เล็บครุฑ 2018 การก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าวในความรู้สึกคนดูคนนึง

กระทู้สนทนา
อดเขียนไม่ได้อีกแล้ว สำหรับละครบู๊ที่เพิ่งจบไปอย่าง "เล็บครุฑ" ที่ส่วนตัวเราติดตามมาตลอดเกือบทุกตอน พร้อมๆกับแฟนละครในกระทู้รายงานสด อยู่ด้วยกันมาหลายสัปดาห์เลยเนอะ พอถึงเวลาแยกย้าย ก็ขอเขียนอะไรส่งท้ายซักหน่อย

"เล็บครุฑ" เอาพล็อตเรื่องมาจากบทประพันธ์ชื่อเดียวกันของคุณพนมเทียน ที่ถือว่าเป็นนักประพันธ์ชั้นครู ว่ากันว่าละครที่ทำออกมา ต่างจากนิยายในหลายๆจุด ตัวนิยายเองมีคนอ่านเยอะและถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์กับละครมาบ้างแล้วก่อนหน้านี้ ก็เลยได้เห็นว่ามีผู้คนคาดหวังอะไรหลายๆอย่างเยอะพอสมควร และเมื่อได้ดูแล้ว ก็ได้เห็นว่ามีคนผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่คนที่มีความสุขที่ได้ดู ก็มีเหมือนกัน เราเป็นหนึ่งในพวกหลัง แต่ก็พอเข้าใจกลุ่มคนพวกแรกในบางประเด็นได้อยู่บ้างเหมือนกัน

ประเด็นที่ได้เห็น ก็อย่างเช่น ความยิ่งใหญ่อลังการที่ว่ากันว่าในละครมีไม่ค่อยเท่าไหร่ ระดับนึงข้อหานี้ถูกแก้ต่างให้เป็นความผิดที่ร้ายแรงน้อยลงไป(แต่ไม่หมดซะทีเดียว)ด้วยเหตุผลอย่างน้อยๆสองข้อ คือ ทุนสร้างที่มีจำกัด และการปรับบทให้เป็นยุคปัจจุบัน ที่คนร้ายไม่สามารถจะอยู่อย่างยิ่งใหญ่ได้โดยที่ตำรวจไม่ทำอะไรเลย ส่วนตัวเราไม่เคยอ่านเล็บครุฑ ได้อ่านแต่เพชรพระอุมา แต่ก็รู้สึกได้เหมือนกันนะว่าจินตนาการของนักเขียนท่านนี้เดินไปไกลจริงๆ เรื่องอะไรที่ท่านรู้ ท่านต่อยอดไปได้อีกมากๆเลย แล้วคนอ่านก็ชอบซะด้วยสิ เล็บครุฑเอง แค่ภารกิจโค่นจางซูเหลียงเท่านี้ก็สองภาคแล้ว ผู้ชายแก่ๆคนเดียวทำไมทำอะไรได้เยอะแยะขนาดนั้น หรืออาจจะพูดว่านิยายท่านเหมือนของฝรั่ง แต่ใช้บริบทไทยแทน ก็เป็นการแทนกันที่เนียนพอดู การเอามาทำเป็นละครไทยมันเลยมีความเสี่ยงที่จะถูกด่าค่อนข้างเยอะ

เราถึงคิดว่าการตัดสินใจทำเล็บครุฑ หรือแม้แต่เพชรพระอุมา(ถ้าจะทำ) เป็นละคร มันคือการที่ต้องก้าวไปข้างหน้า ไปจากการทำละครโดยใช้พล็อตง่ายๆอื่นๆ เพื่อเจอกับอะไรใหม่หลายอย่างที่ไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือร้าย

