คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ปล. ขอขอบพระคุณ ท่านผู้รู้ทุกท่านที่ได้ให้คำแนะนำทั้งในโพสและหลังไมค์ เป็นครั้งแรกที่ได้ความรู้เรื่องกฎหมาย จากการประสบเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่เกิดกับตัว คงยังไม่รู้ เพราะคำแนะนำของทุกคนจึงทำให้เราจบคดีนี้ได้ค่ะ ขอบคุณจากใจจริงๆ
เรื่องนี้ขอตั้งชื่อว่า เลือดจาง...คนข้น จบไปเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2561
หลังจากที่ทางตำรวจได้จับกุมตัวน้อง ป. เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2561 ในกรุงเทพฯ เราเข้าไปพูดคุยกับนาง ถามเหตุผลที่หลอกลวงทุกคนเพื่อไร แต่นางไร้ซึ่งสำนึกผิด ทำตัวปกติมากก็พูดว่าหลอกแล้วไง แถมมองชั้นด้วยตาขวางประมาณว่า ถ้ากูหลุดจากคุกเมื่อไหร่ ไม่รอดแน่ นางเหมือนไม่แคร์การกระทำที่ผ่านมา เราจึงถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจต่างๆแล้วเดินออกมา และวันถัดมา 12 กันยายน ตำรวจกรุงเทพฯได้นำตัวไปส่งสน.ในจังหวัดที่เกิดเหตุ ในเวลานั้น นางได้คุยกับยายสร้างเรื่องแถใหม่ นำแมงดาให้ช่วยพูดกับยาย และแม่มาหว่านล้อมต่างๆ เพื่อให้ยายไม่ให้นางติดคุก เราพยายามติดต่อยายตลอด มากกว่า 10 รอบ บอกยายว่าห้ามเซ็นยอมความต่างๆ หากยังไม่ได้ทรัพย์สินคืนทั้งหมด ยายบอกรับปากจะไม่เซ็น แม้มันจะบอกว่าตอนนี้มีให้ 300,000 บาทเบื้องต้นก่อนก็ตาม
แต่โชคร้ายหรือโชคดีไม่รู้ วันที่ 13 กันยายน 2561 ตื่นนอนมาก็รีบโทรหายาย แต่ยายปิดเครื่อง โทรอีกเบอร์ก็ไม่มีคนรับสาย กระวนกระวายใจมาก สังหรณ์ใจว่าต้องมีไรไม่ชอบมาพากล ตัดสินใจโทรหาแม่ เราก็บอกให้แม่มีสติ อย่าหลงกลน้องป. แต่แม่ก็จะไปช่วยนาง ซึ่งแม่แท้ๆตัดสินใจช่วยเพราะผลประโยชน์ทางการเงินกับน้องป. จนกระทั่ง ช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเศษๆ ยายเป็นฝ่ายโทรมาหาเรา และบอกว่ายายเซ็นยอมความละ และยังสั่งว่าให้เราและน้องสาวอีกคน อย่าไปยุ่งกับน้องป. ไม่ต้องไปไลน์ถามคนที่น้องป.เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเค้ารับประกันว่าหลังออกมาจากคุก จะไม่ทำอันตรายใดๆเรา (เราไม่เชื่อใจเลย หากวันนึงที่เราเป็นอะไร คนที่ทำให้เราตายคืออีน้องป.เนี่ยแหละค่ะ เผื่ออนาคตนางจะจ้างคนมาเก็บเรา หลังจากเรื่องซาลงแล้ว เพราะเราคือคนที่รู้ความลับของนางตั้งแต่เกิด) สรุปสั้นๆง่ายๆ คือ วันนั้นยายเซ็นยอมความ ห้ามเรายุ่งกับป. และป.จะไม่มายุ่งกับเรา ถ้ามายุ่งให้แม่เข้าคุกแทน ประมาณนั้น เอกสารลงบันทึกประจำวันไรเราก็ไม่เห็น เพราะเค้าเป็นฝ่ายโทรหาเราอย่างเดียว เราก็ทำงานอยู่กทม. ไม่ได้ขึ้นไปค่ะ หลังจากที่รู้เรื่องว่าเซ็นแล้ว เรานำ้ตาไหลเลยค่ะ แล้วบอกยายว่าขอตั้งสติก่อน เดี๋ยวโทรกลับ
