ถือเป็น 1 ในตัวละครที่ยังไม่มีที่มาที่ไปอย่างชัดเจน แต่กลับมีบทที่ค่อนข้าง impact ต่อภาควาโนะไม่น้อย ว่าแล้วก็เริ่มเลยครับ
ซามูไรพเนจรริวมะ เกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน ไม่ทราบปี เป็นคนประเทศวาโนะ
อาวุธประจำกาย ดาบดำ ชูซุย (ปัจจุบันเป็นของโซโล)

ในภาค Wanted ! ตอน Monster
http://www.anime168.com/2013/11/ryuuma.html
ในอดีต (น่าจะราว ๆ อายุ 20 ต้น ๆ) ริวมะถือเป็นซามูไรที่ได้รับสมญานามว่าเป็นนักดาบ No.1 ของโลก ได้เดินทางไปจนถึงเมืองแห่งหนึ่ง ริวมะที่อยู่ในสภาพหิวโซ ได้รับการเลี้ยงอาหารจากแฟลร์ หญิงสาวในร้านอาหารที่ริวมะไปถึง เมื่อริวมะกลับมามีแรงอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงจิตอันชั่วร้ายในร้านอาหารจากชิราโน่ (นักดาบที่ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านที่ช่วยเหลือแฟลร์จากการโจมตีของมังกรเมื่อ 7 ปีก่อน) ริวมะต้องการที่จะสู้กับชิราโน่ แต่ถูกห้ามโดยแฟลร์ หลังจากนั้นริวมะได้พบ D.R. ซามูไรอีกคนที่ใส่ร้ายริวมะว่าถูกทำร้าย และได้หักเขามังกรเพื่อเรียกมังกรมาที่นั่น ชาวบ้านจึงสั่งให้ริวมะทำฮาราคีรี (คว้านทอง) แต่ชิราโน่ได้เข้ามาห้าม และบอกว่าจะจัดการมังกรเอง ขอให้ทุกคนหนีออกไปจากเมือง ด้วยความเป็นห่วง แฟลร์จึงไปหาชิราโน่แต่ได้พบกับความจริงที่ว่าชิราโนะกับ D.R. ร่วมมือกันสั่งให้มังกรโจมตีเมืองเพื่อปล้นสมบัติ และเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอด้วย ริวมะที่อยู่กับแฟลร์ทนไม่ได้จึงได้เข้าไปจัดการกับชิราโน่ในดาบเดียว ! และจัดการ D.R. ต่อ หลังจากนั้นมังกรได้มาถึงเมือง ริวมะก็ได้จัดการฟันหัวมังกรขาดในดาบเดียว ! หลังจากนั้นริวมะก็ได้เดินทางต่อในทันที จากเหตุการณ์นี้ริวมะจึงได้รับการขนานนามให้เป็น The King
ลักษณะตัวละครต้นแบบของซามูไรริวมะ น่าจะมาจากซะกะโมะโตะ เรียวมะ
ซามูไรผู้ล้มล้างการปกครองของโชกุนตระกูลโทะกุงะวะ
สุดยอดวีรบุรุษของชาติในยุคเอะโดะ ซะกะโมะโตะ เรียวมะ เกิดวันที่ 3 มกราคม 1836 ณ เมืองโคจิ แคว้นโทะซะ เขาเป็นบุตรของครอบครัวตระกูลซามูไรชั้นโกชิ ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นชนชั้นพ่อค้าทำอาชีพกลั่นสาเกขาย และได้เลื่อนขึ้นเป็นซามูไรโดยการซื้อตำแหน่ง (ซามูไรประเภทนี้นับเป็นซามูไรระดับต่ำที่สุดในระบบศักดินาญี่ปุ่น)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1853
เรียวมะได้เดินทางไปที่นครเอะโดะเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ของจิบะ ซะดะคิจิ เจ้าสำนักดาบสายโฮะคุชิน อิตโตริว อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พลเรือจัตวาแมทธิว แคลเบรธ เพอร์รี แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำกองเรือรบมาเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศค้าขายกับชาวตะวันตกอีกครั้งหลังจากโดดเดี่ยวตนเองมานานหลายร้อยปี ในระยะดังกล่าวเรียวมะได้ถูกชักจูงให้เกิดความรู้สึกรักชาติจากสำนักเรียนของซามูไรซึ่งสนับสนุนแนวคิดทางการเมืองกลุ่มซนโนโจอิ หรือ "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับคนป่าเถื่อน"
