นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ซัดฝึกอาชีพคนจนเกาไม่ถูกที่คัน แค่หน่วยงานรัฐเปลี่ยนหน้ามาเล่นเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้คนจนเอาไปทำงานได้จริง อธิบดีกพร. รับสภาพยอดคนฝึกจริงต่ำกว่าเป้าอื้อ ผ่านเดือนแรกอบรมแค่ 3.8 หมื่นคน หนักใจเหลือ2เดือนต้องดันให้ทะลุ 4.3 แสนคน แต่แอบยิ้มยังไม่พบปัญหาโกงเกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฝึกอาชีพคนจนตามนโยบายรัฐบาล ที่จัดสรรงบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทเพื่อดำเนินการฝึกอาชีพให้กับผู้ลงทะเบียนคนจน 6 แสนให้แล้วเสร็จใน 3เดือน(มิ.ย.-ส.ค.61) ว่า เรามีการวางเป้าผู้มาลงทะเบียนฝึกอาชีพเดือนมิ.ย.ไว้ 1 แสนคน ขณะนี้มียอดผู้มาลงทะเบียนฝึกอาชีพเกินเป้าที่วางไว้คือ 1.2 แสนคน แต่มีการฝึกอบรมจริงไปเพียง 3.8 หมื่นคน ซึ่งต่ำกว่าที่ตนตั้งไว้ที่อยากให้ฝึกได้ประมาณ 6 หมื่นคนในเดือนมิ.ย. นี้ โดยพบว่าเราติดปัญหา เช่น นัดวันแล้วประชาชนไม่มาตามนัด โดยหลักสูตรการฝึกอาชีพยอดนิยมยังเป็นการทำอาหารไทย ทำขนมไทย การจักสาน รวมถึงหลักสูตรด้านช่าง การตัดเย็บเสื้อผ้า โดยทางกพร. อยากให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ลงฝึกในหลักสูตรของอาชีพอิสระ มองไปยังการทำงานที่มีนายจ้างด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการแรงงานในสถานประกอบการมาก
นายสุทธิ กล่าวว่า ได้ส่งผู้ตรวจลงนำร่องในพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ ฉะเชิงเทรา ปราจันบุรี และราชบุรี ซึ่งพบว่าบางจังหวัดที่มีจำนวนผู้มีรายได้ลงทะเบียนจำนวนไม่มาก ดำเนินการประชาคมไม่ครบทุกอำเภอ หรือมีการวางแผนล่าช้า ก็ได้สั่งให้มีการปรับแผนทำงาน ซึ่งต้องมีการสะกิดกันบ้าง เพื่อให้งานเดินหน้า อย่างไรก็ตามตนให้ถือว่าผู้ตรวจราชการในพื้นที่เป็นซีอีโอ จะต้องไล่บี้ในแต่ละท้องที่ทำแผนให้ครบถ้วน ทั้งนี้ตนจะยังไม่คาดโทษ เพราะมองว่ารุนแรงไป แต่จะให้กำลังใจในการทำงาน ใครทำดีหลังเสร็จงานก็จะมีการพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นรางวัล ซึ่งตนมองว่าการตั้งยอดทำงานสำเร็จเข้าเป้า ดีกว่าการจะมาลงโทษ ทั้งนี้ระยะเวลาที่เหลือ 2 เดือนจะเน้นทั้งยอดและคุณภาพของผู้รับการอบรม เป้าของเราคือมีผู้มาสมัครอบรม 4.3แสนคน เป้าโครงการ 6.2 แสนคน ตอนนี้มา มาสมัครแล้ว 1.2 แสนคน อบรมในเดือนมิ.ย. 4 หมื่นคน ทั้งนี้ถือว่าเป็นงานที่หนัก จึงต้องมีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นจริงๆลุยอย่างเดียวให้กำลังใจทีมงานเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด
“หลังจากส่งผู้ตรวจลงตรวจในพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่าการที่จะประชาชนไม่เข้าร่วมฝึกอาชีพ สาเหตส่วนหนึ่งมาจากตรงกับกับฤดูกาลทำนา ฝนตก และทางจังหวัดภาคใต้ก็จะมีการถือศิลอด ทำให้เราประชาคมไม่ประสบความสำเร็จ ประชาชนไม่เข้ามาเข้าร่วมเลือกหลักสูตร มาพูดคุย ทำความเข้าใจเท่าที่ควร และส่วนหนึ่งคนกลุ่มนี้ไม่อยู่ในพื้นที่ มีการไปทำงานข้ามจังหวัด และมีบางส่วนที่ไม่สนใจเข้าร่วมเลย ดังนั้นจึงมีการปรับแผนโดยการลงไปประชาคมซ้ำประมาณ 2-3 รอบ ร่วมกับท้องถิ่น เพื่อให้เขาทราบข้อมูล อย่างไรก็ตามระยะเวลา 1 