เรื่องอยากเม้าท์ของเม่าคอนโด แบ่งปันความรู้ เล่าสูกันฟัง (1)

สวัสดีค่ะ อยู่พันทิปมานาน อ่านกระทู้มาเยอะ ปกติชอบตอบแต่คอมเมนต์ แต่ตอนนี้นึกสนุกอยากจะเขียนแชร์ประสบการณ์การลงทุนในคอนโดบ้างไรบ้าง

ออกตัวไว้ก่อนว่าเราไม่ใช่เซียน ไม่ได้มีความรู้ทุกรูปแบบในการลงทุนคอนโด ที่มาเขียนนี่ตั้งใจจะเล่าว่าเคยทำอะไร เรียนรู้อะไรมาบ้าง เผื่อใครสนใจทางด้านนี้อาจจะได้ประโยชน์ไปบ้าง เอาเป็นว่าเคยเจออะไรก็เล่า เม้าท์เอามันส์ละกันค่ะ

เริ่มเลยนะ

เราเริ่มลงสนใจคอนโดมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มทำงานได้สักพัก(ใหญ่) มีเงินสักก้อน มีเครดิตพอจะกู้แบงค์ได้ ย้อนกลับไปก็สักสิบกว่าปี ตอนนั้นตลาดคอนโดเป็น emerging market ปีนึงเปิดตัวกันเป็นหลักหลายสิบ ไม่ใช่หลายร้อย เป็นช่วงเริ่มต่อคิวจองคอนโดค่ะ developer ก็มีหลักๆพวก แสนสิริ โนเบิ้ล ศุภาลัย คือตอนนั้น L&H ยังทำแต่โครงการแนวราบอยู่เลย 55

คอนโดแรกเลยที่เราไปต่อคิวจองเป็นคอนโดของโนเบิลดีเวลอปเมนต์ โครงการอะไรจำไม่ได้ จำได้แต่ไปต่อคิวแถวๆโนเบิลโซโล ซอยทองหล่อ ไปหกโมงเช้าเกือบเจ็ดโมง คนนั่งยาวหลายร้อยคิว อึ้งมากเพราะไม่เคยเจอ เฮ้ย! อะไรมันจะขนาดนี้ ไปถามคนแถวนั้น ได้ความประมาณว่าคิวแรกมาตีสอง และตอนนั้นจำนวนคนต่อคิวเกินจำนวนห้องที่เปิดขายแล้ว เงิบสิคะ กลับบ้านค่ะ จะรออะไร กลับไปนอนต่อ 555

สรุปว่าโครงการแรก รับประทานแห้ว

ระหว่างนั้นเราก็ศึกษาข้อมูลไปเรื่อย แต่เนื่องจากตลาดยังไม่บูม ไม่เปิดมาก developer จำนวนน้อย คนซื้อก็วงจำกัดแต่ก็ไม่น้อย เกือบทุกโครงการที่ทำเลดีๆ (ไม่นับคอนโดโครงการเล็กโครงการน้อยตามซอยหรือพื้นที่รอบนอก แบบเพชรเกษมอะไรแบบนี้) ขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว อาชีพที่เกิดตอนนั้นและตายไปแล้วตอนนี้ (ยังมีเห็นประปราย แต่คิดว่าต้องขาใหญ่และเก๋าจริง) คือขายใบจอง รวยกันเป็นกอบเป็นกำมากๆ ใบนึงขายได้หลายแสนเลยทีเดียว ผิดกับตอนนี้ที่แทบจะยกให้กันฟรีๆ ตามกระทู้ที่ผ่านตาบ่อยๆ ยิ้ม

แล้ว L&H ก็เริ่มลงมาเล่นตลาดแนวดิ่ง ถ้าเราจำไม่ผิด (ถ้าผิดท้วงได้) โครงการแรกๆของ L&H คือ The Bangkok ตรงนราธิวาส ตามมาติดๆด้วย The Bagnkok ถนนทรัพย์ เราไปดูที่นราธิวาสมา แต่ยังไม่โอเคกับทำเล เพราะเราซื้อลงทุน ไม่ได้ซื้ออยู่

แทรกสาระตรงนี้นะคะ
คนจะซื้อคอนโดต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าซื้อทำไม อันนี้ให้น้ำหนักไปมากที่สุดตรงจุดประสงค์หลัก หรือไม่อย่างนั้นก็ให้น้ำหนักไปที่จุดประสงค์ในระยะสั้นก่อน เดี๋ยวจะอธิบายว่าคืออะไร

