[SR] พาหัวใจ...ไปเที่ยวชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี

พาหัวใจ...ไปเที่ยวชุมชนทริปนี้ เป็นการรีวิวทริปท่องเที่ยวที่จะไปสัมผัสวิถีการอยู่ร่วมกันของคนกับป่า และชุมชนที่เราจะไปเยี่ยมเยือนก็คือ ชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี ตำบลหนองโรง อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ชุมชนที่เขาว่ากันว่า เป็นชุมชนแห่งการอนุรักษ์ ส่วนที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง คงต้องปล่อยให้การเดินทางวันนี้ หาคำตอบมาให้เราซะแล้วสิ ^^

ก่อนจะเดินทางไปถึงชุมชน ก็คงต้องบอกก่อนว่าเรารู้จักชุมชนนี้ จากงานโอทอป ที่โรบินสันกาญจนบุรี กับเพื่อนที่มาจากกรุงเทพฯ และก็ได้เห็นโบวชัวร์ของชุมชนบ้านห้วยสะพานฯ อ่อๆๆๆ ที่นี่เขามีป่าชุมชน มีวิถีชีวิตที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เพื่อนเรา มันสงสัยว่า ป่าชุมชนกับป่าปกติต่างกันยังไงอ่ะ 5555 เออ!!!ก็จริงของมันนะ เราเองก็ไม่รู้ ก็หัวเราะกันเล่นๆ ไป แต่เรื่องราวยังไม่จบเท่านี้ เพื่อนเรามันอยากลองไปดู ไปเที่ยว ว่ามีอะไรให้ทำบ้าง เราก็หยิบโบวชัวร์ขึ้นมาดู ซึ่งเขาบอกไว้ให้ติดต่อไปที่ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลหนองโรง
มีเบอร์โทรมาให้ 3 คน เราเลือกโทรหา คุณสมพร ปานโต โทร. 081-943 - 2618 พี่สมพรก็สอบถามเราว่าจะมากันวันไหน แล้วก็แนะนำกิจกรรมของชุมชนเยอะแยะมากมายให้เราเลือก พี่สมพรบอกกับเราว่า ปกติแล้วจะมีแพ็คเกจสำหรับ คณะศึกษาดูงาน 30 คนขึ้นไป แต่ถ้าเรามากัน 3-4  คน เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึงขอให้เอาหัวใจมาก็พอแล้ว อิอิ นี่ยังไม่ทันได้ไป ก็ประทับใจแล้วอ่ะ 555



เราเริ่มต้นการเดินทาง จากจุดแลนด์มาร์คของกาญจนบุรี นั่นก็คือ สะพานข้ามแม่น้ำแคว มุ่งหน้าสู่อำเภอพนมทวน ขับรถมาสักพักมองเห็นป้ายป่าชุมชนฯ ก็คิดว่าเราน่าจะใกล้ถึงชุมชนบ้านห้วยสะพานแล้ว ก็โทรหาพี่สมพรอีกสักครั้ง 5555 ไม่ใช่อะไรนะ ไม่รู้จะไปจอดรถตรงไหนดีต่างหาก  ซึ่งพี่สมพรก็นัดให้เราไปเจอกันที่ จุดบริการข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวชุมชน และร้านค้าประชารัฐฯ โดยให้ขับรถเลยแยกไฟแดงหนองโรงไปนิดนึง ขับเลยซุ้มประตูวัด ก็จะมองเห็นอาคารหลังใหญ่ๆ ด้านหน้าตกแต่งสวนหย่อมสวยงามน่ารักเชียวค่ะ

เมื่อมาถึงพี่สมพรก็มาคอยต้อนรับเรา พร้อมกับนั่งคุยแนะนำโปรแกรมการเที่ยวของชุมชนอีกครั้ง เราเลยบอกกับพี่สมพรว่า วันนี้มีเวลาแค่ One Day Trip เท่านั้นนะคะ คงต้องให้พี่สมพรช่วยแนะนำว่านอกจากมาดูป่าชุมชนแล้ว มีอะไรให้เราได้ดู ได้ทำ กันอีกบ้าง