ทีนี้มาดูว่าก้าวไปแล้วเจออะไร

1. ศูนย์กลางของเรื่อง คือคมน์ สรคุปต์ ที่ปลอมตัวเป็นโจรชื่อ ชีพ ชูใจ เอ้ย ชูชัย แสดงโดยซี ศิวัฒน์ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ชีพ ในนิยายได้ยินมาว่าเจ้าชู้ สาวเยอะ ถ้าให้เดา มันน่าจะเป็นเหมือนคติสายลับฝรั่งแบบ เจมส์ บอนด์ 007 ที่มีสาวๆมาเสริมบารมี แต่งานนี้พี่ซีคงจะเป็นคนตัดสินใจเปลี่ยนบทให้ชีพเป็นคนรักเดียวใจเดียวเอง ประโยชน์อย่างนึงคือกองละครไม่ต้องจ้างสาวเยอะ เสียเงินเปล่า แต่มีสิ่งที่บางทีเราอาจจะสังเกต ละครค่ายนี้เน้นบู๊บวกดราม่า ใครที่เป็นแฟนอยู่แล้วรู้ดี คนที่เก่งบู๊อยู่แล้วด้วยอย่างพี่ซี จึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเอาสาวมาเดินเล่นให้เกะกะลูกตา(ขอโทษคุณผู้ชายด้วยค่ะ 55) แต่พี่ซีครั้งนี้เสนอคติสายลับแบบใหม่ให้ เดิมทีก็เป็นคมน์ นายทหารหนุ่มผู้น่ารัก ติดแม่และแสนจะธรรมดาคนนึง ที่อยู่ดีๆก็ต้องมาเป็นชีพ โจรลูกร้กของจางซูเหลียง หัวหน้าสมาคมลับที่คิดจะยึดโลก ถึงแม้คมน์จะบอกในตอนแรกว่า ความเป็นคมน์จะค่อยๆหายไปจากตัวเค้า แต่ถามว่าแล้วชีพล่ะ จริงๆแล้วชีพเป็นใคร ตัวตนของชีพแต่เดิมแตกต่างจากตัวตนของคมน์แค่ไหน สิ่งที่เรารู้จากละคร น้องหมาที่ชีพเคยเมตตา และไอหมูที่ชีพเคยช่วยชีวิตจนกระทั่งมันกลายมาเป็นลูกมือคนสำคัญของคมน์ในร่างชีพ มีความหมายว่ายังไง บางที ชีพก็คงจะเป็นแค่โจรธรรมดาๆที่มุ่งหวังเรื่องดีๆ ไม่ต่างจากคมน์หรอก ความต่างมีแค่ว่าอะไรคือสิ่งที่สองคนรับรู้มาว่าเป็นสิ่งที่ดี? (ถึงตรงนี้ถ้ายังนึกไม่ออกว่าคนอย่างชีพจะมุ่งหวังอะไรได้ ลองนึกถึงสิงห์ ก็ได้ ที่ว่าลงท้ายอยากไปจากจางซูเหลียงไปอยู่ป่า อะไรเทือกนั้น)
นอกจากนี้แล้วความใหม่อีกอย่างที่เราได้เห็นในการแสดงของพี่ซีครั้งนี้คือ ชีพมันต่างจากคมน์นิดนึงตรงที่มัน"หยาบ"กว่า พี่ซีเรื่องอื่นๆที่ผ่านมาคือพระเอกที่สุภาพที่สุดในความรู้สึกเรา แบบคมน์อ่ะแหละ แต่มางานนี้ทิ้งความสุภาพความสะอาดตรงนั้นไปเลย เล่นเป็นชีพที่มีความหยาบอยู่ได้แบบที่เราก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็น คือไม่ใช่คนที่เลวโดยสันดาน แต่เป็นเหมือนคนที่ไม่ได้รับการสั่งสอนในเรื่อง manner เอาจริงๆ คือเราไม่เคยเชื่อว่าพี่ซีจะเล่นบทนี้ได้ แต่พี่เล่นได้ว่ะ อันนี้สำหรับเราถือเป็นอีกระดับของการแสดงที่มันสูงขึ้นไปของพี่ซี ที่ซึ่งเราตามดูเค้าตลอดมา 555

