สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 26
หน่ยงานรัฐช่วยอะไรคุณไม่ได้ค่ะ ขอเล่าเรื่องของเรานะคะ
บ้านเราอยู่แถบชานเมืองต่างจังหวัดแถวอีสาน อยู่มาเป็นสิบปีเงียบสงบ เมื่อสามปีที่แล้ว
1. หลังบ้านมีอู่รถยนตร์มาเปิด ทั้งกลิ่นสี ทั้งเสียงดังทั้งวัน แถมตกเย็นตั้งวงเหล้า เปิดเพลงสนั่นหวั่นไหว เราถือหลักบ้านใกล้เรือนเคียง พูดจาสุภาพกับเจ้าของอู่ว่า กลางวันคุณทำงานเราพอรับได้เพราะเป็นอาชีพคุณแต่รบกวนหรี่เสียงเพลง และตกเย็นอย่ามีวงเหล้าได้ไหม คำตอบคือ เค้าให้เราปิดประตูหน้าต่างเก็บตัวอยู่ในบ้านสิจะได้ไม่ได้ได้ยินเสียง (เจ้าของอู่อยู่เมกามาเป็นสิบปีนะคะ ไม่ได้ตาสีตาสาที่ไหน) เราทนอยู่ฟังอยู่นานสุดท้ายวงเหล้ายาวไปถึงสองสามทุ่ม เลยแจ้งคุณตำรวจ คุณตำรวจให้สายตรวจวนมาดู เค้าก็ปิดเสียง พอไปก็เปิดเพลงเหมือนเดิม แถมส่งคนมาพูดจาเอาเรื่องเราด้วยที่ไปแจ้งความ ที่บ้านไม่อยากมีเรื่องได้แต่ทน
2. หลังบ้านเสียงดังไปไม่พอ ที่บริเวณข้างๆ เปิดเป็นปั๊มน้ำมัน ขอไม่ระบุชื่อนะคะ ปั๊มเป็นปั๊มที่ไม่ค่อยดังคนเติมไม่มาก ลูกค้าไม่เยอะ ทางปั๊มเลยแบ่งที่ให้พวกสิบล้อและรถทัวร์จอดพักกลางคืน ทีนี้พอตกเย็น รถพวกนี้ก็จะเปิดเพลงกันเสียงสนั่นมากจนไปถึงกลางคืน แถมบางทีรถทัวร์มีการซ่อมแซมเครื่องเสียง ก็จะมีการทดลองเร่งเสียงลำโพง เราได้แต่เข้าไปคุยกับเจ้าของปั๊ม เค้าบอกเค้าเป็นแค่ลูกจ้างไม่มีอำนาจ และรถพวกนี้เป็นรายได้เสริมของเค้า
3. อันนี้เหมือนเจ้าของกระทู้เป๊ะทุกอย่าง ที่ว่างแถวบ้านอยู่ดีๆ กลายเป็นตลาดเปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันตีสอง เปิดคอนเสิรท์หมอลำซิ่ง เราแจ้งไปทาง อบต เหมือนคุณทุกอย่างได้คำตอบเหมือนกันทุกอย่าง สุดท้ายช่วยตัวเอง โทรเข้าไปคุยกับตลาด ตลาดบอกเค้าทำมาหากินเค้ามีใบขอใช้เครื่องเสียง แล้ววางหูเราเลยไม่คุยอีก เราเลยตัดสินใจขับรถเข้าไปเจรจากับทางวงคอนเสิร์ทเองเลยค่ะ พูดด้วยวาจาสุภาพอ่อนไหวยกมือไหว้ ให้เค้าช่วยหรี่เสียง แต่ก็อย่างว่าเค้าไม่สามารถทำอะไรให้ได้เพราะเจ้าของตลาดต้องการให้เสียงดังๆ เพื่อเรียกลูกค้า