คุยกับพี่สมพรสักพักใหญ่ เราก็เริ่มต้นกันด้วยการไปขึ้นเขาจำศีลก่อนเลย พี่สมพรบอกกับพวกเราว่าที่เขาจำศีลแห่งนี้ มี วัดเขาจำศีล ซึ่งเป็นวัดเก่าสมัยอยุธยาและยังเป็นเส้นทางเดินทัพ สมัยสงคราม 9 ทัพ จากพม่าเพื่อไปกรุงศรีอยุธยา ผ่านวัดเขาจำศีลไปหนองสาหร่าย ดอนเจดีย์ และอุโบสถเก่าของวัดนี้ ยังเป็นอุโบสถมหาอุด คือมีประตูเข้า-ออกเพียงด้านเดียว ปัจจุบันมีการบูรณะปรับปรุงไปบ้างแล้ว และนอกจากนี้ ยังสามารถเดินขึ้นไปชมทัศนียภาพของผืนป่าชุมชนบนยอดเขาจำศีลแห่งนี้ได้ด้วย แต่!!!! ขอบอกว่า บันได 400 กว่าขั้น เราก็จะสู้...เพื่อไปเก็บภาพสวยๆ มาฝากเพื่อนๆด้วยค่ะ




เป็นอย่างไรบ้างค่ะ สวยสมกับการเผาผลาญแคลอรี่ไปประมาณ 2 หมื่นกว่าแคลมั๊ยค่ะ 5555 ถึงจะเหนื่อย หอบ แต่อากาศดี ลมเย็น และสวยมากๆค่ะ เหมือนเรามองเห็นบ้านห้วยสะพานได้ทั้งหมู่บ้านเลย
ไม่เพียงเท่านี้ พี่สมพรแอบกระซิบบอกเราว่า บนเขาแห่งนี้ มี “แม่ย่าสร้อยระย้า” ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพรให้ประสบความสำเร็จสมดั่งปรารถนา โดยคนที่ได้รับพรที่ขอไว้ ก็จะนำไข่ต้มมาไหว้สักการะ จากนั้นก็จะนำไปแจกจ่ายให้กับคนในหมู่บ้าน 555 เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่อ...อย่าลบหลู่ อยากรู้...ต้องมาเองนะจ๊ะ ^^

จากเขาจำศีล พี่สมพรบอกกับเราว่า จะพาเราไปดูวิถีของชุมชน และอาชีพของคนที่นี่สักหน่อย แล้วค่อยปิดท้ายที่ป่าชุมชนจะดีกว่า เพราะที่ป่าชุมชน เราจะได้เดินเล่น ดูนก ดูต้นไม้ แบบสบายๆ ไม่ต้องรีบ พี่สมพรเลยพาเรามาที่ บ้านป้าตุ้ม สานเปลไม้ไผ่ สานงูงับขยับข้อ (ป้องกันนิ้วล็อค)

เข้ามาที่นี่ เราเจอกับป้าตุ้มและลุงมนัส กำลังนั่งสานเปลไม้ไผ่ทั้งเปลเล็กเปลใหญกันอย่างขมักเขม้น


ป้าตุ้มเล่าให้เราฟังว่า ปกติจะสานกันอยู่2 คนตายาย เป็นอาชีพหลัก เว้นแต่ว่าถ้ามีคณะศึกษาดูงานมากันหลานๆคน ป้าตุ้มก็จะต้องรับหน้าที่เป็นวิทยากรบรรยาย และมีลูกมืออีก 5 คน มาช่วยสาธิตการสาน ซึ่งเปลอันใหญ่ ป้าใช้วัตถุดิบจากไม้ไผ่สีสุก ที่มีอยู่ในชุมชนอยู่แล้ว ทั้งที่ปลูกกันตามบ้านและในป่าชุมชน ส่วนเปลเล็กจะใช้ไม้ลวก ซึ่งต้องสั่งซื้อมาจากที่อื่น

