จขกท. มีลูก ชาย 2 คนค่ะ คนโต 8 ขวบ คนเล็ก 3.6 ขวบ
เราให้คนพี่เรียนพิเศษ เป็นกีฬาชนิดนึง และดนตรีอีกคลาสนึง
ตั้งแต่ สามขวบกว่าๆ
ตอนเริ่มเข้าอนุบาล เค้าค่อนข้าง เป็นเด็กสมาธิสั้น
ไม่ถึงขั้นต้องรักษาหรือกินยา เพียงแต่ต้องปรับพฤติกรรม
โชคร้ายที่ 1 ลูกเจอครูที่ไม่มีความใส่ใจในลูกเนาเลย
เราคิดน้อยไปเรื่องโรงเรียน เราคิดว่าแค่ว่า
หลานๆเรียนที่นี่ โอเค โรงเรียนมีชื่อเสียง ค่าเทอมแพง
ก็เลยคิดว่าจะดี ปรากฏว่าครูคนนั้นใส่ใจแต่เด็กที่ ผปค.
มีของฝาก ส่วนเด็กอื่นๆ จะสั่งให้นั่งเงียบๆ ลูกเราก็นั่งค่ะ
นั่งเงียบๆ วันๆนึง ไม่มีเรื่องอะไรกลับมาเล่าให้ฟัง
ถามครูกี่ทีก็ ปกติค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ จนลูกกลายเป็นเด็ก
ขี้อาย พูดไม่เต็มเสียง จนถึงขั้นเรียงลำดับคำพูดไม่เป็น
เราเองก็ประมาทเกินไป เลี้ยงลูกไม่เป็น คิดไม่เป็นเลย
นั่งตามน้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง จบ. อ.1 ย้ายมาเรียนแผนกภาษาอังกฤษ ตอน อ.2 เปลี่ยนครูใหม่ก็ดีขึ้น
แต่ลูกสูญเสียความมั่นใจไปแล้ว ดึงกลับมายากมาก
ด้านเรียนดนตรี....แรกๆ มันดีมาก ลูกมีความมั่นใจ มากขึ้น
ทำได้ดี มีกลับมาซ้อมที่บ้าน เรียนตั้งแต่สี่ขวบกว่า
จนตอนนี้ แต่หลังๆ ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง เพราะติดกีฬา
ด้านกีฬา....ลูกอยากเรียนกีฬานี้ครั้งแรกเพราะชุดหล่อ!!
พอไปสมัครเรียน ก็เรียนมาเรื่อยๆ นักกีฬาที่นี่เก่งมาก
ติดทีมชาติ ได้แชมป์ประเทศ เอเชีย โลก
ได้เรียนห้องโควต้านักกีฬา ดูเหมือนจะดีนะคะ
แต่ในมุมของเด็ก 6ขวบ ที่ต้องซ้อมจนเที่ยงคืน
มีแข่งทุกเดือน บางทีทุกอาทิตย์ ไปเรียนกีฬาทุกเย็น จันทร์ พุธ ศุกร์ หลังเลิกเรียน ส่วนเสาร์อาทิตย์
บางที ทั้งวัน ถ้าไปแข่ง ต้องออกจากบ้านตีห้า
กลับถึงบ้านสี่ทุ่ม ลูกแทบไม่มีวันเที่ยว เสาร์อาทิตย์
เป็นวันซ้อม วันแข่ง โดนตีจนก้นลาย ช้ำเขียว
นอนผวาละเมอ ในตอนนั้น คนเป็นแม่ เห็นดีเห็นงาม
ลูกขอเลิกเรียน คิดว่าลูกงอแงเพราะลูกแค่เหนื่อย
ทั้งผลักทั้งดัน เข็ญกันไป ใครทักใครเตือนก็ไม่ฟัง
อยากให้ลูกแกร่ง อยากฝึกความอดทน...แต่ลืมมอง
ว่าลูกเรา...8 ขวบ!!!...ในด้านของลูก ลูกเหนื่อยเหลือเกิน
ในด้านของแม่ ก็เหนื่อยไม่แพ้กันบนเส้นทางสายนี้
ค่าใช้จ่าย ไม่น้อยเลย เดี๋ยวแข่ง เดี๋ยวซ้อม เดี๋ยวชุด
อุปกรณ์กีฬา ค่าสังคม นู่นนี่ ซื้อของกิน
บำรุงลูก ค่าเดินทาง งานการไม่ได้ทำ เวลาซ้อมเลิก
ไม่เป็นเวลา นั่งเฝ้ากันทั้งวัน ขับรถทั้งวัน เคยขับรถ
คนเดียวไปเชียงใหม่ก็เคยมาแล้ว (ลูกไปกับรถนักกีฬา)
สังคมผปค. ที่นั่นแย่มาก แก่งแย่งชิงดี แทงกันยับ
ใครอย่าเผลอพูดผิดหู พูดเล่นพูดจริง มีเรื่องได้หมด
นินทากันแบบเผาขน กัดแขวะ จนเราประสาทเสีย
ยิ่งอยู่กับคนพวกนี้ เรายิ่งเป็นโรคซึมเศร้า
ตอนหลังๆลูกเริ่มโตไม่ต้องเฝ้า ก็วนรถส่งบ้าง สภาพจิตใจ
เราก็ดีขึ้นบ้าง..... คนรอบตัว..ถามว่าทนทำไม...
