ่งต้องผ่านการฝึกงาน ถึงจะขึ้นปี 4 ได้

บทที่ 1
จะเล่าเป็นทามไลน์นะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า.....
“เมื่อต้นปี (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์)”
ผมและเพื่อนๆอีก 7 คน เรียนด้านการออกแบบภายใน มีความสนใจที่จะไปฝึกงานที่ต่างประเทศ ตามคำเปรยของอาจารย์อาวุโส(ทางตำแหน่ง) ท่านแนะนำให้ไป ไปหาประสบการณ์ เค้าจะ “ฝาก” ให้กับทางบริษัท และบอกว่าไม่มีปัญหาได้แน่นอน มีเพื่อนทำงานด้านนี้อยู่ที่นั่น ด้วยความที่อยากไปเรียนรู้งานกับบริษัทที่ต่างประเทศ ด้วยปัจจัยต่างๆเกี่ยวกับความรู้เรื่องการออกแบบ ซึ่งมีอยู่ 3 ประเทศที่อาจารย์แนะนำมา
1. สิงคโปร์
2. ฮ่องกง
3. จีน
ซึ่งก็ได้เลือกสิงคโปร์กันทั้งหมด เนื่องจากไม่ไกลมากนัก
- ผลออกมาว่าได้ที่สิงคโปร์กัน 6 คน และฮ่องกงอีก 2 คน ตอนนี้ 2 คนหลังไม่ได้ตามที่คาดหวังก็สละสิทธิ์ไปเหลือกัน 6 คน
- ที่สิงคโปร์มี 3 บริษัทให้เลือก อาจารย์จับยัดกันบริษัทละ 2 คน
- ปรากฎว่าโดนเทไป 2 บริษัท เหลือแค่ 1
- และผมกับเพื่อนเป็น 2 ใน 8 ที่โชคดีที่สุด
- ล่วงเวลามาประมาณ 2 เดือน มีความไม่ชัดเจน ผมกับเพื่อนไม่ได้รับจดหมายตอบรับจากทางบริษัทสักที จึงไปปรึกษาอาจารย์ว่า สรุปเป็นมายังไงครับ อาจารย์ก็บอกว่า “เดี๋ยวผมคุยให้ ไม่ต้องห่วง ได้แน่ๆ”
- จนผมและเพื่อน คิดว่าหาบริษัทที่ไทยสำรองไว้ก่อนดีกว่า ซึ่งยื่นพอร์ทไปก็ได้ตอบรับมา 2 บริษัท ระหว่างรอที่สิงคโปร์ ผมกับเพื่อนก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกับทางบริษัทที่ไทย (ผมไม่ได้กั๊กที่ใครนะครับ เพราะตอนนั้นเพื่อนคนอื่นได้ที่ฝึกงานหมดแล้ว)
- กระทั่งได้จดหมายตอบรับจากทางบริษัทสิงคโปร์เรียบร้อย (มีหลักฐาน)
- ผมกับเพื่อนส่งอีเมลปฏิเสธ 2 บริษัทที่ไทยเรียบร้อย

บทที่ 2
“เข้าสู่ว่าที่นักศึกษาฝึกงานต่างประเทศเต็มตัว”

ผมคิดว่าตอนนั้นก็ถือว่าโชคดีที่ได้ไป บางคนคงสงสัยว่าทำไมไม่ฝึกที่ไทยก่อน.... เพราะความอยากได้ประสบการณ์ครับ ไม่ได้มีความอยากเที่ยวอะไรเลย

ช่วงเดือนพฤษภาคม

- คุณ A (เพื่อนอาจารย์ ที่ช่วยติดต่อให้) เค้าบอกว่า เดี๋ยวส่งเอกสารส่งตัว นศ ไปทางอีเมลบริษัทเลย แล้วก็คุยกับเขาโดยตรงได้เลย
- ผมถามคุณ A แล้วว่าต้องทำเอกสารอนุญาติฝึกงานรึเปล่าครับ ผมว่าต้องใช้ (ซึ่งก็คือ working pass)
- เค้าบอกไม่ต้องครับ ผมจะเซ็นรับรองพวกคุณเอง ไม่ต้องห่วง ตอนนี้พวกคุณก็แค่เตรียมของ จัดกระเป๋าแค่นั้นครับ
- ผมกับเพื่อนจะรออะไรหละครับ ก็รีบซื้อตั๋วเครื่องบิน จะได้ถูกๆ เพราะเดินทางต้นเดือน มิย
- ผมถามย้ำว่า ไม่ต้องใช้ working pass จริงหรอครับ เค้าบอกไม่ต้องครับ เวลาเข้า ตม ก็บอกไปว่ามาเที่ยว พอครบเดือบก็ไปประเทศแล้วค่อยเข้าไปให
- อ้าาาาาาาวว!!