ป้าตุ้มยังบอกอีกว่า ป้าเริ่มทำกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 ไม่ได้มีที่นาให้ทำนา ก็มีแต่วิชาที่พ่อฝากไว้ ให้เป็นสมบัติติดตัวมาสร้างอาชีพ โดยช่วงก่อนๆ มีลูกค้าจากประเทศอังกฤษมาสั่งให้ทำเปลใหญ่จำนวนมาก แต่ลุงมนัสทำไม่ไหว เพราะแพ้น้ำยากำจัดมอด จึงเน้นทำขายภายในชุมชน และบางทีก็มีโรงแรมรีสอร์ทมาสั่งซื้อไปตกแต่งสไตล์วิถีไทยกันมาก และที่สำคัญ บ้านพักโฮมสเตย์ในชุมชน ก็ยังสั่งทำไปติดดอกไม้และตกแต่งบ้านพักโฮมสเตย์ในชุมชนอีกด้วย

บ้านป้าตุ้ม เป็นบ้านที่เน้นความเรียบง่าย มีอาชีพแบบพออยู่พอกิน ช่วงหน้าเห็ดโคน ก็จะไปหาเห็ดในป่าชุมชนมาขาย รายได้ก็พอเลี้ยงหลานๆ ได้สบายๆ ถือเป็นวิถีชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ของในหลวง ร.9 อ่อๆ ป้าตุ้มยังพาเราไปดูเตาหุงข้าว unseen ของบ้านป้าตุ้มด้วยนะคะ ปั้นเองกับมือ อายุ 68 ปี แล้ว ไม่เคยซื้อเตาหุงข้าวเลยนะจ๊ะ...จิบอกให้ 555

หลังจากได้ดูวิถีชีวิตพอเพียงของป้าตุ้มแล้ว พี่สมพร ก็พาเราไปดูอีกหนึ่งอาชีพของชุมชน คือการทำข้าวเกรียบสมุนไพรสีรุ้งต่อค่ะ (((สงสัยจะรู้ว่าหิว...พาไปหาของกินซะเลย น่ารักที่ซู๊ดดดด)) 555


พี่สมพรพาเรามาย้อนรอย “ตำนานข้าวเกรียบกุ้งสู่ข้าวเกรียบสมุนไพรสีรุ้ง”
มาเจอพี่อัชราภา (ไม่ได้ถามชื่อเล่นซะด้วยซิ555) พี่เขาบอกกับเราว่า ข้าวเกรียบสมุนไพรสีรุ้งของที่นี่ มีที่มา...เนื่องจากสมัยก่อน คนรุ่นเก่าๆ จะเรียกว่า ข้าวเกรียบกุ้ง แต่ต่อมาใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านประยุกต์เอาพืช ผัก ผลไม้ ดอกไม้ในชุมชน มาทำแทนกุ้ง จนกลายเป็นข้าวเกรียบสีสันสดใสน่ากินพี่อัชราภา ยังบอกอีกว่าการทำข้าวเกรียบสีรุ้งนั้นไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่ายนะ มีทั้งหมด 14 ขั้นตอน แถมยังทำป้ายบอกสูตร บอกกรรมวิธีให้เสร็จสรรพ หากใครสนใจจะลองกลับไปทำทานเองที่บ้านก็ยินดีนะ พวกเราก็เน้นชิมเพลินๆไปค่ะ  5555


ชิมข้าวเกรียบกันเพลินจนหยุดไม่อยู่แล้ว พี่สมพรพาเราแวะมาดูบ้านพักโฮมสเตย์ ที่ตอนนี้ชาวบ้านที่นี่เริ่มทำกันเพิ่มขึ้นหลายหลังแล้ว เพราะมีนักท่องเที่ยวนิยมมากพักกันมากขึ้น พี่สมพรเลยพาเรามาที่บ้านพี่ปราณี ซึ่งพี่ปราณีก็กำลังตกแต่งบ้านพักด้วยเปลไม้ไผ่จากบ้านป้าตุ้มอยู่พอดี



พี่ปราณีบอกกับเราว่า วันที่ 16 ที่จะถึงนี้ จะมีคณะมาพักหลายคน เลยเตรียมทำความสะอาดและตกแต่งไว้รอต้อนรับ จากนั้นก็พาพวกเราเดินไปดูรอบๆบ้านจนมาที่หลังบ้าน พี่ปราณีบอกว่า หลังบ้านจะปลูกสมุนไพร พืชผักสวนครัว ไว้ทำกับข้าวไว้ต้อนรับแขกที่มาพัก ปลอดสารพิษด้วยนะคะ ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปเด็ดลูก มะเม่า หรือ หมากเม่า มาให้เราชิม รสชาติก็จะออกเปรี้ยวๆ หน่อย ก็คล้ายๆ เบอรี่ เม็ดเล็กๆ ประมาณนั้น อิอิ