ใช่สิ ทนทำไม????
ตอนนี้ ปัญหาเริ่มชัดเจน ขึ้น
1. ลูกไม่มีความรับผิดชอบต่อการบ้านเลย....เพราะลูก
เหนื่อย และเวลาน้อยกว่าคนอื่น ในขณะที่คนอื่นทำ
การบ้านกัน ลูกต้องไปเรียนกีฬา กลับถึงบ้าน สองสามทุ่ม
กว่าจะกินข้าวอาบน้ำ...... ลูกก็ขี้เกียจทำการบ้าน
ขี้เกียจจัดตารางสอน บางวันมาจัดตอนเช้า แล้วพบว่า
การบ้านไม่ได้ทำก็มี
2. ลูก โหยหาเกมมือถือมาก พอขึ้นรถปุ๊บ เปิดมือถือทันที
และไม่คุยกับแม่เลย ถึงขั้นบางครั้ง ถามว่าจะกินอะไร
ก็เงียบ คิดก่อน แล้วก็ลืมตอบ หลายๆครั้งก็งอนว่า
ลูกไม่คุยด้วย
3. ลูกไม่มีความเรียบร้อยเลย ถุงเท้า เสื้อผ้า ถอดทิ้ง
ในรถไม่เก็บ ขยะถุงของกินก็ทิ้งเกลื่อนในรถ ไม่เคย
ช่วยเก็บ ไม่เคยช่วยถือของลงจากรถ
4. ในด้านความรับผิดชอบต่อตัวเองก็ไม่มี ถ้าไม่คอยบอก
ว่าเวลานี้ต้องกินข้าว อาบน้ำ จัดตารางสอน กินนม กินยา
ทุกสิ่งทุกอย่างแม่ต้องคอยบอก
มาถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกแล้วว่า เราเลี้ยงลูกผิดหรือป่าว
จะแก้ไขยังดี....จากนี้ต่อไป เราจะต้องทำยังไง
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ
ขอคำแนะนำเลี้ยงลูกหน่อยค่ะ ลูก 8 ขวบ
เราให้คนพี่เรียนพิเศษ เป็นกีฬาชนิดนึง และดนตรีอีกคลาสนึง
ตั้งแต่ สามขวบกว่าๆ
ตอนเริ่มเข้าอนุบาล เค้าค่อนข้าง เป็นเด็กสมาธิสั้น
ไม่ถึงขั้นต้องรักษาหรือกินยา เพียงแต่ต้องปรับพฤติกรรม
โชคร้ายที่ 1 ลูกเจอครูที่ไม่มีความใส่ใจในลูกเนาเลย
เราคิดน้อยไปเรื่องโรงเรียน เราคิดว่าแค่ว่า
หลานๆเรียนที่นี่ โอเค โรงเรียนมีชื่อเสียง ค่าเทอมแพง
ก็เลยคิดว่าจะดี ปรากฏว่าครูคนนั้นใส่ใจแต่เด็กที่ ผปค.
มีของฝาก ส่วนเด็กอื่นๆ จะสั่งให้นั่งเงียบๆ ลูกเราก็นั่งค่ะ
นั่งเงียบๆ วันๆนึง ไม่มีเรื่องอะไรกลับมาเล่าให้ฟัง
ถามครูกี่ทีก็ ปกติค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ จนลูกกลายเป็นเด็ก
ขี้อาย พูดไม่เต็มเสียง จนถึงขั้นเรียงลำดับคำพูดไม่เป็น
เราเองก็ประมาทเกินไป เลี้ยงลูกไม่เป็น คิดไม่เป็นเลย
นั่งตามน้ำไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง จบ. อ.1 ย้ายมาเรียนแผนกภาษาอังกฤษ ตอน อ.2 เปลี่ยนครูใหม่ก็ดีขึ้น
แต่ลูกสูญเสียความมั่นใจไปแล้ว ดึงกลับมายากมาก
ด้านเรียนดนตรี....แรกๆ มันดีมาก ลูกมีความมั่นใจ มากขึ้น
ทำได้ดี มีกลับมาซ้อมที่บ้าน เรียนตั้งแต่สี่ขวบกว่า
จนตอนนี้ แต่หลังๆ ไปบ้าง ไม่ไปบ้าง เพราะติดกีฬา
ด้านกีฬา....ลูกอยากเรียนกีฬานี้ครั้งแรกเพราะชุดหล่อ!!