ช่วงก่อนเดินทาง 4 วัน
- ผมกับเพื่อนโทรไปหาคุณ A บอกว่าไปศึกษามาว่ามันต้องทำ working pass นะครับ ผมโทรถามกระทรวงแรงงานกับสถานฑูตที่สิงคโปร์มา
- เรื่องวุ่นวายก็เกิดขึ้น เพราะเค้าพูดมาว่า “อ้าวหรอ... ผมไม่รู้เลยว่าต้องใช้ตัวนี้ด้วย เมื่อ 30 ปีก่อนผมยังไม่ต้องเลย”
- ช๊อค!!!! ครับ นี่เอาประสบการณ์สมัยดึกดำบรรพ์มาคุยกับกูหรอเนี่ยยยยย
- ผมกับเพื่อนจึงต้องทำเอกสารมากมายในเวลาเพียง 3-4 วันก่อนเดินทาง และส่งให้ทางบริษัทเพื่อให้เค้าส่งรัฐบาลทางออนไลน์
**MOM (ชื่อย่อ) เป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่ทำเอกสารอนุญาตในเรื่องการทำงาน ฝึกงานของชาวต่างชาติในสิงคโปร์ หลักการลงทะเบียนง่ายๆเลยครับ คือทางบริษัทเป็นผู้จัดการให้เรา แค่เราเอาเอกสารไปให้เค้า แล้วเค้าก็จะอัพโหลดลงทะเบียนเอกสารออนไลน์และรู้ผลทางออนไลน์เลย และต้องจ่ายค่าลงทะเบียน 70 เหรียญ ถ้าผลออกมาสำเร็จก็ต้องจ่ายอีก 150 เหรียญ

วันเดินทาง 1 มิย 61
- ไปถึงวันรุ่งขึ้นผมก็เข้าไปบริษัทเพื่อคุยกับฝ่ายบุคคล ซึ่งได้ส่งอีเมลนัดวันไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เค้าไม่ตอบกลับ (ผมก็ได้บอกคุณ A ไปแลเวครับเป็นเดือนก่อนจะเดินทางว่าเค้าไม่ตอบกลับเลยครับ คุณ A บอกผมว่าเดี๋ยวผมคุยกับเค้าให้อีกทีแล้วจะมาบอก สุดท้ายหายหัว)
- ทางบริษัทบอกมาว่า “พวกคุณยังทำงานไม่ได้ถ้าไม่มีใบอนุญาต ถึงแม้บริษัทจะเซ็นรับแล้วก็ตาม เพราะคุณอาจจะโดนจับ และบริษัทผมอาจจะโดนปิดด้วย” เป็นเรื่องที่ผมเข้าใจครับ เพราะกฏหมายก็คือกฏหมาย
- “ถ้าพวกคุณจะรอเราทำให้ คุณต้องรอ 2-3 สัปดาห์เพื่อทำเรื่อง”
- ส่วนเรื่องค่าดำเนินการก็ต้องจ่ายเองคนละ 70 เหรียญ
- ด้วยความที่ตั้งใจแล้วทั้งผมและเพื่อนก็ตัดสินใจรอ เพราะไปถึงขนาดนั้นแล้ว
- ระหว่างรอก็ใช้ชีวิตไปวันๆ ออกไปเที่ยวด็ไม่สนุก ใจก็คิดแต่เรื่องฝึกงาน

บทที่ 3
“ความShipหาย”

ผม        “ เมิงง!!! ..... “
เพื่อน    “ว่า..”
ผม        “เค้าตอบอีเมลมาแล้วหวะ.... แต่เป็น     จดหมายปฏิเสธหวะ”