เมื่อเรียวมะสำเร็จวิชาดาบและเดินทางกลับมาที่โทะสะ เขาถูกชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่มโทะสะคินโนโท ซึ่งเป็นกลุ่มซามูไรระดับล่างหัวรุนแรงในแคว้นโทะซะภายใต้การนำของทะเกะชิ ซุยซัน (มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ทะเกะจิ ฮัมเปตะ") ผู้ยึดมั่นในแนวคิดเทิดทูนพระจักรพรรดิและต่อต้านรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ทว่าเมื่อสถานการณ์บีบคั้นมากขึ้น เนื่องจากแนวทางการขับไล่ต่างชาติของซามูไรระดับล่างไม่ได้รับการตอบสนองจากชนชั้นปกครองในแคว้น ประกอบกับความขัดแย้งทางความคิดของเรียวมะซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางใช้ความรุนแรงของทะเกะจิ เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากแคว้นโทะซะ และใช้ชีวิตร่อนเร่ไปยังที่ต่างๆ ในฐานะโรนินหรือซามูไรไร้นาย
ในช่วงที่ใช้ชีวิตแบบโรนินอยู่นั้น ซะกะโมะโตะ เรียวมะได้เดินทางไปยังที่ต่างๆ ในหมู่เกาะญี่ปุ่น และเมื่อเดินทางมาถึงเอะโดะ เขาก็ได้พบกับคะสึ ไคชู ขุนนางระดับสูงของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะผู้มีหัวคิดก้าวหน้าและกำลังดำเนินการจัดตั้งกองทัพเรือขึ้นในเวลานั้น
เรื่องราวการพบกันระหว่างเรียวมะกับคะสึที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายกล่าวว่า เรียวมะซึ่งเป็นโรนินที่มีความคิดแบบซนโนโจอิ ได้ตัดสินใจที่จะฆ่าคะสึเพราะเห็นว่าสนับสนุนให้ชาวต่างชาติเข้ามาย่ำยีประเทศ แต่ในวันที่เขาลอบเข้าไปในจวนของคะสึนั้น คะสึได้ขอให้เรียวมะฟังแนวคิดที่เขามีต่อประเทศญี่ปุ่นเสียก่อนแล้วจึงค่อยฆ่าเขา ซึ่งนั่นก็คือแนวคิดการเรียนรู้วิทยาการและอารยธรรมให้เท่าเทียมกับตะวันตก แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างกำลังอำนาจของญี่ปุ่นระยะยาวด้วยกองทัพเรือที่เข้มแข็ง อันจะเป็นหลักประกันให้แก่เอกราชของญี่ปุ่นได้ เรียวมะเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว จึงกลับใจขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยและผู้คุ้มกันของคะสึ ไคชู
ปี ค.ศ. 1864 รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะเริ่มดำเนินนโยบายการปกครองไปในทางที่แข็งกร้าวมากขึ้น คะสึ ไคชู ถูกปลดจากตำแหน่งเจ้ากรมทหารเรือ และศูนย์ฝึกทหารเรือที่โกเบได้ถูกรัฐบาลสั่งปิดเนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าที่นี่เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มซามูไรหัวรุนแรงที่นิยมแนวทางซนโนโจอิ เรียวมะจึงย้ายจากโกเบไปยังเมืองคะโงชิมะในความปกครองของแคว้นซัตสึมะ ซึ่งที่นั่นได้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการต่างๆ ที่เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลโชกุน
เรียวมะได้กลายเป็นตัวกลางในการเจรจาลับให้แคว้นซัตสึมะและแคว้นโจชูร่วมมือกันเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลโชกุน ทั้งนี้เนื่องจากว่าทั้งสองแคว้นนั้นต่างเป็นศัตรูกันมาตลอดตั้งแต่อดีต ในขณะนั้นนับได้ว่าเรียวมะมีฐานะเป็นคนนอกที่เป็นกลางไม่เข้าข้างทั้งสองฝ่าย อันเป็นสิ่งจำเป็นในการทำลายช่องว่างทางความคิดและความรู้สึกของทั้งสองแคว้น นอกจากนี้เขายังได้ก่อตั้งกองเรือเอกชนและบริษัทการค้าชื่อ คะเมะยะมะชาจู (亀山社中) ที่เมืองนะงะซะกิเพื่อบุกเบิกการค้าขายทางทะเลกับชาวต่างประเทศโดยมีคนญี่ปุ่นดำเนินการเอง โดยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากแคว้นซัตสึมะ (ต่อมาบริษัทนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไคเอ็นไตหรือกองหนุนทางทะเล) และส่งเสริมการเปิดประเทศด้วยการเรียนรู้ภาษา แนวคิด เทคโนโลยีใหม่ๆ จากต่างประเทศ มุ่งสร้างญี่ปุ่นให้เข้มแข็งด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ แทนการจับดาบขับไล่ชาวต่างชาติดังเช่นที่ซามูไรยุคนั้นกระทำอยู่ บทบาทความเป็นนักปฏิรูปทางความคิดและการเมืองเช่นนี้ทำให้เรียวมะถูกจับตามองจากหลายฝ่าย รวมถึงถูกหมายหัวจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองที่สวนทางกัน เช่น กลุ่มชินเซ็งงุมิ กลุ่มมิมะวะริงุมิ เป็นต้น
แคว้นโจชูได้ชัยชนะต่อรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะต่อเนื่องมาเป็นลำดับในปี ค.ศ. 1866 การล่มสลายของระบอบโชกุนที่ใกล้เข้ามาได้ทำให้เรียวมะกลายเป็นบุคคลที่แคว้นโทะซะเริ่มจับตามองถึงบทบาทและความสำคัญของเขา เขาได้ถูกเรียกตัวให้กลับไปที่โทะสะอย่างมีเกียรติ เนื่องจากในเวลานั้นทางแคว้นโทะซะวิตกกังวลถึงผลสำเร็จของการเจรจาระหว่างรัฐบาลโชกุนกับราชสำนักของพระจักรพรรดิ ซึ่งขัดขวางการล้มล้างรัฐบาลโชกุนโดยการใช้กำลังของพันธมิตรซัตโจ เรียวมะได้แสดงบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการเจรจาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับ โดยการหว่านล้อมผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้เล็งเห็นถึงผลดีในการล้มเลิกการปกครองระบอบรัฐบาลทหารของโชกุน และจัดตั้งสภาบริหารการปกครองโดยให้ไดเมียวจากแคว้นต่างๆ มีส่วนร่วมในการปกครอง กระทั่งนำไปสู่การยอมสละตำแหน่งและถวายคืนพระราชอำนาจแก่พระจักรพรรดิของโชกุนโทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ในปี ค.ศ. 1867 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปเมจิในระยะต่อมา
