ควรจะแก้ไขปัญหาความรักครั้งนี้อย่างไรดี(อารมณ์ประมาณ...กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง-.-)

กระทู้สนทนา
ขอคำปรึกษาจากหลายๆคนหน่อยค่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมาจาก...ตอนนั้นเราเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งและได้เป็นแฟนกับผู้ชายคนนึง ชื่อ a คะ(ชื่อสมมุตินะคะ) ผู้ชายคนนี้เป็นแฟนผู้ชายคนแรกและรักแรกเลย (เพราะเราเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมา)
ในช่วงจะเข้าปีที่ 2 เราสองคนก็ตัดสินใจย้ายเข้าไปอยู่ด้วยกัน จนวันนึงก่อนที่จะสอบปลายภาคของปี 2 เทอม 1 ตอนนั้นเราสองคนอ่านหนังสือกันอยู่ในห้อง อยู่ๆเราก็พูดเล่นๆขึ้นมาว่า “เนี่ยเห็นนะ มะวานที่ a บอกว่าไม่ว่างไปด้วยกันไม่ได้ เพราะ a ไปรับใครไปไหนไม่รู้ ตัวขาวๆผมยาวๆ”(อันนี้ถามแบบสุ่มมั่วๆนะคะ กะจะอำนางเล่น) อยู่ๆ a ก็หน้าซีด สีหน้าจริงจัง แล้วพูดว่า “ใช่ a มีคนอื่น ...” โอ๊ะแม่เจ้าทั้งอึ้งทั้งตกใจ นี่ตรูอำเมิงเฉยๆจ้า..แต่แค่นั้นยังตกใจไม่พอนางเก็บของๆเราทั้งเสื้อผ้าของใช้ทั้งหมดออกจากห้องแล้วไล่ให้เราออกไปจากห้อง โดยที่ไม่สนใจเลยว่าวันรุ่งขึ้นจะสอบ หลังจากที่โดนไล่ออกจากห้อง...เราก็เลยตัดสินใจย้ายมหาวิทยาลัยไปอยู่ต่างจังหวัดและได้เจอกับผู้ชายอีกคนนึงชื่อ เน ...เนเป็นคนที่น่ารักมาก ดูแลเราดีมากๆ เนทำให้แผลที่อยู่ในใจลึกๆมันค่อยๆทุเลาลง เราเลยตัดสินใจเปิดใจให้เนอีกครั้ง ทุกอย่างเหมือนเป็นไปได้ด้วยดี และแล้ว a ก็กลับมาทำทุกหนทางเพื่อขอให้เรากลับไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเอาชนะใจพ่อแม่ของเรา(ปกติพ่อแม่ชอบ a อยู่แล้วเพราะตอนที่คบกันตอนนั้นพ่อแม่เราทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันแล้ว และฐานะของทาง a ก็มั่นคงมาก จึงทำให้พ่อแม่ของเราไว้วางใจและรัก a มาก) และเอาชนะใจเรา....แต่เรายืนยันว่ายังไงก็ไม่กลับและยืนยันแล้วว่าเลือกเน....จนวันนึง a ก็หลอกให้เราไปที่บ้านแล้วก็จัดการทำให้เราท้อง
แล้วหลังจากเหตุการณ์วันนั้นเราก็เริ่มตีตัวออกห่างจาก a ทันที โดยที่เราไม่รู้ตัวว่าเราตั้งท้อง(เพราะปกติประจำเดือนก็จะมาๆขาดๆอยู่แล้ว) เราสองคนห่างกันประมาณสามถึงสี่เดือนในระหว่างที่ห่างกับ a  เราก็เปิดตัวเนและคบกันแบบจริงจัง ตอนนั้นเรามีอาการเวียนหัวบ้านหมุนหน้ามืดและอาเจียนแต่เนก็อยู่ข้างๆดูแลเรามาโดยตลอดคอยพาไปหาหมอตลอด(ในระหว่างที่คบกับเน...เราไม่ได้มีอะไรกับเนเลย และก็ยังมีติดต่อ a อยู่บ้าง) แต่มีความสุขอยู่ได้ไม่นานเมื่อเรารู้ตัวเองว่าตั้งท้องเราเลยตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับ a และตัดสินใจหนีเนไป(เป็นการกระทำที่ทำให้รู้สึกผิดมาก มาจนถึงทุกวันนี้) ตอนนั้นที่ a รู้เรื่องว่าเราท้อง a ก็ยอมรับในการกระทำทุกอย่างและบอกกับพ่อแม่ของเราว่าขอรับผิดชอบและขอดูแลเรากับลูก โดยขอรับเราและลูกไปเลี้ยงดูอยู่ที่หาดใหญ่