หลายๆคนซื้อคอนโด อาจจะคิดว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง เพราะฉะนั้นจะเผื่อไว้หลายอย่างเช่น
บางคนซื้อคอนโดเผื่อเก็งกำไร แต่เนื่องจากไม่เดือดร้อนเงิน ถ้าขายใบจองหรือขายก่อนโอนไม่ได้ก็จะโอนแล้วปล่อยเช่า ฟังดูก็ไม่น่าจะมีปัญหา แต่มันมีค่ะ คืองี้ คอนโดเก็งกำไรอันดับแรกเลยมันคือคอนโดที่กะว่าจะมีคนซื้อต่อเพราะคาดหวังว่าราคาจะไปได้อีก คอนโดพวกนี้มักจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ติดถนนใหญ่ ติดขนส่งสาธารณะ (ง่ายๆก็ BTS, MRT นั่นแหละ) ติดสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ติดห้างขนาดใหญ่ระดับแม่เหล็ก อยู่ในชุมชนคนมีตังค์หรือ expat ติดสถานศึกษาขนาดใหญ่ อยู่ในแหล่งที่เหลือพื้นที่ให้พัฒนาอีกไม่มาก ไม่ต้องมีคุณสมบัติทุกอย่างที่เราว่ามานะ แต่ถ้ามีทุกคุณสมบัติที่ว่ามา (เช่นชิดลม ราชประสงค์ วิทยุ) ราคาก็จะหูฉีกแปรตามกันไป
- มักจะเป็น High Rise
คอนโดพวกนี้ราคาจะไปไว ซึ่งนั่นคือตอนที่ตลาดยังเป็น emerging แต่ ณ ปัจจุบัน developer หลายเจ้าก็รู้ในข้อนี้ดี จึงตั้งราคา"เผื่ออนาคต"เอาไว้แล้ว (บางทีก็เผื่อจนสร้างเสร็จโอนไปแล้วสองสามปีราคาตลาดยังตามราคาที่ตั้งไว้ไม่ใคร่จะทัน) ราคาต่อหน่วยจึงสูงมาก หากคุณโชคดี ก็จะยังสามารถขายใบจองต่อได้ แต่หากคุณโชคไม่ดี ขายไม่ได้แล้วตัดสินใจโอน อันนี้จากนักเก็งกำไร คุณจะกลายเป็น "นักลงทุน(ระยะยาว)"ไปในทันที

แล้วมันเสียหายยังไง มันไม่ได้เสียหายอะไรมากในกรณีที่เป็นเงินเย็น คุณอาจจะหาคนเช่าได้ แต่ด้วยต้นทุนที่มาแพง ต่อให้ปล่อยด้วยราคาที่แพงมันก็อาจจะยังได้ผลตอบแทนกลับมาในอัตราที่ต่ำ เช่น 4% ซึ่งอัตราขนาดนี้เทียบกับสินทรัพย์ที่ติดมือ liquidity ต่ำ มันอาจจะไม่คุ้ม ผลตอบแทน 4% ไปหากองทุน REIT ดีๆยังจะมีสภาพคล่องมากกว่ามาก แถมไม่ต้องปวดหัวหาคนเช่าอีก ต่อให้ใช้เอเจนท์ก็ตาม

(ขอดอกจันเล็กๆไว้ตรงนี้ว่า 4% นั้นถึงจะไม่มากแต่ก็ไม่ถึงกับน้อย และถ้าคุณมีใจรักคอนโด เช่นเรา ชอบไปดูโครงการดูห้องตัวอย่าง อยู่ดีๆก็เปิดเวปดูผังห้องเล่น นั่งเล็งทิศเล็งชั้นเล็งมุมไปเรื่อยเปื่อยสนุกๆ การลงทุนแบบนี้ก็ถือเป็นกึ่งงานอดิเรกที่ทำเงินแบบนึง (ไม่เหมือนลงกองทุนเพราะมันจับต้องไม่ได้ เล่นมโนภาพก็ไม่สนุกอีก) รักชอบแบบนี้ return ไม่สูงนัก (อันนี้คือเงินเย็นล้วน) ก็อาจจะโอเค)