เดือนในการฝึกอาชีพคนจน ยังไม่พบทุจริตเกิดขึ้นในพื้นที่ใด เนื่องจากโครงการนี้เป็นการทำบุญ และผมก็ต้องทำบุญเยอะๆ รวมถึงภาวนาให้พี่น้องของเราต้องไม่ทุจริต โดยจะต้องพูดให้กำลังใจกัน ไม่ใช่ทำให้เสียกำลังใจ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐทำงานเหนื่อยอยู่แล้ว หากไปคาดโทษว่าห้ามโกงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ซึ่งผมมั่นใจระบบการฝึกอาชีพ เพราะผมวางยาเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการโกง และมั่นใจว่าระบบกับคนและความมุ่นมั่นในคนทำงานจองเราที่จะร่วมกันทำงานบุญใหญ่ครั้งนี้ให้สำเร็จ”นายสุทธิกล่าว
ด้านนายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.ด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงโครงการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยว่า โดยหลักการแล้วการฝึกอาชีพให้คนจนทำได้ยาก เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่กับที่ โดยโครงการดังกล่าวนี้จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร จะคล้ายกับเงินผันหรือไม่ ซึ่งการให้อบรมในระยะเวลา 3 วัน 7 วัน และฝึกในหลักสูตรการทำขนมนั้นตรงตามความต้องการของตลาดหรือไม่ ตอนนี้ในสาขาที่เปิดสอนดูที่ความจำเป็น เป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากได้ ไม่ใส่สิ่งที่รัฐบาลอยากให้เขาเป็น ซึ่งหากเป็นอย่างหลังเชื่อว่าโครงการฝึกอาชีพคนจนจะไม่ประสบความสำเร็จ จะเป็นการใช้งบประมาณหลายพันล้านละลายไปกับแม่น้ำเปล่าๆ
“ผมมองว่าค่าตอบแทนการฝึกอาชีพ เช่น กลุ่มคนจนมีอาชีพขายของริมทางมีรายได้วันละ 500 บาท แต่ภาครัฐให้เขามาฝึกอาชีพให้ค่าเบี้ยเลี้ยง 200 บาท เขาก็คงไม่ยอมทิ้งรายได้ที่มากกว่ามาฝึกอาชีพ ตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำก็ 300 บาทแล้ว จึงมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ นอกจากนี้การที่บอกว่าฝึกอาชีพไปแล้วหลังฝึกจบจะต้องมีงานทำนั้น จะให้เขาทำงานอะไรในเมื่อฝึกไปไม่ตรงความต้องการตลาด อย่างให้ฝึกทำขนมไทย ฝึกไปแล้วทำขายให้ใคร มีตลาดรองรับหรือไม่ ขายขนมไทยมีทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่ผมมองว่าการฝึกอาชีพไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย แต่ก็ไม่อยากให้ภาครัฐเสียกำลังใจ จึงจะต้องทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่ฝึกเขาอยากได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และการฝึกอาชีพจะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระเขา ” นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า การฝึกอาชีพคนจนเหมือนการผลัดเปลี่ยนเสื้อของกระทรวงต่างๆ เท่านั้น เปลี่ยนโลโก้เท่านั้นไม่ได้ช่วยช่วยให้คนจนเอาไปทำงานได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะไม่ทำให้โครงการนี้เสียเปล่าคือจะต้องมีการติดตามผลหลังฝึกจบไม่ใช่เพียง 1-2 วัน แต่ต้องดูระยะยาวเป็นเดือนๆ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินงบประมาณที่ได้มาทั้งหมด แต่ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ในภาพรวมส่วนตัวมองว่าโครงการนี้ยังมีประโยชน์ แต่จะต้องทำให้ถูกต้องตามความต้องการ ประชาชนจริงๆ.