ซะกะโมะโตะ เรียวมะ เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารเมื่อ ค.ศ. 1867 ที่ ร้านโอมิยะ (近江屋) ในกรุงเกียวโต พร้อมกันกับนะกะโอะกะ ชินตะโร ผู้เป็นพี่น้องร่วมสาบาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหน้าการปฏิรูปเมจิจะเกิดขึ้นไม่นานนัก รายงานการสอบสวนในชั้นต้นกล่าวหาว่า เหตุฆาตกรรมดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มชินเซ็งงุมิ (ภายหลังคนโด อิซะมิ ผู้นำของชินเซ็งงุมิซึ่งพ่ายแพ้แก่ฝ่ายซัตสึมะและโจชูในนามกองทัพของพระจักรพรรดิและถูกจับเป็นเชลย ได้ถูกประหารชีวิตด้วยข้อกล่าวหาข้างต้น) ทว่ากลุ่มที่สนับสนุนโชกุนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มมิมะวะริงุมิของอิมะอิ โนะบุโอะ ได้สารภาพในปี ค.ศ. 1870 ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว แม้ว่าซะซะกิ ทะดะซะบุโร และอิมะอิ โนะบุโอะ จะเป็นผู้ที่ถูกประณามจากเรื่องนี้ ทว่าหาได้มีการพิสูจน์สอบสวนในกระบวนการยุติธรรมว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใครแต่อย่างใดไม่
สำหรับอายุของเรียวมะขณะที่เสียชีวิตนั้น หากคำนวณตามปฏิทินจันทรคติเก่าของญี่ปุ่น เรียวมะจะมีอายุได้ 33 ปี (เกิดในวันที่ 15 เดือน 11 ค.ศ. 1835 เสียชีวิตในวันคล้ายวันเกิดในปี ค.ศ. 1867) แต่เมื่อนับตามปฏิทินสุริยคติระบบปฏิทินเกรกอเรียน เขาจะมีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น
จากประวัติดังกล่าว ทฤษฎีความน่าจะเป็นในโลกวันพีซ คือ
ริวมะเกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน เมืองคุริ (เดาว่าน่าจะเกิดที่เมืองเดียวกับคินเอม่อน) ประเทศวาโนะ เมื่ออายุ 17 ปี ริวมะได้เดินทางเพื่อฝึกวิชาดาบอิตโตริว (อาจมีความเป็นไปได้ที่ริวมะได้เดินทางไปสำนักดาบของโคชิโร่)

เพราะใน TV Series เรียวมะ จอมคนพลิกแผ่นดิน เรียวมะได้เดินทางไปฝึกวิชาดาบที่เจ้าสำนักมีลูกสาวเป็นนักดาบ

ในขณะที่ช่วงเวลานั้นกองทัพเรือได้เดินเรือมาถึงประเทศวาโนะเพื่อบังคับให้วาโนะเข้าร่วมเป็น 1 ในประเทศพันธมิตรของกองทัพเรือแต่ไม่สำเร็จ ในช่วงที่ริวมะเป็นโรนิน ริวมะได้พบเจอขุนนางของโชกุนในสมัยนั้น และคิดจะฆ่าขุนนางท่านนั้นที่สนับสนุนให้วาโนะเป็นประเทศพันธมิตรของกองทัพเรือ แต่ได้รับรู้แนวคิดของขุนนางท่านนั้นจึงทำให้ริวมะกลับใจ
ในอีกไม่กี่ปีต่อมาโชกุนในยุคสมัยนั้นได้สั่งปลดขุนนางคนดังกล่าว และทำลายทุกอย่างที่ขุนนางพยายามสร้างขึ้นเพราะมองว่าการกระทำของขุนนางถือเป็นการกบฎ หลังจากนั้นริวมะได้ออกเดินทางไปแคว้นเมืองอื่นเพื่อรวบรวมพลพรรคซามูไรล้มล้างโชกุนในยุคสมัยนั้น และทำได้สำเร็จ พร้อมกับได้รับฉายาว่าเป็นวีรบุรุษแห่งชาติ
หลังจากนั้นไม่กี่ปี โชกุนคนดังกล่าวได้กลับมายึดอำนาจคืนด้วยกองกำลังสนับสนุนจากไคโด และริวมะก็ถูกสังหารในช่วงเวลานั้น โดยซามูไรแคว้นคุริของคินเอม่อนได้นำศพและดาบกลับมาฝังที่เมืองเกิด แต่ในเวลาต่อมาก็ถูกโมเลียขโมยศพและดาบออกไป

และในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในปีนี้ คาดว่าเราจะได้ทราบประวัติของริวมะ เนื่องจากเรียวมะเสียชีวิตในวันที่ 10 ธ.ค.