2. เนื้อเรื่องซับซ้อน ตัวละครเยอะแยะ นี่ขนาดเปลี่ยนบทให้เป็นปัจจุบัน ตัดตัวละครที่เคยมีในนิยายออกไปเยอะแล้วนะ! พูดถึงละครไทยที่เป็นแนวสายลับ ถึงแม้ว่าเราจะดูละครบู๊ (เราจัดละครสายลับไว้ในนี้ด้วย) บ่อย แต่เราก็ไม่ค่อยได้เห็นพล็อตเรื่องที่มันซับซ้อนเท่านี้บ่อยนะ บู๊จะแนวไหนได้บ้าง ผจญภัยตามหาของในป่า เป็นตำรวจกับโจรยิงกันในเมืองเปิดโปงความชั่วคนใหญ่คนโต เจ้าพ่อแก๊งต่างๆโค่นล้มกัน แย่งของสำคัญกันไปมาๆ สายลับก็มี เราคงนึกถึงเรื่องนี้มั้ง -- จารชนยอดรัก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หรือแม้แต่ไตรภาคจิตสังหาร ชุดนั้นก็ตัวละครเยอะ ถึงแม้ว่าคนสร้างพล็อตก็ไม่เชิงจะนักเขียนก็เถอะ แล้วนี่เล็บครุฑเป็นนิยายที่คนเขียนไม่แคร์ความยาวเลย นอกจากตัวละครเยอะ ก็ยังผูกปมให้มันซับซ้อนเท่าที่ใจต้องการไปซะอีก ความซับซ้อนตรงนี้เป็นของคนสร้างนิยายซึ่งเค้าไม่รู้อยู่แล้วว่าจะเอามาทำเป็นละครมั้ย เมื่อไหร่ เค้าก็ไม่ต้องแคร์ความเป็นละครอยู่แล้ว ได้ข่าวว่าเรื่องเล็บครุฑนี้มาจากประสบการณ์จริงซะด้วย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้เหมือนอย่างละคร พอตัดสินใจทำเป็นละคร มันเลยเป็นการที่ต้องก้าวออกมาจากพื้นที่ที่เคยอยู่ การกระทำต่างๆที่เคยควบคุมได้ ของการทำละคร และไม่ใช่แค่คนทำละคร คนดูก็ด้วย พล็อตเรื่องนี้สำหรับคนที่ง่ายมันก็ง่าย แต่สำหรับบางคนมันก็ไม่ได้ง่าย ถึงแม้ว่าบางคนจะตามดูตลอด แต่ก็ยังมีเลย จุดที่ไม่เข้าใจว่าทำไมอันนั้นเป็นงั้น อันนี้เป็นงี้ ต้องอาศัยการนึกย้อนกลับไปในบางเหตุการณ์เพื่อตอบข้อสงสัย อะไรอีกที่คุมไม่ได้ จำนวนคนที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องไง มีบางคนบ่นว่าตัวละครเยอะไป บางตัวก็ไม่จำเป็น บางทีก็ไม่แน่ อย่างทีมตำรวจ ก็ต้องมี สารวัตรกริชทำงานคนเดียวเก่งคนเดียว เป็นไปไม่ได้หรอก เรื่องความรักกุ๊กกิ๊ก ก็มีบ้าง พอให้ได้เห็นอีกมุมนึงของแต่ละชีวิตในละคร ให้มันดูสมจริงหน่อย ฝั่งผู้ร้าย เราว่ามีคนน้อยไปหน่อยด้วยซ้ำ บ้านลุงจางไม่ค่อยเห็นคนเฝ้า แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องงบอีกเช่นกัน ฝั่งคัสตาฟา ฝั่งพวกแก๊งมาเฟียข้ามชาติ ควรเยอะกว่านี้อีก ... แต่แค่นี้ก็งงจะแย่แล้ว คนเทก็เยอะเหมือนกัน แล้วกว่าจะเวียนให้เห็นทุกคนเล่นให้ครบ เพื่อไขข้อสงสัยทุกอย่างให้หมด สิบแปดตอน ไม่ใช่ความยาวใหม่ แต่เป็นความยาวที่เสี่ยงต่อการถูกเทถึงแม้ว่ามันจะเป็นความยาวที่จำเป็น แต่มันก็จำเป็นที่จะต้องเล่นให้เรื่องมันจบ ไม่ค้างคา
แต่เห็นเรตติ้งค่อนข้างคงที่ แค่นี้ก็ดีใจแทนแล้ว

3. ซีจีและความแฟนตาซีบางอย่าง โอเค เรื่องซีจีมันอาจจะไม่เนียนมาก แต่มันก็มีเหตุผลอย่างที่หลายคนรู้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้เห็นแล้วว่าเอามาใช้แล้วเป็นยังไง คนดูรู้สึกยังไง สำหรับเรา ยอมรับได้ระดับนึงเพราะมันไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ความแฟนตาซีก็เช่นกัน ในฉากสุดท้ายที่คลื่นถูกยิงสู่ท้องฟ้า แล้วทีมตัวเอกก็มาพยายามจะหยุดการทำงาน มันเหมือนเด็กๆรวมทีมกู้โลก หรือเหมือนอเวนเจอร์ ความแฟนตาซีทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเด็กไม่เว้นแม้แต่หนังฝรั่ง เล็บครุฑก็เช่นกัน จริงๆแล้วฉากที่มีความแฟนตาซีผสม ในเล็บครุฑ ฉากก่อนๆนี้ก็มีมาแล้ว มันทำให้รู้สึกเลยว่ามีกับไม่มี มันต่างกันมาก เรื่องนี้อาจไม่ใช่เรื่องใหม่แต่คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้พบเจอบ่อย ความคาดหวังว่าถึงมีแฟนตาซีแล้วทุกอย่างจะยังดูเท่ดูคูล มันไม่ใช่ ขอได้รับคำเตือนเอาไว้เตรียมใจกับการดูละครเรื่องต่อๆไป บางทีเราอาจจะคาดหวังน้อยลงและดูละครสนุกขึ้น หรือบางที ผู้จัดละครอาจจะมองเห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้และเอาไปพัฒนาให้มันดูเท่ดูคูลขึ้นก็ได้

สรุป คือเราเองก็ไม่กล้าพูดหรอกว่าละครเรื่องนี้สมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะในสายตาคนทั่วไปที่ไม่ใช่แฟนไนน์บีเวอร์แล้วไม่รู้ว่าเค้าเน้นบู๊กับดราม่า ก็อาจจะรู้สึกว่านั่งดูอยู่แล้วไม่สนิทใจ แต่เราอาจจะโชคดีที่บังเอิญรู้อยู่บ้างแล้วว่าคาดหวังอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม หลายๆอย่างในละครก็เป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะได้ดู จึงถือว่าเป็นกำไร ทั้งๆที่มันเป็นการทำงานที่ออกนอกพื้นที่เก่าๆไปมากอย่างที่บอกไว้ข้างบน แต่ก็ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนที่สำหรับเราแล้วมันสนุกจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่