JJNY : ปฏิรูปดี๊ดี...ซี้จุกสูญ ทีดีอาร์ไออัดฝึกอาชีพคนจน 'ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ'
เมื่อวันที่ 1 ก.ค. นายสุทธิ สุโกศล อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการฝึกอาชีพคนจนตามนโยบายรัฐบาล ที่จัดสรรงบประมาณ 2,000 กว่าล้านบาทเพื่อดำเนินการฝึกอาชีพให้กับผู้ลงทะเบียนคนจน 6 แสนให้แล้วเสร็จใน 3เดือน(มิ.ย.-ส.ค.61) ว่า เรามีการวางเป้าผู้มาลงทะเบียนฝึกอาชีพเดือนมิ.ย.ไว้ 1 แสนคน ขณะนี้มียอดผู้มาลงทะเบียนฝึกอาชีพเกินเป้าที่วางไว้คือ 1.2 แสนคน แต่มีการฝึกอบรมจริงไปเพียง 3.8 หมื่นคน ซึ่งต่ำกว่าที่ตนตั้งไว้ที่อยากให้ฝึกได้ประมาณ 6 หมื่นคนในเดือนมิ.ย. นี้ โดยพบว่าเราติดปัญหา เช่น นัดวันแล้วประชาชนไม่มาตามนัด โดยหลักสูตรการฝึกอาชีพยอดนิยมยังเป็นการทำอาหารไทย ทำขนมไทย การจักสาน รวมถึงหลักสูตรด้านช่าง การตัดเย็บเสื้อผ้า โดยทางกพร. อยากให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ลงฝึกในหลักสูตรของอาชีพอิสระ มองไปยังการทำงานที่มีนายจ้างด้วย เนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการแรงงานในสถานประกอบการมาก
นายสุทธิ กล่าวว่า ได้ส่งผู้ตรวจลงนำร่องในพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ ฉะเชิงเทรา ปราจันบุรี และราชบุรี ซึ่งพบว่าบางจังหวัดที่มีจำนวนผู้มีรายได้ลงทะเบียนจำนวนไม่มาก ดำเนินการประชาคมไม่ครบทุกอำเภอ หรือมีการวางแผนล่าช้า ก็ได้สั่งให้มีการปรับแผนทำงาน ซึ่งต้องมีการสะกิดกันบ้าง เพื่อให้งานเดินหน้า อย่างไรก็ตามตนให้ถือว่าผู้ตรวจราชการในพื้นที่เป็นซีอีโอ จะต้องไล่บี้ในแต่ละท้องที่ทำแผนให้ครบถ้วน ทั้งนี้ตนจะยังไม่คาดโทษ เพราะมองว่ารุนแรงไป แต่จะให้กำลังใจในการทำงาน ใครทำดีหลังเสร็จงานก็จะมีการพิจารณาเลื่อนขั้นเป็นรางวัล ซึ่งตนมองว่าการตั้งยอดทำงานสำเร็จเข้าเป้า ดีกว่าการจะมาลงโทษ ทั้งนี้ระยะเวลาที่เหลือ 2 เดือนจะเน้นทั้งยอดและคุณภาพของผู้รับการอบรม เป้าของเราคือมีผู้มาสมัครอบรม 4.3แสนคน เป้าโครงการ 6.2 แสนคน ตอนนี้มา มาสมัครแล้ว 1.2 แสนคน อบรมในเดือนมิ.ย. 4 หมื่นคน ทั้งนี้ถือว่าเป็นงานที่หนัก จึงต้องมีความเข้มแข็งและมุ่งมั่นจริงๆลุยอย่างเดียวให้กำลังใจทีมงานเสาร์อาทิตย์ก็ไม่ได้หยุด
“หลังจากส่งผู้ตรวจลงตรวจในพื้นที่จังหวัดต่างๆ พบว่าการที่จะประชาชนไม่เข้าร่วมฝึกอาชีพ สาเหตส่วนหนึ่งมาจากตรงกับกับฤดูกาลทำนา ฝนตก และทางจังหวัดภาคใต้ก็จะมีการถือศิลอด ทำให้เราประชาคมไม่ประสบความสำเร็จ ประชาชนไม่เข้ามาเข้าร่วมเลือกหลักสูตร มาพูดคุย ทำความเข้าใจเท่าที่ควร และส่วนหนึ่งคนกลุ่มนี้ไม่อยู่ในพื้นที่ มีการไปทำงานข้ามจังหวัด และมีบางส่วนที่ไม่สนใจเข้าร่วมเลย ดังนั้นจึงมีการปรับแผนโดยการลงไปประชาคมซ้ำประมาณ 2-3 รอบ ร่วมกับท้องถิ่น เพื่อให้เขาทราบข้อมูล อย่างไรก็ตามระยะเวลา 1 เดือนในการฝึกอาชีพคนจน ยังไม่พบทุจริตเกิดขึ้นในพื้นที่ใด เนื่องจากโครงการนี้เป็นการทำบุญ และผมก็ต้องทำบุญเยอะๆ รวมถึงภาวนาให้พี่น้องของเราต้องไม่ทุจริต โดยจะต้องพูดให้กำลังใจกัน ไม่ใช่ทำให้เสียกำลังใจ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐทำงานเหนื่อยอยู่แล้ว หากไปคาดโทษว่าห้ามโกงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ซึ่งผมมั่นใจระบบการฝึกอาชีพ เพราะผมวางยาเอาไว้ด้วยเพื่อไม่ให้เกิดการโกง และมั่นใจว่าระบบกับคนและความมุ่นมั่นในคนทำงานจองเราที่จะร่วมกันทำงานบุญใหญ่ครั้งนี้ให้สำเร็จ”นายสุทธิกล่าว
ด้านนายยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผอ.ด้านการพัฒนาแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวถึงโครงการฝึกอาชีพผู้มีรายได้น้อยว่า โดยหลักการแล้วการฝึกอาชีพให้คนจนทำได้ยาก เนื่องจากเขาไม่ได้อยู่กับที่ โดยโครงการดังกล่าวนี้จะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร จะคล้ายกับเงินผันหรือไม่ ซึ่งการให้อบรมในระยะเวลา 3 วัน 7 วัน และฝึกในหลักสูตรการทำขนมนั้นตรงตามความต้องการของตลาดหรือไม่ ตอนนี้ในสาขาที่เปิดสอนดูที่ความจำเป็น เป็นสิ่งที่กลุ่มเป้าหมายอยากได้ ไม่ใส่สิ่งที่รัฐบาลอยากให้เขาเป็น ซึ่งหากเป็นอย่างหลังเชื่อว่าโครงการฝึกอาชีพคนจนจะไม่ประสบความสำเร็จ จะเป็นการใช้งบประมาณหลายพันล้านละลายไปกับแม่น้ำเปล่าๆ
“ผมมองว่าค่าตอบแทนการฝึกอาชีพ เช่น กลุ่มคนจนมีอาชีพขายของริมทางมีรายได้วันละ 500 บาท แต่ภาครัฐให้เขามาฝึกอาชีพให้ค่าเบี้ยเลี้ยง 200 บาท เขาก็คงไม่ยอมทิ้งรายได้ที่มากกว่ามาฝึกอาชีพ ตอนนี้ค่าแรงขั้นต่ำก็ 300 บาทแล้ว จึงมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ นอกจากนี้การที่บอกว่าฝึกอาชีพไปแล้วหลังฝึกจบจะต้องมีงานทำนั้น จะให้เขาทำงานอะไรในเมื่อฝึกไปไม่ตรงความต้องการตลาด อย่างให้ฝึกทำขนมไทย ฝึกไปแล้วทำขายให้ใคร มีตลาดรองรับหรือไม่ ขายขนมไทยมีทั่วบ้านทั่วเมือง ซึ่ผมมองว่าการฝึกอาชีพไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ง่าย แต่ก็ไม่อยากให้ภาครัฐเสียกำลังใจ จึงจะต้องทำให้แน่ใจว่าสิ่งที่ฝึกเขาอยากได้ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง และการฝึกอาชีพจะต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระเขา ” นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า การฝึกอาชีพคนจนเหมือนการผลัดเปลี่ยนเสื้อของกระทรวงต่างๆ เท่านั้น เปลี่ยนโลโก้เท่านั้นไม่ได้ช่วยช่วยให้คนจนเอาไปทำงานได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่จะไม่ทำให้โครงการนี้เสียเปล่าคือจะต้องมีการติดตามผลหลังฝึกจบไม่ใช่เพียง 1-2 วัน แต่ต้องดูระยะยาวเป็นเดือนๆ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินงบประมาณที่ได้มาทั้งหมด แต่ให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ในภาพรวมส่วนตัวมองว่าโครงการนี้ยังมีประโยชน์ แต่จะต้องทำให้ถูกต้องตามความต้องการ ประชาชนจริงๆ.