พอถึงเวลาที่เราที่ตั้งท้องต้องไปอยู่หาดใหญ่จริงๆ a ไม่ได้มาสนใจใยดีเราเลย ในบ้านนั้นมีแค่เราที่ตั้งท้องกับคุณยายอายุ 80 ของ a หลานอีก 2 คน และป้าของ a เราอยู่บ้านหลังนี้โดยที่มีแค่คนเดียวที่เราคุยได้นั่นคือคุณยายของเอ อยู่หาดใหญ่เปรียบเสมือนการอยู่เกาะสำหรับเราเลย ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องหรือเพื่อนพ้องใดๆ ต้องเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเนื่องจากท้องตอนเรียนไม่จบ เราอยู่ที่นี่จนเราคลอดในวันที่เราคลอดลูกออกมา ข้างกายเราไม่มีใครแม้สักคนที่ยืนข้างๆคอยให้กำลังใจ เรามีแค่ผ้ากัดปากที่เอาไว้กัดปากเวลาเบ่งคลอดกับพยาบาลที่เราไม่รู้จัก 1 คนที่เราขอเค้าจับมือให้กำลังใจเราในตอนคลอด พอเราคลอดได้ไม่ถึงเดือนทางบ้าน a ก็ให้เราย้ายไอยู่ภูเก็ต
หลังจากไปอยู่ภูเก็ตเราก็เกิดภาวะซึมเศร้าอย่างหนักเพราะอยู่บ้านหลังนั้นแค่ตัวคนเดียว  a ก็ติดเพื่อน ติดเที่ยว และติดผู้หญิงคนอื่น...(เพื่อน a ส่วนใหญ่จะเที่ยวผู้หญิงและติดยา)เรื่องนี้ทำให้เราและ a เริ่มทะเลาะกันเรื่อยมา จนกระทั่งมีผู้หญิงขายบริการโทรเข้ามาที่บ้านแล้วเรียกให้เราไปรับ a กลับบ้าน อาทิตย์ต่อมาเราก็เจอถุงยางใช้แล้วห่ออย่างดีใส่ไว้ในกางเกง a   สองเรื่องติดๆที่เข้ามาทำร้ายจิตใจ เราเลยตัดสินใจหอบลูกหนีกลับบ้านที่กรุงเทพโดยไม่บอก a หรือใครๆให้ได้รับรู้ แล้วเปลี่ยนเบอร์ หลีกหนีการติดต่อทั้งหมดที่ a จะตามได้ แล้วให้พ่อแม่ของเราตกลงค่าเลี้ยงดูลูกกับพ่อแม่ของ a พร้อมทั้งตั้งหน้าตั้งตาเรียนจนจบ ทำงานพิเศษระหว่างเรียนไปพร้อมกับการเลี้ยงลูก
จากนั้น 9ปี เราทั้งสองก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย ไม่เคยถามข่าวคราวกันเลย..... a แต่งงานใหม่ มีลูกกับภรรยาใหม่  2 คน ในระหว่างนั้น a และภรรยาใหม่ก็ระหองระแหงกันมาตลอดด้วยเรื่องของความฟุ้งเฟ้อใช้เงินเยอะของภรรยาใหม่ที่ทำงานได้เงินเดือน 30,000 ซึ่งรวมกับ a อีก 30,000 ก็เป็น 60,000 แต่ภรรยาใหม่ของ a ได้ให้ลูกๆเรียนอินเตอร์ที่ค่าเทอมเป็นแสน จนวันนึงเงินที่ a มีอยู่ก็หมดไป และ a ดันจับได้ว่าภรรยาใหม่ของ a เค้าไปมีผู้ชายคนอื่นคะ ทิ้งลูกให้ a ดูแล... ตอนนั้น a คงคว้างและด้วยอะไรสักอย่างที่ทำให้ a คิดกลับมาคุยกับเรา โดย a ไปได้ไลน์เรามาจากใครไม่รู้...และติดต่อเราผ่านมาทางไลน์ ช่วงนั้นเรารู้สึกสงสารและเห็นใจ  a มากที่ต้องมาเจอกับผลกรรมที่ตัวเองเคยทำไว้ ประกอบกับเข้าใจถึงสภาวะการเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงโดยที่เราต้องเผชิญมันลำพังคนเดียว เราเลยคุยให้กำลังใจ a ตลอดมา จน a ขอเราเป็นแฟนอีกครั้ง เข้าหาทางบ้านเราอีกครั้ง และหันกลับมาดูแลลูกของเรากับ a อย่างดี พร้อมทั้งรับปากกับเราและทางบ้านเราว่าต้องการเลิกและหย่ากับภรรยาใหม่คนนั้นแน่นอน และต้องการแต่งงานกับเราและรับเรากับลูกไปอยู่และดูแลอย่างดีเพื่อแก้ไขอดีตที่ไม่ดีอีกครั้ง