พอตั้งสติได้ เราโทรกลับไปหายายเพื่อไปลาครั้งสุดท้าย เราโทรไปบอกว่า ที่ผ่านมาถือว่าได้พิสูจน์แล้วว่า เราไม่เคยใช้เงินของยายแม้แต่บาทเดียว ถือว่าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้ทุกคนได้รับรู้ ต่อไปนี้เราคงไม่ได้ไปดูแลยาย คงให้เป็นทางแม่และน้องป. เป็นฝ่ายดูแลยายละกันในเมื่อยายเป็นฝ่ายเลือกเค้า เราจะไม่เข้าไปยุ่งต่อจากนี้ ส่วนยายก็ไม่ต้องติดต่อเรามาอีกนับแต่บัดนี้ เป็นต้นไป มือถือที่เราซื้อให้เพื่อให้ติดต่อสื่อสาร สอนวิธีโทรไลน์ให้เค้าทันคนภายนอก หรือค่าตำรวจทั้งสองฝั่งที่เราจ่ายไป ถือว่าให้ฟรี ไม่ต้องมาจ่ายเงินเรา เราถือว่าเราให้ ไม่ได้หวังว่าจะมาเอาไร ก็ขอจบความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ เราก็จะไม่ยุ่งกะน้องป. แม่และยายอีกค่ะ แล้วเราก็วางสาย
เรายังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้แต่คิดว่า วันที่ 23 มิถุนายน 2561 หลังจากที่เราและยายทราบความจริง เราถามยายตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าตำรวจจับมัน ยายจะยอมความมั้ย ถามหลายรอบ เค้าบอกไม่ยอมแน่ๆ จะเอามันเข้าคุกอย่างเดียว ตลอดเวลา 2 เดือนกว่า คือคำตอบไปในทางนี้ ซึ่งเราก็บอกเค้าแล้วว่า เอาแน่ๆนะ ถ้าจะยอมความ เราจะได้ไม่ต้องไปดำเนินคดีตั้งแต่แรก เพราะต้องลางาน เสียเวลา เสียเงิน ฯลฯ แต่พอมาวันนี้ กลับยอมง่ายๆ ความรู้สึกเหมือน เราคุยกันคนละเรื่องเลยกับเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เหมือนยายมาหักหลังเราภายหลัง เงินสามแสนที่มันบอกจะให้ก็ไม่ได้ ให้นะ นางบอกต้องไปยืมคนอื่นมาประกันตัว แต่นางว่าจะให้ยายเดือนละประมาณ หนึ่งหมื่นบาทโดย 15 วันโอนครึ่งนึง ซึ่งใช้แม่เป็นคนรับประกัน เราเสียใจที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้า สมองจะนึกถึงแต่เรื่องที่ยายเซ็นยอมความเป็นอาทิตย์ ช่วงนี้อาการเริ่มดีขึ้นหลังจากที่บล็อกเบอร์โทรและไลน์ของ พ่อ แม่ ยาย น้องป. ไม่ต้องรับรู้เรื่องทางเค้าอีก คนที่อยู่ข้างๆเราก็คอยให้กำลังใจ มีแวบๆช่วงแรกๆที่อยากฆ่าตัวตายบ้าง ช่วงนั้นข่าวไบเกอร์กำลังดัง แต่พอดึงสติกลับมาได้ก็ไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีกเลย เราควรจะมีชีวิตที่จะไปท่องโลกกว้างที่เราอยากไป การเดินทางรอบโลกรอเราอยู่