จากสามเรื่องนี้ ความโชคร้ายไม่ใช่แค่เรื่องเสียงดังรบกวนพักผ่อนไม่ได้ เรากลายเป็นคนกลัวเสียงมากกกก มากจนไม่สามารถออกจากห้องหรือบ้านได้ มันกลัวไปหมด เวลากลางวันตลาดยังไม่เปิด แค่มีเสียงรถกะบะเปิดเพลงดังๆ ผ่าน เราก็กลัวมากก แถมเจ้าของตลาดดันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่คนละห้องกับสามีเรา เอาเราไปนินทาให้เพื่อนๆ เค้าฟังว่าเรา โอเวอร์เรื่องแค่นี้ต้องขับรถบุกรุกเข้าไปในตลาดเค้า
จากเหตุการณ์ข้างต้น หน่วยงานรัฐ ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ต้องช่วยตัวเอง
1. ประตูหน้าต่างบ้านเราแต่เดิมเป็นวินเซอร์อยู่แล้วก็รื้อเปล่ี่ยนเป็นรุ่น signature และใส่กระจกสองชั้น ลดเสียงได้บ้างแต่ก็ยังได้ยินอยู่
2. เราหาที่อุดหูค่ะ แรกๆ เราหาข้อมูลในเน็ทเยอะมาก หาซื้อที่อุดหูดีๆ จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นขี้ผึ้งหรือที่อุด ยี่ห้อ smack ที่อุดหูยี่ห้อ Flare แพงแค่ไหนเราซื้อหมด แต่เสียงก็ยังมีและมันรำคาญหูมากค่ะ สุดท้ายได้ที่พึ่งเป็นหูฟัง noise caneelation quietcomfort ของ bose ตัวละประมาณ 8พันซื้อต่างประเทศนะคะ ในไทยน่าจะหมื่นบาท มันช่วยตัดเสียงลงได้ดีมาก เรามีอยู่สำรองสามตัวเลยค่ะ ทั้งแบบมีสาย และไม่มีสาย แต่เวลานอนมันจะรำคาญนะคะแต่เราแก้ปัญหาโดยการซื้อหมอนทรงโดนัทมารองนอนให้หูเจอรูกลมๆ แทน
3. ปัจจุบันตลาดเจ๊งไปแล้ว อู่รถก็เงียบลงเพราะกิจการไม่ค่อยดี กลุ่มขี้เหล้าลาออกไป ส่วนปั๊มน้ำมันไม่ค่อยมีรถบัสมาแล้วค่ะแต่เกิดจากอะไรไม่ทราบเหมือนกัน แต่.......เราเป็นโรคกลัวเสียงไปแล้วค่ะ *****เราต้องไปพบจิตแพทย์เรื่องกลัวเสียง ไปพบหมอเป็นระยะ และกินยาต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ ยาเม็ดละ90บาทนะคะ ทานทุกวัน แต่ปีหลังมาเหลือครึ่งเม็ดต่อวัน *****
ทุกวันนี้นอกจากกินยารักษาอยู่ พอเข้าบ้านปุ๊ปต้องใส่หูฟังตัดเสียงทันทีค่ะใส่จนถึงเช้าเลย เพราะต่อให้ไม่มีเสียงแต่เราเป็นโรคกลัวเสียงไปแล้วค่ะ
เราเสียทั้งสุขภาพจิตและเงินทองไปมากมาย ก็ต้องทนเพราะกฏหมายบ้านเราและหน่วยงานรัฐไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ค่ะ
บ้านเราอยู่แถบชานเมืองต่างจังหวัดแถวอีสาน อยู่มาเป็นสิบปีเงียบสงบ เมื่อสามปีที่แล้ว