พ่อแม่เราเห็นควรว่าเราควรจะให้อภัย a และกลับไปเริ่มต้นชีวิตครอบครัวพร้อมลูกกับ a อีกครั้ง และด้วยความที่เรารักและ a คือผู้ชายคนแรกรักแรกของเรา เราจึงตัดสินใจกลับไปคบกับ a อีกครั้ง
แต่จนแล้วจนรอดผ่านมาจะครบปีแล้ว a ก็ยังหย่ากับภรรยาใหม่ของ a ไม่ได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ภรรยากลับมาเป็นผู้เลี้ยงดูลูกเองอีกครั้ง และมาต่อรองกับ a  ว่าขอเวลาสักพักแล้วจะหย่าให้ เพราะลูกยังปรับตัวไม่ได้ เนื่องจากที่ให้ลูก 2 คนเรียนอินเตอร์มา แต่ตอนนี้ส่งเสียไม่ไหวทำให้ต้องย้ายไปเรียนโรงเรียนธรรมดา แค่นี้เค้าและลูกก็เสียหน้ามากพออยู่แล้ว อย่าให้เค้าต้องเสียหน้าด้วยเรื่องที่เค้าไปมีคนอื่นอีกเลย ลูกจะรับไม่ได้ แล้ว a กับเราก็ใจอ่อน
แล้วมีอยู่วันนึง a ก็มาขอพ่อกับแม่เราแต่งงาน ให้เราเลือกสถานที่ไว้เลย พร้อมทั้งแหวนทองฝังมุกที่พกติดตัวมาให้เรา เราดีใจมากที่ a มาขอเราแต่งงาน....ความฝันอันยิ่งใหญ่ในชีวิตที่เราจะได้แต่งงานกับรักแรกของเราพร้อมลูกของเรานั้นกำลังจะมาถึง แต่แล้ว a ก็กลับมาบอกว่าพ่อแม่ a ขอว่าอย่าเพิ่งแต่งงานกับเรา เพราะยังไม่หย่าขาดจากภรรยาใหม่แบบจริงจัง แค่แยกกันอยู่ และพ่อแม่ a กับพ่อแม่ภรรยาใหม่ของ a ก็เป็นเพื่อนกัน ขอให้เรารอเวลาอีกสักพักแล้วค่อยว่ากันอีกที
ตอนนี้เรากับ a คบกันแบบระยะทางห่างไกลกันมาก a อยู่ภาคใต้ เราอยู่กรุงเทพ .....ทำได้แค่เพียงสลับกันนั่งเครื่องบินไปๆมาๆหากัน ระยะทางบางทีก็ทำให้เราท้อ ความใกล้ชิดระหว่าง a กับภรรยาใหม่ของ a ที่อยู่ใกล้กันมากกว่าเราก็ทำให้เราท้อ(บ้านเค้าอยู่ในจังหวัดเดียวกันคะ) เรื่องของความสัมพันธ์ของพ่อแม่ a กับภรรยาใหม่ก็ทำให้เราท้อ.........


เราอยากกลับไปทำให้ความรักของเรามันดีขึ้นอีกครั้ง เราพยายามจะสู้กับปัญหาทุกอย่าง โดยไม่เดินหนีออกมาแบบครั้งที่แล้ว แต่เราก็เหนื่อยและเป็นโรคซึมเศร้าหนัก   วันที่ a บอกว่าพ่อแม่ a ยังไม่อยากให้แต่งงานกับเรา วันนั้นเราขาดสติจนเราลืมตัวว่าเรามีลูกพร้อมกับเพ้อถึงเรื่องแต่งงานอยู่ตลอดเวลาจนต้องเข้ารพ.บ้านสมเด็จเพื่อฉีดยาและทำการรักษา....เราพยายามมากแล้วจริงๆ แต่.....ตอนนี้เราก็เหนื่อยและท้อจริงๆ
- ทั้งเรื่องภรรยาใหม่ของ a ที่ชอบเอาลูกๆมาอ้างเพื่อเอาเงินหรือหวังผลประโยชน์อื่นๆจาก a
- ทั้งเรื่องที่ a ก็ไม่สามารถจัดการอะไรๆได้เลยทั้งในเรื่องภรรยาใหม่และเรื่องเรา เพราะยังเกรงใจพ่อแม่ของทั้ง3 ฝ่าย

ใครมีความเห็นดีๆได้โปรดช่วยบอกเราที เพราะตอนนี้เราเหมือนคนตาบอดเลย แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย จะเดินหน้าไปก็ไม่ได้ จะเดินถอยหลังอีกเราก็ทำไม่ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่