แต่โชคร้ายหรือโชคดีไม่รู้ วันที่ 13 กันยายน 2561 ตื่นนอนมาก็รีบโทรหายาย แต่ยายปิดเครื่อง โทรอีกเบอร์ก็ไม่มีคนรับสาย กระวนกระวายใจมาก สังหรณ์ใจว่าต้องมีไรไม่ชอบมาพากล ตัดสินใจโทรหาแม่ เราก็บอกให้แม่มีสติ อย่าหลงกลน้องป. แต่แม่ก็จะไปช่วยนาง ซึ่งแม่แท้ๆตัดสินใจช่วยเพราะผลประโยชน์ทางการเงินกับน้องป. จนกระทั่ง ช่วงเวลาประมาณ 10 โมงเศษๆ ยายเป็นฝ่ายโทรมาหาเรา และบอกว่ายายเซ็นยอมความละ และยังสั่งว่าให้เราและน้องสาวอีกคน อย่าไปยุ่งกับน้องป. ไม่ต้องไปไลน์ถามคนที่น้องป.เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเค้ารับประกันว่าหลังออกมาจากคุก จะไม่ทำอันตรายใดๆเรา (เราไม่เชื่อใจเลย หากวันนึงที่เราเป็นอะไร คนที่ทำให้เราตายคืออีน้องป.เนี่ยแหละค่ะ เผื่ออนาคตนางจะจ้างคนมาเก็บเรา หลังจากเรื่องซาลงแล้ว เพราะเราคือคนที่รู้ความลับของนางตั้งแต่เกิด) สรุปสั้นๆง่ายๆ คือ วันนั้นยายเซ็นยอมความ ห้ามเรายุ่งกับป. และป.จะไม่มายุ่งกับเรา ถ้ามายุ่งให้แม่เข้าคุกแทน ประมาณนั้น เอกสารลงบันทึกประจำวันไรเราก็ไม่เห็น เพราะเค้าเป็นฝ่ายโทรหาเราอย่างเดียว เราก็ทำงานอยู่กทม. ไม่ได้ขึ้นไปค่ะ หลังจากที่รู้เรื่องว่าเซ็นแล้ว เรานำ้ตาไหลเลยค่ะ แล้วบอกยายว่าขอตั้งสติก่อน เดี๋ยวโทรกลับ
พอตั้งสติได้ เราโทรกลับไปหายายเพื่อไปลาครั้งสุดท้าย เราโทรไปบอกว่า ที่ผ่านมาถือว่าได้พิสูจน์แล้วว่า เราไม่เคยใช้เงินของยายแม้แต่บาทเดียว ถือว่าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจให้ทุกคนได้รับรู้ ต่อไปนี้เราคงไม่ได้ไปดูแลยาย คงให้เป็นทางแม่และน้องป. เป็นฝ่ายดูแลยายละกันในเมื่อยายเป็นฝ่ายเลือกเค้า เราจะไม่เข้าไปยุ่งต่อจากนี้ ส่วนยายก็ไม่ต้องติดต่อเรามาอีกนับแต่บัดนี้ เป็นต้นไป มือถือที่เราซื้อให้เพื่อให้ติดต่อสื่อสาร สอนวิธีโทรไลน์ให้เค้าทันคนภายนอก หรือค่าตำรวจทั้งสองฝั่งที่เราจ่ายไป ถือว่าให้ฟรี ไม่ต้องมาจ่ายเงินเรา เราถือว่าเราให้ ไม่ได้หวังว่าจะมาเอาไร ก็ขอจบความสัมพันธ์เพียงเท่านี้ เราก็จะไม่ยุ่งกะน้องป. แม่และยายอีกค่ะ แล้วเราก็วางสาย
เรายังงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้แต่คิดว่า วันที่ 23 มิถุนายน 2561 หลังจากที่เราและยายทราบความจริง เราถามยายตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าตำรวจจับมัน ยายจะยอมความมั้ย ถามหลายรอบ เค้าบอกไม่ยอมแน่ๆ จะเอามันเข้าคุกอย่างเดียว ตลอดเวลา 2 เดือนกว่า คือคำตอบไปในทางนี้ ซึ่งเราก็บอกเค้าแล้วว่า เอาแน่ๆนะ ถ้าจะยอมความ เราจะได้ไม่ต้องไปดำเนินคดีตั้งแต่แรก เพราะต้องลางาน เสียเวลา เสียเงิน ฯลฯ แต่พอมาวันนี้ กลับยอมง่ายๆ ความรู้สึกเหมือน เราคุยกันคนละเรื่องเลยกับเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เหมือนยายมาหักหลังเราภายหลัง เงินสามแสนที่มันบอกจะให้ก็ไม่ได้ ให้นะ นางบอกต้องไปยืมคนอื่นมาประกันตัว แต่นางว่าจะให้ยายเดือนละประมาณ หนึ่งหมื่นบาทโดย 15 วันโอนครึ่งนึง ซึ่งใช้แม่เป็นคนรับประกัน เราเสียใจที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้ ทุกวันที่ตื่นนอนตอนเช้า สมองจะนึกถึงแต่เรื่องที่ยายเซ็นยอมความเป็นอาทิตย์ ช่วงนี้อาการเริ่มดีขึ้นหลังจากที่บล็อกเบอร์โทรและไลน์ของ พ่อ แม่ ยาย น้องป. ไม่ต้องรับรู้เรื่องทางเค้าอีก คนที่อยู่ข้างๆเราก็คอยให้กำลังใจ มีแวบๆช่วงแรกๆที่อยากฆ่าตัวตายบ้าง ช่วงนั้นข่าวไบเกอร์กำลังดัง แต่พอดึงสติกลับมาได้ก็ไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีกเลย เราควรจะมีชีวิตที่จะไปท่องโลกกว้างที่เราอยากไป การเดินทางรอบโลกรอเราอยู่
บทเรียนที่ได้จากเรื่อง... เลือดจาง คนข้น ในครั้งนี้
1. ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในนำ้ใจคน
2. อย่าเชื่อในสิ่งที่บางคนอัปลงเฟซหรือโซเขียลมีเดีย บางทีเค้าอาจไม่ได้รำ่รวยจริงอย่างที่คนคิด
3. พี่น้องไม่จริง มิจฉาชีพแท้ๆ
4.คนสวย อายุน้อย ร้อยคดี นางมีชื่อเสียงในวงการสัตว์เลี้ยงอย่างเฟอเรซ เที่ยวบอกคนอื่นว่าแม่เป็นเจ้าของโรงสีข้าว มีเงินใช้วันละเป็นแสนๆ ซึ่งเอาเงินมรดกของพี่น้องคนอื่นมาทำให้ตัวเองสวยและเลี้ยงแมงดาไปวันๆ (แมงดาสมรู้ร่วมคิดและเปิดอู่รถยนต์ ต้นซอยนวลจันทร์ซึ่งเงินที่เริ่มต้นเปิดอู่ ก็มาจากการหลอกลวงยายนั่นล่ะค่ะ)
5.การไม่มีคดีความเป็นลาภอันประเสริฐ เสียไปหลายบาทเป็นหมื่นๆค่ะงานนี้ สุดท้ายได้ความชำ้ใจกลับมา
6. พ่อแม่ที่ดีต้องให้ความรักและความห่วงใยลูก รักลูกให้ถูกทาง อย่าสองมาตราฐาน บอกว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ตัวแม่ไม่ให้อภัยน้องสาวคนเล็กที่ความผิดแทบไม่มี แต่ทีน้องป.ก่อคดีฉ้อโกง กลับบอกให้อภัย ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอก เที่ยวพูดอยู่ได้ว่า อย่ามาเรียกกูว่าแม่ กูไม่มีลูก เค้าบอกลูกทุกคน เราหนีมาจากบ้าน 8 ปี เชื่อมั้ย ไม่เคยคิดจะตามหา ที่ติดต่อได้ เพราะเราเป็นฝ่ายโทรหาแม่ แต่พ่อก็ยังมีความพยายามตามหาเราที่มหาวิทยาลัยอยู่บ้าง แต่ด้วยทัศนคติที่แตกต่างกัน เราขอต่างคนต่างอยู่แบบนี้ล่ะค่ะ