1. หลังบ้านมีอู่รถยนตร์มาเปิด ทั้งกลิ่นสี ทั้งเสียงดังทั้งวัน แถมตกเย็นตั้งวงเหล้า เปิดเพลงสนั่นหวั่นไหว เราถือหลักบ้านใกล้เรือนเคียง พูดจาสุภาพกับเจ้าของอู่ว่า กลางวันคุณทำงานเราพอรับได้เพราะเป็นอาชีพคุณแต่รบกวนหรี่เสียงเพลง และตกเย็นอย่ามีวงเหล้าได้ไหม คำตอบคือ เค้าให้เราปิดประตูหน้าต่างเก็บตัวอยู่ในบ้านสิจะได้ไม่ได้ได้ยินเสียง (เจ้าของอู่อยู่เมกามาเป็นสิบปีนะคะ ไม่ได้ตาสีตาสาที่ไหน) เราทนอยู่ฟังอยู่นานสุดท้ายวงเหล้ายาวไปถึงสองสามทุ่ม เลยแจ้งคุณตำรวจ คุณตำรวจให้สายตรวจวนมาดู เค้าก็ปิดเสียง พอไปก็เปิดเพลงเหมือนเดิม แถมส่งคนมาพูดจาเอาเรื่องเราด้วยที่ไปแจ้งความ ที่บ้านไม่อยากมีเรื่องได้แต่ทน
2. หลังบ้านเสียงดังไปไม่พอ ที่บริเวณข้างๆ เปิดเป็นปั๊มน้ำมัน ขอไม่ระบุชื่อนะคะ ปั๊มเป็นปั๊มที่ไม่ค่อยดังคนเติมไม่มาก ลูกค้าไม่เยอะ ทางปั๊มเลยแบ่งที่ให้พวกสิบล้อและรถทัวร์จอดพักกลางคืน ทีนี้พอตกเย็น รถพวกนี้ก็จะเปิดเพลงกันเสียงสนั่นมากจนไปถึงกลางคืน แถมบางทีรถทัวร์มีการซ่อมแซมเครื่องเสียง ก็จะมีการทดลองเร่งเสียงลำโพง เราได้แต่เข้าไปคุยกับเจ้าของปั๊ม เค้าบอกเค้าเป็นแค่ลูกจ้างไม่มีอำนาจ และรถพวกนี้เป็นรายได้เสริมของเค้า
3. อันนี้เหมือนเจ้าของกระทู้เป๊ะทุกอย่าง ที่ว่างแถวบ้านอยู่ดีๆ กลายเป็นตลาดเปิดตั้งแต่ห้าโมงเย็นยันตีสอง เปิดคอนเสิรท์หมอลำซิ่ง เราแจ้งไปทาง อบต เหมือนคุณทุกอย่างได้คำตอบเหมือนกันทุกอย่าง สุดท้ายช่วยตัวเอง โทรเข้าไปคุยกับตลาด ตลาดบอกเค้าทำมาหากินเค้ามีใบขอใช้เครื่องเสียง แล้ววางหูเราเลยไม่คุยอีก เราเลยตัดสินใจขับรถเข้าไปเจรจากับทางวงคอนเสิร์ทเองเลยค่ะ พูดด้วยวาจาสุภาพอ่อนไหวยกมือไหว้ ให้เค้าช่วยหรี่เสียง แต่ก็อย่างว่าเค้าไม่สามารถทำอะไรให้ได้เพราะเจ้าของตลาดต้องการให้เสียงดังๆ เพื่อเรียกลูกค้า
จากสามเรื่องนี้ ความโชคร้ายไม่ใช่แค่เรื่องเสียงดังรบกวนพักผ่อนไม่ได้ เรากลายเป็นคนกลัวเสียงมากกกก มากจนไม่สามารถออกจากห้องหรือบ้านได้ มันกลัวไปหมด เวลากลางวันตลาดยังไม่เปิด แค่มีเสียงรถกะบะเปิดเพลงดังๆ ผ่าน เราก็กลัวมากก แถมเจ้าของตลาดดันเป็นเพื่อนร่วมรุ่นแต่คนละห้องกับสามีเรา เอาเราไปนินทาให้เพื่อนๆ เค้าฟังว่าเรา โอเวอร์เรื่องแค่นี้ต้องขับรถบุกรุกเข้าไปในตลาดเค้า
จากเหตุการณ์ข้างต้น หน่วยงานรัฐ ช่วยอะไรไม่ได้หรอกค่ะ ต้องช่วยตัวเอง