ทั้งนี้ทฤษฎีดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดา อาจมีส่วนที่ถูกหรือไม่ถูกเลยก็มี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ขอบคุณครับ
อาจมีสปอยล์ [วันพีซ] การเดินทางของวีรบุรุษแห่งชาติริวมะ และทฤษฎีประเทศวาโนะ
ซามูไรพเนจรริวมะ เกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน ไม่ทราบปี เป็นคนประเทศวาโนะ
อาวุธประจำกาย ดาบดำ ชูซุย (ปัจจุบันเป็นของโซโล)
ในภาค Wanted ! ตอน Monster
http://www.anime168.com/2013/11/ryuuma.html
ในอดีต (น่าจะราว ๆ อายุ 20 ต้น ๆ) ริวมะถือเป็นซามูไรที่ได้รับสมญานามว่าเป็นนักดาบ No.1 ของโลก ได้เดินทางไปจนถึงเมืองแห่งหนึ่ง ริวมะที่อยู่ในสภาพหิวโซ ได้รับการเลี้ยงอาหารจากแฟลร์ หญิงสาวในร้านอาหารที่ริวมะไปถึง เมื่อริวมะกลับมามีแรงอีกครั้ง เขาสัมผัสได้ถึงจิตอันชั่วร้ายในร้านอาหารจากชิราโน่ (นักดาบที่ได้รับการยกย่องจากชาวบ้านที่ช่วยเหลือแฟลร์จากการโจมตีของมังกรเมื่อ 7 ปีก่อน) ริวมะต้องการที่จะสู้กับชิราโน่ แต่ถูกห้ามโดยแฟลร์ หลังจากนั้นริวมะได้พบ D.R. ซามูไรอีกคนที่ใส่ร้ายริวมะว่าถูกทำร้าย และได้หักเขามังกรเพื่อเรียกมังกรมาที่นั่น ชาวบ้านจึงสั่งให้ริวมะทำฮาราคีรี (คว้านทอง) แต่ชิราโน่ได้เข้ามาห้าม และบอกว่าจะจัดการมังกรเอง ขอให้ทุกคนหนีออกไปจากเมือง ด้วยความเป็นห่วง แฟลร์จึงไปหาชิราโน่แต่ได้พบกับความจริงที่ว่าชิราโนะกับ D.R. ร่วมมือกันสั่งให้มังกรโจมตีเมืองเพื่อปล้นสมบัติ และเป็นคนที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอด้วย ริวมะที่อยู่กับแฟลร์ทนไม่ได้จึงได้เข้าไปจัดการกับชิราโน่ในดาบเดียว ! และจัดการ D.R. ต่อ หลังจากนั้นมังกรได้มาถึงเมือง ริวมะก็ได้จัดการฟันหัวมังกรขาดในดาบเดียว ! หลังจากนั้นริวมะก็ได้เดินทางต่อในทันที จากเหตุการณ์นี้ริวมะจึงได้รับการขนานนามให้เป็น The King
ลักษณะตัวละครต้นแบบของซามูไรริวมะ น่าจะมาจากซะกะโมะโตะ เรียวมะ
ซามูไรผู้ล้มล้างการปกครองของโชกุนตระกูลโทะกุงะวะ
สุดยอดวีรบุรุษของชาติในยุคเอะโดะ ซะกะโมะโตะ เรียวมะ เกิดวันที่ 3 มกราคม 1836 ณ เมืองโคจิ แคว้นโทะซะ เขาเป็นบุตรของครอบครัวตระกูลซามูไรชั้นโกชิ ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นชนชั้นพ่อค้าทำอาชีพกลั่นสาเกขาย และได้เลื่อนขึ้นเป็นซามูไรโดยการซื้อตำแหน่ง (ซามูไรประเภทนี้นับเป็นซามูไรระดับต่ำที่สุดในระบบศักดินาญี่ปุ่น)