7. หลายคนอาจมองว่าเราที่เข้าไปเพราะอยากได้ส่วนแบ่งหรือผลประโยชน์ เราอยากให้ได้เงินคืน เพื่อที่ยายจะเอาไว้ใช้ซ่อมแซมบ้านและดูแลตัวเค้าเองตอนแก่ค่ะ เพราะที่ผ่านมาซาบซึ่งในนำ้ใจยายที่คิดว่าเป็นเราเรียนเมืองนอกเลยส่งเงินมาตลอด
8. คนที่อยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลืออย่างจริงใจมาโดยตลอด ดีกว่าญาติแท้ๆซะอีก มีอยู่จริง ขอบคุณเรื่องนี้ที่ทำให้พิสูจน์และเจอรักแท้
9. อยู่เมืองไทยคุณต้องมีเงินเยอะๆ ไม่ว่าคดีไหนก็ตามแต่ ถ้าคุณมีเงิน หรือวงเงินในคดีเยอะๆ คุณจะได้รับการพิจารณาทำคดีในลำดับต้นๆ
10. เรียนรู้กับความล้มเหลวของตัวเราเอง มีสติที่สุดกับเรื่องใหญ่แบบนี้ เสียใจได้แต่อย่านาน แล้วเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่ หนี้สินบ้าน บัตรเครดิต ค่านำ้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารหมาขี้เรื้อน รอเราอยู่
11. เคยเห็นเพื่อนๆที่ครอบครัวเค้าปูทางธุรกิจให้ มีบ้านหลังละสิบล้าน ยังคิดเลยว่า บรรพบุรุษเค้าดีจัง ปูทางให้ลูกหลานเค้าเรียบร้อย แล้วย้อนมามองตัวเรา หากชวดยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ชวดคงเสียใจกับการกระทำของยายแน่ๆ สมบัติที่ชวดหามาให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อยอด ก็พังทลาย โชคดีที่ชวดตายแล้ว แต่ก็นับเป็นเรื่องดีที่เราจะได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เริ่มต้นจากศูนย์
12. กฎหมายอาจทำไรไม่ได้ แต่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมตามทันแน่
2. อย่าเชื่อในสิ่งที่บางคนอัปลงเฟซหรือโซเขียลมีเดีย บางทีเค้าอาจไม่ได้รำ่รวยจริงอย่างที่คนคิด
3. พี่น้องไม่จริง มิจฉาชีพแท้ๆ
4.คนสวย อายุน้อย ร้อยคดี นางมีชื่อเสียงในวงการสัตว์เลี้ยงอย่างเฟอเรซ เที่ยวบอกคนอื่นว่าแม่เป็นเจ้าของโรงสีข้าว มีเงินใช้วันละเป็นแสนๆ ซึ่งเอาเงินมรดกของพี่น้องคนอื่นมาทำให้ตัวเองสวยและเลี้ยงแมงดาไปวันๆ (แมงดาสมรู้ร่วมคิดและเปิดอู่รถยนต์ ต้นซอยนวลจันทร์ซึ่งเงินที่เริ่มต้นเปิดอู่ ก็มาจากการหลอกลวงยายนั่นล่ะค่ะ)
5.การไม่มีคดีความเป็นลาภอันประเสริฐ เสียไปหลายบาทเป็นหมื่นๆค่ะงานนี้ สุดท้ายได้ความชำ้ใจกลับมา