1. ประตูหน้าต่างบ้านเราแต่เดิมเป็นวินเซอร์อยู่แล้วก็รื้อเปล่ี่ยนเป็นรุ่น signature และใส่กระจกสองชั้น ลดเสียงได้บ้างแต่ก็ยังได้ยินอยู่
2. เราหาที่อุดหูค่ะ แรกๆ เราหาข้อมูลในเน็ทเยอะมาก หาซื้อที่อุดหูดีๆ จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นขี้ผึ้งหรือที่อุด ยี่ห้อ smack ที่อุดหูยี่ห้อ Flare แพงแค่ไหนเราซื้อหมด แต่เสียงก็ยังมีและมันรำคาญหูมากค่ะ สุดท้ายได้ที่พึ่งเป็นหูฟัง noise caneelation quietcomfort ของ bose ตัวละประมาณ 8พันซื้อต่างประเทศนะคะ ในไทยน่าจะหมื่นบาท มันช่วยตัดเสียงลงได้ดีมาก เรามีอยู่สำรองสามตัวเลยค่ะ ทั้งแบบมีสาย และไม่มีสาย แต่เวลานอนมันจะรำคาญนะคะแต่เราแก้ปัญหาโดยการซื้อหมอนทรงโดนัทมารองนอนให้หูเจอรูกลมๆ แทน
3. ปัจจุบันตลาดเจ๊งไปแล้ว อู่รถก็เงียบลงเพราะกิจการไม่ค่อยดี กลุ่มขี้เหล้าลาออกไป ส่วนปั๊มน้ำมันไม่ค่อยมีรถบัสมาแล้วค่ะแต่เกิดจากอะไรไม่ทราบเหมือนกัน แต่.......เราเป็นโรคกลัวเสียงไปแล้วค่ะ *****เราต้องไปพบจิตแพทย์เรื่องกลัวเสียง ไปพบหมอเป็นระยะ และกินยาต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ ยาเม็ดละ90บาทนะคะ ทานทุกวัน แต่ปีหลังมาเหลือครึ่งเม็ดต่อวัน *****
ทุกวันนี้นอกจากกินยารักษาอยู่ พอเข้าบ้านปุ๊ปต้องใส่หูฟังตัดเสียงทันทีค่ะใส่จนถึงเช้าเลย เพราะต่อให้ไม่มีเสียงแต่เราเป็นโรคกลัวเสียงไปแล้วค่ะ
เราเสียทั้งสุขภาพจิตและเงินทองไปมากมาย ก็ต้องทนเพราะกฏหมายบ้านเราและหน่วยงานรัฐไม่สามารถเป็นที่พึ่งให้ประชาชนได้ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 4
ถ้าหน่วยงานรํฐช่วยไม่ได้ ลองร้องเรียนไปยังหน่วยงานสื่อต่างๆ เป็นยังไงครับ
ให้เขามาทำสกูปกันไปเลยว่า ชาวบ้านเดือดร้อนยังไง ถ้าเขายอมมาทำ แล้วตลาดยังอยู่ได้ ก็น่าคิด
แต่ คุณพูดถูก ที่นี่ประเทศไทยครับ
ผมร้องเรียนเรื่องมีคนเผาถ่านแถวบ้านไปกับทางเขต เขาก็เลิกเผาไป 2 วัน แล้วก็ทำใหม่ หนักกว่าเดิมอีก ผมก็ร้องอีก จนคนรับเรื่อง เขาก็ไม่อยากรับเรื่อง แต่ที่แปลก คือ เราต้องทนให้คนอื่นเอาเปรียบคุณภาพชีวิตของเรา แล้วเหตุผลที่เราต้องให้ คือ มันเป็นงานและรายได้ของเขา ถึงเราเดือดร้อนก็ต้องทนไป ...