ต่อมาในปี ค.ศ. 1853 เรียวมะได้เดินทางไปที่นครเอะโดะเพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ของจิบะ ซะดะคิจิ เจ้าสำนักดาบสายโฮะคุชิน อิตโตริว อันเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พลเรือจัตวาแมทธิว แคลเบรธ เพอร์รี แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำกองเรือรบมาเยือนประเทศญี่ปุ่น เพื่อบังคับให้ญี่ปุ่นเปิดประเทศค้าขายกับชาวตะวันตกอีกครั้งหลังจากโดดเดี่ยวตนเองมานานหลายร้อยปี ในระยะดังกล่าวเรียวมะได้ถูกชักจูงให้เกิดความรู้สึกรักชาติจากสำนักเรียนของซามูไรซึ่งสนับสนุนแนวคิดทางการเมืองกลุ่มซนโนโจอิ หรือ "เทิดทูนจักรพรรดิ ขับคนป่าเถื่อน"
เมื่อเรียวมะสำเร็จวิชาดาบและเดินทางกลับมาที่โทะสะ เขาถูกชักชวนให้เข้าร่วมกลุ่มโทะสะคินโนโท ซึ่งเป็นกลุ่มซามูไรระดับล่างหัวรุนแรงในแคว้นโทะซะภายใต้การนำของทะเกะชิ ซุยซัน (มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ทะเกะจิ ฮัมเปตะ") ผู้ยึดมั่นในแนวคิดเทิดทูนพระจักรพรรดิและต่อต้านรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะ ทว่าเมื่อสถานการณ์บีบคั้นมากขึ้น เนื่องจากแนวทางการขับไล่ต่างชาติของซามูไรระดับล่างไม่ได้รับการตอบสนองจากชนชั้นปกครองในแคว้น ประกอบกับความขัดแย้งทางความคิดของเรียวมะซึ่งไม่เห็นด้วยกับแนวทางใช้ความรุนแรงของทะเกะจิ เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากแคว้นโทะซะ และใช้ชีวิตร่อนเร่ไปยังที่ต่างๆ ในฐานะโรนินหรือซามูไรไร้นาย
ในช่วงที่ใช้ชีวิตแบบโรนินอยู่นั้น ซะกะโมะโตะ เรียวมะได้เดินทางไปยังที่ต่างๆ ในหมู่เกาะญี่ปุ่น และเมื่อเดินทางมาถึงเอะโดะ เขาก็ได้พบกับคะสึ ไคชู ขุนนางระดับสูงของรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะผู้มีหัวคิดก้าวหน้าและกำลังดำเนินการจัดตั้งกองทัพเรือขึ้นในเวลานั้น
เรื่องราวการพบกันระหว่างเรียวมะกับคะสึที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายกล่าวว่า เรียวมะซึ่งเป็นโรนินที่มีความคิดแบบซนโนโจอิ ได้ตัดสินใจที่จะฆ่าคะสึเพราะเห็นว่าสนับสนุนให้ชาวต่างชาติเข้ามาย่ำยีประเทศ แต่ในวันที่เขาลอบเข้าไปในจวนของคะสึนั้น คะสึได้ขอให้เรียวมะฟังแนวคิดที่เขามีต่อประเทศญี่ปุ่นเสียก่อนแล้วจึงค่อยฆ่าเขา ซึ่งนั่นก็คือแนวคิดการเรียนรู้วิทยาการและอารยธรรมให้เท่าเทียมกับตะวันตก แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างกำลังอำนาจของญี่ปุ่นระยะยาวด้วยกองทัพเรือที่เข้มแข็ง อันจะเป็นหลักประกันให้แก่เอกราชของญี่ปุ่นได้ เรียวมะเมื่อได้ฟังดังนี้แล้ว จึงกลับใจขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และทำงานเป็นทั้งผู้ช่วยและผู้คุ้มกันของคะสึ ไคชู
ปี ค.ศ. 1864 รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะเริ่มดำเนินนโยบายการปกครองไปในทางที่แข็งกร้าวมากขึ้น คะสึ ไคชู ถูกปลดจากตำแหน่งเจ้ากรมทหารเรือ และศูนย์ฝึกทหารเรือที่โกเบได้ถูกรัฐบาลสั่งปิดเนื่องจากรัฐบาลเห็นว่าที่นี่เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มซามูไรหัวรุนแรงที่นิยมแนวทางซนโนโจอิ เรียวมะจึงย้ายจากโกเบไปยังเมืองคะโงชิมะในความปกครองของแคว้นซัตสึมะ ซึ่งที่นั่นได้พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นศูนย์กลางของขบวนการต่างๆ ที่เคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลโชกุน
เรียวมะได้กลายเป็นตัวกลางในการเจรจาลับให้แคว้นซัตสึมะและแคว้นโจชูร่วมมือกันเป็นพันธมิตรต่อต้านรัฐบาลโชกุน ทั้งนี้เนื่องจากว่าทั้งสองแคว้นนั้นต่างเป็นศัตรูกันมาตลอดตั้งแต่อดีต ในขณะนั้นนับได้ว่าเรียวมะมีฐานะเป็นคนนอกที่เป็นกลางไม่เข้าข้างทั้งสองฝ่าย อันเป็นสิ่งจำเป็นในการทำลายช่องว่างทางความคิดและความรู้สึกของทั้งสองแคว้น นอกจากนี้เขายังได้ก่อตั้งกองเรือเอกชนและบริษัทการค้าชื่อ คะเมะยะมะชาจู (亀山社中) ที่เมืองนะงะซะกิเพื่อบุกเบิกการค้าขายทางทะเลกับชาวต่างประเทศโดยมีคนญี่ปุ่นดำเนินการเอง โดยได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากแคว้นซัตสึมะ (ต่อมาบริษัทนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นไคเอ็นไตหรือกองหนุนทางทะเล) และส่งเสริมการเปิดประเทศด้วยการเรียนรู้ภาษา แนวคิด เทคโนโลยีใหม่ๆ จากต่างประเทศ มุ่งสร้างญี่ปุ่นให้เข้มแข็งด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ แทนการจับดาบขับไล่ชาวต่างชาติดังเช่นที่ซามูไรยุคนั้นกระทำอยู่ บทบาทความเป็นนักปฏิรูปทางความคิดและการเมืองเช่นนี้ทำให้เรียวมะถูกจับตามองจากหลายฝ่าย รวมถึงถูกหมายหัวจากฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะซึ่งมีแนวคิดทางการเมืองที่สวนทางกัน เช่น กลุ่มชินเซ็งงุมิ กลุ่มมิมะวะริงุมิ เป็นต้น
แคว้นโจชูได้ชัยชนะต่อรัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะต่อเนื่องมาเป็นลำดับในปี ค.ศ. 1866 การล่มสลายของระบอบโชกุนที่ใกล้เข้ามาได้ทำให้เรียวมะกลายเป็นบุคคลที่แคว้นโทะซะเริ่มจับตามองถึงบทบาทและความสำคัญของเขา เขาได้ถูกเรียกตัวให้กลับไปที่โทะสะอย่างมีเกียรติ เนื่องจากในเวลานั้นทางแคว้นโทะซะวิตกกังวลถึงผลสำเร็จของการเจรจาระหว่างรัฐบาลโชกุนกับราชสำนักของพระจักรพรรดิ ซึ่งขัดขวางการล้มล้างรัฐบาลโชกุนโดยการใช้กำลังของพันธมิตรซัตโจ เรียวมะได้แสดงบทบาทอย่างสำคัญยิ่งในการเจรจาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นลำดับ โดยการหว่านล้อมผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้เล็งเห็นถึงผลดีในการล้มเลิกการปกครองระบอบรัฐบาลทหารของโชกุน และจัดตั้งสภาบริหารการปกครองโดยให้ไดเมียวจากแคว้นต่างๆ มีส่วนร่วมในการปกครอง กระทั่งนำไปสู่การยอมสละตำแหน่งและถวายคืนพระราชอำนาจแก่พระจักรพรรดิของโชกุนโทะกุงะวะ โยะชิโนะบุ ในปี ค.ศ. 1867 ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปเมจิในระยะต่อมา