- นั่นแหละครับ จดหมายปฏิเสธ ตอนนั้นทั้งเสียใจและโล่งอก เพราะจะได้ไม่ต้องรออีกแล้ว
- ทางญาติผู้ใหญ่ผมที่เป็นคนสิงคโปร์ก็ได้โทรไปถามทั้ง MOM และบริษัทว่าเพราะอะไร เหตุผลที่ได้คือ.....
1. จากบริษัท
“เพราะคุณ A มาบอกว่า นศ ไม่ขอรับค่าตอบแทนใดๆ”
2. จากทาง MOM
“เพราะว่าบริษัทเขียนมาว่า นศ ไม่ขอรับค่าตอบแทน จึกไม่ตรงกับข้อกำหนดของกฏหมายของทางรัฐ จึงไม่สามารถออกใบอนุญาตได้”
***ข้อกำหนดคือ ทางบริษัทต้องจ่ายเงินให้ นศ ฝึกงาน เดือนละ 3,000 เหรียญ***
- ซึ่งทางบริษัทรู้อยู่แล้ว เพราะเขียนไว้ในเว็บไซต์ (ทางบริษัทต้องทำให้ก็จริง แต่คนทั่วไปก็เปิดเข้าไปอ่านข้อกำหนดได้)
- นั่นแหละครับ เหตุผลก็คือ คุณ A ไปบอกแบบนั้น ผมก็ไม่เข้าใจนะครับว่าจะพูดหาไร ทำไมไม่ให้ทางบริษัทพิจารณา
- ผมก็โทรไปบอกเค้าว่าเหตุผลมันเป็นแบบนี้ เค้าก็ถึงกับเงียบ พูดอะไรไม่ออก แล้วก็พูดแต่ว่ามันเป็นกฏของมหาลัยไม่ใช่หรอครับ (คือกฏของมหาลัยกับกฏหมายประเทษที่ไปขอเค้าฝึกงาน ก็ลองชั่งน้ำหนักเอาครับ)
- “ผมหาทางออกให้คุณครับ เดี๋ยวผมจะบอกกับทางบริษัทให้ทำเรื่องให้คุณอีกที แต่บอกกับทางรัฐว่าจะจ่ายเงิน แต่พวกคุณก็ไปคุยกับบริษัทเอาเองว่าไม่ขอรับ”
- “ละคือผมต้องไปจ่ายเงินค่าลงทะเบียนคนละ 70 เหรียญแล้วก็รออีก 2 สัปดาห์เนี่ยหรอครับ หรือทางบริษัทจะช่วยไหม?”
- “ถ้าผมอยู่ ผมจะไปจ่ายให้เลย” ดูเค้าพูด พูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้
- ผมก็บอกไปว่าทั้งหมดเนี่ยมันเป็นเพราะเรื่องเงิน เค้าตอบผมมาว่า “ถ้าพวกคุณจะเอาเงิน ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วครับ”
- ซั๊ดเอ้ย!!!! ทำไมพูดจาไม่มีความรับผิดชอบได้ขนาดนี้
- ผมกับเพื่อนก็กลับไทย


บทที่ 4
"ความจริงที่มารู้ทีหลัง"
- คุณ A รู้แต่แรกแล้วว่าต้องทำ working pass (ตอนนั้นผมเข้าไปบริษัท เค้าเปิดแชทให้อ่าน)
- ผมเค้นถามคุณ A ว่าทำไม ถึงไม่บอก(จะได้เตรียมเอกสารตั้งแต่แรก) เค้าตอบว่า "ผมคิดว่าไม่ต้องใช้ก็ได้"
- ผมถาม "แสดงว่าคุณรู้แต่แรกใช่ไหมว่าถ้าบริษัททำ working pass ให้ เค้าต้องจ่ายเงิน 3,000 เหรียญ" เค้าตอบว่า "ใช่ ถ้าบริษัทจะจ่ายให้คุณมาฝึกงานตั้ง 3,000 เหรียญ เค้าจ้าง professional มาทำไม่ดีกว่าหรอครับ อีกอย่างเป็นกฎของมหาลัยด้วย ว่าไม่ให้เรียกร้องค่าตอบแทน"
- คือผมไม่ได้เรียกร้องนะครับ ทุกคน แต่ในเมื่อกฏหมายเค้าต้องเป็นแบบนั้นมันก็ต้องตามนั้น นี่เค้ากำลังแอบเอาผมไปใช้งาน
- คุณ A บอกว่า "ถ้าผมไม่บอกเค้าว่าให้คุณไปฟรี เค้าก็คงไม่รับคุณ"
- เห้ย คือนี่ไม่ได้ว้อนขนาดนั้น ถ้ามันจะไม่ได้ก็ไม่ได้ดิ ให้รอมาตั้งหลายเดือน สรุปก็ไปตาย



บทที่ 5
“บทสรุป”
- มีที่ฝึกงานในไทยแล้วครับ
- คุณ A หายสาปสูญ
- อาจารย์ไม่เคยติดต่อมาถามความคืบหน้าแต่บอกเสมอว่าจะช่วย
- โทรหาอาจารย์ขอความช่วยเหลือ ก็ไม่รับสาย ให้ทีบ้านโทรไปก็ปิดเครื่อง ไม่เคยโทรกลับ ตอนนี้ก็ไม่เคยติดต่อกัน


บทที่ 6
"ข้อสันนิษฐาน"
- บริษัทอาจจะรู้ว่าทำเรื่องออกมายังไงก็ไม่ผ่าน(ถ้าระบุว่าไม่จ่ายเงิน) แถมไม่ต้องจ่ายอะไรเลยสักบาท เพราะค่าลงทะเบียนผมต้องเอาไปจ่ายกันเองถึงบริษัท
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่