อยากจะบอกว่า มาที่นี่...แม้ยังไม่ได้ไปถึงป่าชุมชน แต่ก็สัมผัสได้เลยว่าชุมชนที่นี่เขาอยู่กับวิถีพอเพียงและธรรมชาติจริงๆ

ต่อจากนี้ คือ high light ของที่นี่  #ป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานสามัคคี

ที่เราต้องเขียนชื่อเต็มและปิดท้ายด้วยคำว่า “สามัคคี” นั้น เพราะพี่สมพรเล่าให้เราฟังว่า ในอดีตป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มาก ต่อมาในยุคสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการตัดไม้ไปใช้ประโยชน์ในการสร้างที่อยู่อาศัย เชื้อเพลิง รางรถไฟ และหมอนรางรถไฟ หลังจากสงครามหมดไป มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาจับจองพื้นที่ภายในชุมชน จึงทำให้เกิดการบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อทำไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังกันมาก ต่อมาในปี 2517 ชาวบ้านได้ร่วมมือร่วมใจสามัคคีกันทวงคืนผืนป่าโดยการปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่ป่าให้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง และช่วยกันบริหารจัดการป่า ตามแนวพระราชดำริ ของในหลวง ร.9 คือแนวคิด การปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง จนปัจจุบัน ผืนป่าชุมชนบ้านห้วยสะพานแห่งนี้ มีผลผลิตจากป่าให้ชาวบ้านสามารถทำมาหากินได้ เช่น การหาเห็ดและเก็บสมุนไพร อีกด้วย โอ้โห้!!! 👏🏼ต้องปรบมือ ให้กับความรักและความสามัคคีของคนที่นี่ค่ะ เข้าใจแล้วจิงๆ ว่า ป่าชุมชนคืออะไร คำว่า “ป่า” ไม่น่ากลัวในความคิดอีกต่อไป แต่หากคนปรับวิถีเปลี่ยนความคิดให้อยู่กับป่าได้นั้น ความสุขอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ ค่ะ


เรากับเพื่อน ขอเดินเล่น ถ่ายรูปเล่นกันต่อสักพัก พี่สมพรเลยบอกว่า วันนี้คงจะเหนื่อยกันแล้ว ไว้โอกาสหน้ามาใหม่ แนะนำให้มาช่วงเดือน ก.พ. - พ.ค. แล้วจะพาไปควักลูกตาลกินกันสดๆ ที่ใต้ต้น ไปทำขนมจากลูกตาล จาวตาล น้ำตาลสด กินขนมตาลให้สนุกและฟินกว่านี้แน่นอนนนนน
โอ้ยยยย!!!! พูดไว้ขนาดนี้ ต้นปีหน้าเจอกันใหม่นะคะ บ้านห้วยสะพานสามัคคี 555



ทริปนี้ ต้องขอบคุณความขี้สงสัยของเพื่อนจริงๆค่ะ ที่อยากรู้อยากเห็นป่าชุมชน จนทำให้เราได้มีโอกาสมาสัมผัสวิถีชีวิตพอเพียงที่พอได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับป่า แล้วมันปริ่มหัวใจจริงๆ งั้นเราต้องขอปิดด้วยคำว่า “ขอบคุณวิถีคนกับป่า...ที่ทำให้รู้ว่า พอเพียง มีคุณค่าและสร้างความสุขให้เรามากแค่ไหน”
แล้วพบกันใหม่ฤดูลูกตาลนะคะ 55555

สนใจมาเรียนรู้วิถีคนกับป่าติดต่อ...
ชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลหนองโรง คุณสมพร 081-9432618 /คุณนิราศ 089-0879204
ชื่อสินค้า:   ท่องเที่ยวโดยชุมชน
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้าหรือบริการมาใช้รีวิวฟรี โดยไม่ต้องคืนสินค้าหรือบริการนั้น
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างแต่ได้รับผลประโยชน์อย่างอื่น เช่น บัตรกำนัล ค่าเดินทางตามจริง

    ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ได้รับการสนับสนุนค่าเดินทาง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่