6. พ่อแม่ที่ดีต้องให้ความรักและความห่วงใยลูก รักลูกให้ถูกทาง อย่าสองมาตราฐาน บอกว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่ตัวแม่ไม่ให้อภัยน้องสาวคนเล็กที่ความผิดแทบไม่มี แต่ทีน้องป.ก่อคดีฉ้อโกง กลับบอกให้อภัย ไม่มีพ่อแม่คนไหนหรอก เที่ยวพูดอยู่ได้ว่า อย่ามาเรียกกูว่าแม่ กูไม่มีลูก เค้าบอกลูกทุกคน เราหนีมาจากบ้าน 8 ปี เชื่อมั้ย ไม่เคยคิดจะตามหา ที่ติดต่อได้ เพราะเราเป็นฝ่ายโทรหาแม่ แต่พ่อก็ยังมีความพยายามตามหาเราที่มหาวิทยาลัยอยู่บ้าง แต่ด้วยทัศนคติที่แตกต่างกัน เราขอต่างคนต่างอยู่แบบนี้ล่ะค่ะ
7. หลายคนอาจมองว่าเราที่เข้าไปเพราะอยากได้ส่วนแบ่งหรือผลประโยชน์ เราอยากให้ได้เงินคืน เพื่อที่ยายจะเอาไว้ใช้ซ่อมแซมบ้านและดูแลตัวเค้าเองตอนแก่ค่ะ เพราะที่ผ่านมาซาบซึ่งในนำ้ใจยายที่คิดว่าเป็นเราเรียนเมืองนอกเลยส่งเงินมาตลอด
8. คนที่อยู่ข้างๆ คอยช่วยเหลืออย่างจริงใจมาโดยตลอด ดีกว่าญาติแท้ๆซะอีก มีอยู่จริง ขอบคุณเรื่องนี้ที่ทำให้พิสูจน์และเจอรักแท้
9. อยู่เมืองไทยคุณต้องมีเงินเยอะๆ ไม่ว่าคดีไหนก็ตามแต่ ถ้าคุณมีเงิน หรือวงเงินในคดีเยอะๆ คุณจะได้รับการพิจารณาทำคดีในลำดับต้นๆ
10. เรียนรู้กับความล้มเหลวของตัวเราเอง มีสติที่สุดกับเรื่องใหญ่แบบนี้ เสียใจได้แต่อย่านาน แล้วเริ่มตั้งต้นชีวิตใหม่ หนี้สินบ้าน บัตรเครดิต ค่านำ้ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าอาหารหมาขี้เรื้อน รอเราอยู่
11. เคยเห็นเพื่อนๆที่ครอบครัวเค้าปูทางธุรกิจให้ มีบ้านหลังละสิบล้าน ยังคิดเลยว่า บรรพบุรุษเค้าดีจัง ปูทางให้ลูกหลานเค้าเรียบร้อย แล้วย้อนมามองตัวเรา หากชวดยังมีชีวิตอยู่ในวันนี้ ชวดคงเสียใจกับการกระทำของยายแน่ๆ สมบัติที่ชวดหามาให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อยอด ก็พังทลาย โชคดีที่ชวดตายแล้ว แต่ก็นับเป็นเรื่องดีที่เราจะได้มีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง เริ่มต้นจากศูนย์
12. กฎหมายอาจทำไรไม่ได้ แต่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมตามทันแน่
ปล. ขอขอบพระคุณ ท่านผู้รู้ทุกท่านที่ได้ให้คำแนะนำทั้งในโพสและหลังไมค์ เป็นครั้งแรกที่ได้ความรู้เรื่องกฎหมาย จากการประสบเหตุการณ์แบบนี้ ถ้าไม่เกิดกับตัว คงยังไม่รู้ เพราะคำแนะนำของทุกคนจึงทำให้เราจบคดีนี้ได้ค่ะ ขอบคุณจากใจจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
ถูกหลอกลวง โดยญาติแท้ๆ ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปัจจุบัน สามารถดำเนินคดีใดได้บ้างคะ ? ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะกราบงามๆล่วงหน้า