พอไปสมัครเรียน ก็เรียนมาเรื่อยๆ นักกีฬาที่นี่เก่งมาก
ติดทีมชาติ ได้แชมป์ประเทศ เอเชีย โลก
ได้เรียนห้องโควต้านักกีฬา ดูเหมือนจะดีนะคะ
แต่ในมุมของเด็ก 6ขวบ ที่ต้องซ้อมจนเที่ยงคืน
มีแข่งทุกเดือน บางทีทุกอาทิตย์ ไปเรียนกีฬาทุกเย็น จันทร์ พุธ ศุกร์ หลังเลิกเรียน ส่วนเสาร์อาทิตย์
บางที ทั้งวัน ถ้าไปแข่ง ต้องออกจากบ้านตีห้า
กลับถึงบ้านสี่ทุ่ม ลูกแทบไม่มีวันเที่ยว เสาร์อาทิตย์
เป็นวันซ้อม วันแข่ง โดนตีจนก้นลาย ช้ำเขียว
นอนผวาละเมอ ในตอนนั้น คนเป็นแม่ เห็นดีเห็นงาม
ลูกขอเลิกเรียน คิดว่าลูกงอแงเพราะลูกแค่เหนื่อย
ทั้งผลักทั้งดัน เข็ญกันไป ใครทักใครเตือนก็ไม่ฟัง
อยากให้ลูกแกร่ง อยากฝึกความอดทน...แต่ลืมมอง
ว่าลูกเรา...8 ขวบ!!!...ในด้านของลูก ลูกเหนื่อยเหลือเกิน
ในด้านของแม่ ก็เหนื่อยไม่แพ้กันบนเส้นทางสายนี้
ค่าใช้จ่าย ไม่น้อยเลย เดี๋ยวแข่ง เดี๋ยวซ้อม เดี๋ยวชุด
อุปกรณ์กีฬา ค่าสังคม นู่นนี่ ซื้อของกิน
บำรุงลูก ค่าเดินทาง งานการไม่ได้ทำ เวลาซ้อมเลิก
ไม่เป็นเวลา นั่งเฝ้ากันทั้งวัน ขับรถทั้งวัน เคยขับรถ
คนเดียวไปเชียงใหม่ก็เคยมาแล้ว (ลูกไปกับรถนักกีฬา)
สังคมผปค. ที่นั่นแย่มาก แก่งแย่งชิงดี แทงกันยับ
ใครอย่าเผลอพูดผิดหู พูดเล่นพูดจริง มีเรื่องได้หมด
นินทากันแบบเผาขน กัดแขวะ จนเราประสาทเสีย
ยิ่งอยู่กับคนพวกนี้ เรายิ่งเป็นโรคซึมเศร้า
ตอนหลังๆลูกเริ่มโตไม่ต้องเฝ้า ก็วนรถส่งบ้าง สภาพจิตใจ
เราก็ดีขึ้นบ้าง..... คนรอบตัว..ถามว่าทนทำไม...
ใช่สิ ทนทำไม????
ตอนนี้ ปัญหาเริ่มชัดเจน ขึ้น
1. ลูกไม่มีความรับผิดชอบต่อการบ้านเลย....เพราะลูก
เหนื่อย และเวลาน้อยกว่าคนอื่น ในขณะที่คนอื่นทำ
การบ้านกัน ลูกต้องไปเรียนกีฬา กลับถึงบ้าน สองสามทุ่ม
กว่าจะกินข้าวอาบน้ำ...... ลูกก็ขี้เกียจทำการบ้าน
ขี้เกียจจัดตารางสอน บางวันมาจัดตอนเช้า แล้วพบว่า
การบ้านไม่ได้ทำก็มี
2. ลูก โหยหาเกมมือถือมาก พอขึ้นรถปุ๊บ เปิดมือถือทันที
และไม่คุยกับแม่เลย ถึงขั้นบางครั้ง ถามว่าจะกินอะไร
ก็เงียบ คิดก่อน แล้วก็ลืมตอบ หลายๆครั้งก็งอนว่า
ลูกไม่คุยด้วย
3. ลูกไม่มีความเรียบร้อยเลย ถุงเท้า เสื้อผ้า ถอดทิ้ง
ในรถไม่เก็บ ขยะถุงของกินก็ทิ้งเกลื่อนในรถ ไม่เคย
ช่วยเก็บ ไม่เคยช่วยถือของลงจากรถ
4. ในด้านความรับผิดชอบต่อตัวเองก็ไม่มี ถ้าไม่คอยบอก
ว่าเวลานี้ต้องกินข้าว อาบน้ำ จัดตารางสอน กินนม กินยา
ทุกสิ่งทุกอย่างแม่ต้องคอยบอก
มาถึงตอนนี้ เริ่มรู้สึกแล้วว่า เราเลี้ยงลูกผิดหรือป่าว
จะแก้ไขยังดี....จากนี้ต่อไป เราจะต้องทำยังไง
ขอคำแนะนำด้วยค่ะ