หมายเหตุ .. ที่นี่ประเทศไทย
ให้เขามาทำสกูปกันไปเลยว่า ชาวบ้านเดือดร้อนยังไง ถ้าเขายอมมาทำ แล้วตลาดยังอยู่ได้ ก็น่าคิด
แต่ คุณพูดถูก ที่นี่ประเทศไทยครับ
ผมร้องเรียนเรื่องมีคนเผาถ่านแถวบ้านไปกับทางเขต เขาก็เลิกเผาไป 2 วัน แล้วก็ทำใหม่ หนักกว่าเดิมอีก ผมก็ร้องอีก จนคนรับเรื่อง เขาก็ไม่อยากรับเรื่อง แต่ที่แปลก คือ เราต้องทนให้คนอื่นเอาเปรียบคุณภาพชีวิตของเรา แล้วเหตุผลที่เราต้องให้ คือ มันเป็นงานและรายได้ของเขา ถึงเราเดือดร้อนก็ต้องทนไป ...
หมายเหตุ .. ที่นี่ประเทศไทย
ความคิดเห็นที่ 42
ตอนนี้มืดแปดด้านจริงๆค่ะ เหมือนหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้ ตลกดีนะคะ เราซึ่งเป็นคนทำมาหากินสุจริต จ่ายภาษีทุกบาททุกสตางค์ ทำหน้าที่ของ
พลเมืองที่ดี พอมีปัญหาแบบนี้ เหมือนต้องดิ้นรนช่วยตัวเองทุกอย่าง อยากได้ความชอบธรรมใช่ไหม ต้องเดินเรื่องเอง ติดต่อเอง ไปเองสิ
ทั้งที่เราเป็นคนถูกละเมิดสิทธิ์ แต่คนของรัฐไม่ปกป้อง ไม่ห่วงความปลอดภัยของเราเลย....น่าเศร้าใจดีแท้
เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมหลายคนที่มีปัญหาแบบนี้ เค้าถึงเปลี่ยนไปเป็นคนก้าวร้าว ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ต้องออกมาทุบรถ เผารถ กรีดร้องข้างถนน
ก็เพราะระบบของประเทศเรามันล้มเหลว คนที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลประชาชนกลับเพิกเฉย ทั้งจากการได้ผลประโยชน์ และจากการที่บอกว่า "ธุระไม่ใช่"
เจ็บปวดจริงๆค่ะ
หมายเหตุ : เราพยายามไปโพสเรื่องความเดือดร้อนในเพจตลาดนัด ให้คนที่มาเที่ยวได้รับรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น admin เค้าก็ตามไล่ลบหมด
และสุดท้ายก็บล๊อกเราเป็นที่เรียบร้อย
พลเมืองที่ดี พอมีปัญหาแบบนี้ เหมือนต้องดิ้นรนช่วยตัวเองทุกอย่าง อยากได้ความชอบธรรมใช่ไหม ต้องเดินเรื่องเอง ติดต่อเอง ไปเองสิ
ทั้งที่เราเป็นคนถูกละเมิดสิทธิ์ แต่คนของรัฐไม่ปกป้อง ไม่ห่วงความปลอดภัยของเราเลย....น่าเศร้าใจดีแท้
เข้าใจแล้วล่ะ ว่าทำไมหลายคนที่มีปัญหาแบบนี้ เค้าถึงเปลี่ยนไปเป็นคนก้าวร้าว ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ต้องออกมาทุบรถ เผารถ กรีดร้องข้างถนน
ก็เพราะระบบของประเทศเรามันล้มเหลว คนที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลประชาชนกลับเพิกเฉย ทั้งจากการได้ผลประโยชน์ และจากการที่บอกว่า "ธุระไม่ใช่"
เจ็บปวดจริงๆค่ะ
หมายเหตุ : เราพยายามไปโพสเรื่องความเดือดร้อนในเพจตลาดนัด ให้คนที่มาเที่ยวได้รับรู้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้น admin เค้าก็ตามไล่ลบหมด