ซะกะโมะโตะ เรียวมะ เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารเมื่อ ค.ศ. 1867 ที่ ร้านโอมิยะ (近江屋) ในกรุงเกียวโต พร้อมกันกับนะกะโอะกะ ชินตะโร ผู้เป็นพี่น้องร่วมสาบาน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนหน้าการปฏิรูปเมจิจะเกิดขึ้นไม่นานนัก รายงานการสอบสวนในชั้นต้นกล่าวหาว่า เหตุฆาตกรรมดังกล่าวเป็นฝีมือของกลุ่มชินเซ็งงุมิ (ภายหลังคนโด อิซะมิ ผู้นำของชินเซ็งงุมิซึ่งพ่ายแพ้แก่ฝ่ายซัตสึมะและโจชูในนามกองทัพของพระจักรพรรดิและถูกจับเป็นเชลย ได้ถูกประหารชีวิตด้วยข้อกล่าวหาข้างต้น) ทว่ากลุ่มที่สนับสนุนโชกุนอีกกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มมิมะวะริงุมิของอิมะอิ โนะบุโอะ ได้สารภาพในปี ค.ศ. 1870 ว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุดังกล่าว แม้ว่าซะซะกิ ทะดะซะบุโร และอิมะอิ โนะบุโอะ จะเป็นผู้ที่ถูกประณามจากเรื่องนี้ ทว่าหาได้มีการพิสูจน์สอบสวนในกระบวนการยุติธรรมว่าฆาตกรตัวจริงเป็นใครแต่อย่างใดไม่
สำหรับอายุของเรียวมะขณะที่เสียชีวิตนั้น หากคำนวณตามปฏิทินจันทรคติเก่าของญี่ปุ่น เรียวมะจะมีอายุได้ 33 ปี (เกิดในวันที่ 15 เดือน 11 ค.ศ. 1835 เสียชีวิตในวันคล้ายวันเกิดในปี ค.ศ. 1867) แต่เมื่อนับตามปฏิทินสุริยคติระบบปฏิทินเกรกอเรียน เขาจะมีอายุเพียง 31 ปีเท่านั้น
จากประวัติดังกล่าว ทฤษฎีความน่าจะเป็นในโลกวันพีซ คือ
ริวมะเกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน เมืองคุริ (เดาว่าน่าจะเกิดที่เมืองเดียวกับคินเอม่อน) ประเทศวาโนะ เมื่ออายุ 17 ปี ริวมะได้เดินทางเพื่อฝึกวิชาดาบอิตโตริว (อาจมีความเป็นไปได้ที่ริวมะได้เดินทางไปสำนักดาบของโคชิโร่)
เพราะใน TV Series เรียวมะ จอมคนพลิกแผ่นดิน เรียวมะได้เดินทางไปฝึกวิชาดาบที่เจ้าสำนักมีลูกสาวเป็นนักดาบ
ในอีกไม่กี่ปีต่อมาโชกุนในยุคสมัยนั้นได้สั่งปลดขุนนางคนดังกล่าว และทำลายทุกอย่างที่ขุนนางพยายามสร้างขึ้นเพราะมองว่าการกระทำของขุนนางถือเป็นการกบฎ หลังจากนั้นริวมะได้ออกเดินทางไปแคว้นเมืองอื่นเพื่อรวบรวมพลพรรคซามูไรล้มล้างโชกุนในยุคสมัยนั้น และทำได้สำเร็จ พร้อมกับได้รับฉายาว่าเป็นวีรบุรุษแห่งชาติ
หลังจากนั้นไม่กี่ปี โชกุนคนดังกล่าวได้กลับมายึดอำนาจคืนด้วยกองกำลังสนับสนุนจากไคโด และริวมะก็ถูกสังหารในช่วงเวลานั้น โดยซามูไรแคว้นคุริของคินเอม่อนได้นำศพและดาบกลับมาฝังที่เมืองเกิด แต่ในเวลาต่อมาก็ถูกโมเลียขโมยศพและดาบออกไป
และในช่วงต้นเดือน ธ.ค. ในปีนี้ คาดว่าเราจะได้ทราบประวัติของริวมะ เนื่องจากเรียวมะเสียชีวิตในวันที่ 10 ธ.ค.
ทั้งนี้ทฤษฎีดังกล่าวเป็นเพียงการคาดเดา อาจมีส่วนที่ถูกหรือไม่ถูกเลยก็มี โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านครับ
ขอบคุณครับ