และสุดท้ายก็บล๊อกเราเป็นที่เรียบร้อย
แสดงความคิดเห็น
ปัญหา(โลกแตก)ตลาดนัดใกล้บ้าน
ซื้อบ้านในเขตตัวเมืองของจังหวัดหนึ่งมาได้จะ 4 ปีแล้วค่ะ อยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุขมาตลอด
จนกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีพื้นที่ว่างเปล่าที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านเท่าใดนัก กลายร่างเป็นตลาดนัดขนาดมหึมา ทางเราก็คิดในใจตั้งแต่เห็นป้ายคัทเอาท์แล้วว่า "ซวยแล้ว" และก็งานเข้าจริงๆ ปัญหาหลักเท่าที่เกิดขึ้นตอนนี้คือ
1. ตลาดนัดแห่งนี้ เปิดขายทุกวันตั้งแต่ 5 โมงเย็น - เที่ยงคืน โดยในแต่ละวัน (เท่าที่ทราบ และได้ยินเสียง) จะมีการแสดงต่างๆผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป
โดยมีการสร้างเวทีคอนเสิร์ตแบบถาวรไว้กลางตลาดด้วย --" จากที่เราเคยเข้าบ้าน เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดโชยเข้ามาได้เย็นๆ กลายเป็นว่าต้องปิดให้มิดชิด เพื่อกันเสียง และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือมีการแสดงหรือเปิดเสียงเพลงดังทุกวันไปจนดึกๆ ....มาถึงตรงนี้เราเริ่มทนไม่ไหว โทรเข้า 191 ให้ไปช่วยดูแล ตักเตือน ก็ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ช่วงหลังโทรไป 191 บ่อย จนตำรวจจำได้ ทางตำรวจเค้าแนะนำมาว่าแบบนี้คงไม่ได้ผล เพราะทางสายตรวจเข้าไปดูให้แล้ว เค้าก็อาจแค่เงียบเสียงลงชั่วคราว อีกวันเค้าก็เสียงดังอีก ดำรวจแนะนำว่าให้ร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เถอะครับ)
2. เนื่องจากตลาดนัดที่มีพื้นที่ใหญ่โตแห่งนี้ ด้านหน้าอยู่ติดกับถนนสายหลักของจังหวัด ซึ่งเป็นถนน 3 เลน ซึ่งแต่เดิม การจราจรก็จะมีติดขัดบ้างในช่วงเช้าๆ และช่วงเย็น แต่ในตอนนี้ ทางตลาดให้รถทั้งของผู้ขาย ผู้ชื้อ จอดชิดซ้ายบนถนนหนึ่งเลน มีการเปิดท้ายรถ ขนถ่ายสินค้ากันหน้าตลาด มีการเอากรวยจราจรสีแดงมากั้นเพื่อให้กลายเป็นที่จอดรถ เอาเชือกฟางมากั้นบนถนนเลนซ้ายสุดหน้าตลาดบางส่วน เพื่อทำเป็นคิวรถตุ๊กๆ บริการลูกค้าที่มาตลาด ....ซึ่งทำให้การจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก รถที่ขับมาเจอแบบนี้ก็เบี่ยงขวาเพื่อหลบ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ไม่รวมรถที่เลี้ยวเข้าออกบริเวณหน้าตลาดนัด (ข่าวว่าด้านในตลาดมีที่จอดรถได้หลายร้อยคัน) และคนที่ข้ามถนนไปมาหน้าตลาดนัดอีก โกลาหลมากๆ
สิ่งที่ทำไปแล้ว
1. ร้องเรียนไปยังเทศบาล เทศบาลแจ้งว่าไม่อยู่ในเขตความรับผิดชอบ (อันนี้เป็นความรู้ใหม่) แต่ก็ช่วยทำหนังสือส่งเรื่องต่อไปยัง อบต ที่รับผิดชอบ จากนั้นเรื่องก็ยังเงียบอยู่ค่ะ โดยเราก็ได้ไปร้องเรียนเพิ่มเติมใน website ของ อบต (เมื่อเข้าไปดู ก็เห็นว่ามีคนตั้งกระทู้ร้องเรียนตลาดนี้ในประเด็นเดียวกันอยู่แล้วบ้าง คือเสียงดังและกีดขวางการจราจร)
2. แจ้งไปที่อำเภอ (หน่วยงานที่อนุญาตการใช้เสียง) ขอพิมพ์บทสนทนาบางส่วนให้อ่านกันค่ะ
เรา: สอบถามเรื่องการขออนุญาตการใช้เสียงค่ะ
จนท : จะมาขอใบอนุญาตเหรอคะ
เรา : ไม่ใช่ค่ะ พอดีได้รับความเดือดร้อนจากตลาดนัด.... ที่เพิ่งเปิด เลยจะขอสอบถามว่าเค้ามีการขออนุญาตไหม และช่วงเวลาที่ขอคือเมื่อไหร่ค่ะ
จนท : อ๋อ...ตลาดนัด.... เค้ามาขออนุญาตตั้งแต่วันที่......เวลาที่ใช้เสียงคือ......นะคะ
เรา : หมายความว่า เค้าสามารถใช้เสียงดังรบกวนการพักผ่อนของผู้ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้เหรอคะ
จนท : ใบอนุญาตมีอายุ 15 วันค่ะ
เรา : แล้วถ้าหมดอายุ เค้าก็ต่อได้อีกเรื่อยๆใช่ไหมคะ (ทราบภายหลังว่าค่าธรรมเนียม 70 บาท)
จนท : ใช่ค่ะ
เรา : และการที่มีประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนแบบนี้ ทางอำเภอจะนำเรื่องนี้มาพิจารณาเรื่องการต่ออายุให้ไหมคะ หรือว่าจะปล่อยแบบนี้ไปเรื่อยๆ คือทางเราก็เข้าใจว่าเป็นสิทธิ์ของเค้าที่สามารถทำกิจการการค้าในพื้นที่ตัวเองได้ แต่คงไม่ได้หมายความว่ามาละเมิดสิทธิ์คนอื่น เพราะพี่ก็ทำงานเสียภาษีให้รัฐอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่างนะคะ
จนท : (คงรับรู้ว่าเรามีอารมณ์ขึ้นเล็กน้อย) ค่ะ ยังไงจะขอรับเรื่องไว้ให้นะคะ
จากนั้นคุยกันอีก 2-3 ประโยค ก็จบการสนทนา ซึ่งการรับเรื่องไว้ ก็ไม่ได้ส่งผลใดๆ ตลาดนัดก็ยังคงบันเทิงกันต่อไป
3. แจ้งทางศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัดไปแล้ว ซึ่งตรงนี้ก็มีเสียวๆอยู่เพราะการจะแจ้งต้องกรอกเรื่องราว และข้อมูลของผู้ร้องทุกอย่าง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่า (กราบพระก่อนนอนรัวๆเลย)
คำถาม
1. มีบางคนบอกว่า หากขออนุญาตเปิดเป็นตลาดนัด ตามกฏหมายไม่สามารถจัดเวทีการแสดงถาวรได้ อันนี้จริงเท็จประการใด พยายามค้นข้อมูลแล้วแต่ก็ไม่เจอค่ะ
2. จากการที่ส่งสายลับไปเดินเล่นในตลาด สายลับกลับมารายงานว่าในตลาดนัดมีการจัดแบ่งเป็นโซนร้านอาหารกึ่งผับหลายร้าน ขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ เหล้าผสม เหล้าปั่น อันนี้ผิดกฏหมายไหมคะ
3. สุดท้ายนี้เป็นคนไทยต้องอดทนใช่ไหมคะ ...ตอนนี้เข้าใจหัวอกคุณป้าทุบรถมากๆค่ะ