แต่ถ้าเป็นเงินกู้ มีความสามารถในการกู้ได้ก็จริง แต่คุณต้องส่งทุกเดือน หากค่าเช่าไม่พอค่าผ่อน ก็เหมือนเราช่วยจ่ายเงินในคนอื่นอยู่ของดีในราคาถูก ทำการกุศลกันไป ห้องจะราคาขึ้นมั๊ยไม่รู้ แต่ที่แน่ๆถ้าผ่อนครบเทอม (เช่น 20ปี) บอกเลยว่าคุณซื้อห้องนั้นมาด้วยราคา 2 เท่าของราคาของมัน ณ วันโอน ส่วนเรื่องที่ว่าได้สินทรัพย์กลับมา บอกได้เพียงว่ามันเป็นแค่ "คำปลอบใจ" ค่ะ (คือมันก็จริงไง แต่มันไม่คุ้ม ประมาณว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ซึ่งถ้าคนที่บริหารทรัพย์สินแบบจริงจังเข้มงวด อันนี้คือไม่โอเค)

เพราะฉะนั้นถ้ากะจะเก็ง ก็ต้องคิดให้รอบเลือกให้ดีแล้วรู้จังหวะ "คัทลอส" ถ้าประเมินแล้วไม่คุ้มเสีย ไม่งั้นจะกลายเป็น Condo VI จำเป็น 555

อีกเคส บางคนอยู่เมืองนอก บอกว่าอยากซื้อให้เช่า แต่เผื่ออนาคตย้ายกลับมาอยู่ไทยจะเอาไว้อยู่ อันนี้ถ้า 5 ปีแรกกะให้เช่าเต็มที่หาคอนโดที่อยู่ในแหล่งหาคนเช่าง่ายไปเลย ไม่ใช่ไปซื้อคอนโดหรูตรงบางใหญ่เพราะใกล้บ้านแม่เผื่อย้ายถิ่นฐานกลับมา แต่ระหว่างนั้นมันหาคนเช่าไม่ได้ ถ้าจะไปทำเลนั้นต้องซื้อแบบที่คนแถวนั้นเช่า แต่ถ้าบอกเกรดคนแถวนั้นเช่าชั้นไม่เอา เราก็จะบอกว่ากรณีนี้เป็นเราเราจะซื้อโซนที่มีคนเช่า เช่นสุขุมวิทกลางๆ ถึงตอนกลับมาเอาค่าเช่าคอนโดสุขุมวิทไปหาเช่าแถวที่ชอบที่อื่นยังได้เลย

เพราะฉะนั้นจะซื้อคอนโด ให้ซื้อตามจุดประสงค์หลัก หรือจุดประสงค์ระยะสั้น นี่คือคำแนะนำของเราค่ะ

กลับมาเล่าเรื่องตัวเองต่อ หลังจากไปดู L&H ที่นราธิวาสไม่ถูกใจ ก็ไปดูที่ถนนทรัพย์ แต่ไปช้าหลายขุม เค้าขายหมดไปภายในไม่กี่วัน ไม่เป็นไร ไม่ได้ว้อนท์มากอยู่แล้วสองโครงการนี้ รอต่อไปค่ะ คอนโดที่แรกต้องเหมือนแฟนคนแรกนะคะ เลือกนิดนึง (มันใช่หรอ!)

ไม่นาน L&H เริ่มมาเล่นคอนโดตลาดกลางค่ะ แบรนด์ตลาดกลางของ L&H ที่แรกเลยคือ The Room Sukhumvit 79 เจ้านี้มาแปลก เนื่องจากผันจากแนวราบ คอนเซปต์(ตอนนั้น)คือสร้างเสร็จก่อนขาย แต่เค้าคงเห็นเจ้าอื่นขายใบจองกันโครมๆก็อยากจะลดความเสี่ยง เค้าเปิดให้จอง แต่ แต่ แต่ มันไม่ใช่การจองห้องค่ะ มันคือการจองสิทธิ์ในการตัดสินใจซื้อห้องตอนสร้างเสร็จ เราก็ไปค่ะ ไปต่อคิว รอบนี้ไปเช้านิดนึง และคิวไม่มากเพราะแฟนบอยของคอนโด L&H ไม่เยอะเท่าแฟนานุแฟนของ Noble เราได้จอง 1 ยูนิต เป็นแบบสองห้องนอน ได้มุมที่ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่ไม่มีทางเลือก มันเหลือแค่นั้น อยากได้ก็ต้องเอา

เอ๊ะ! ย่อหน้าก่อนยังบอกว่าขอเลือกอยู่เลย 555

เนื่องจากมันไม่ใช่การจองคอนโดแบบโครงการอื่น ในระหว่างตึกก่อสร้างเค้าไม่ได้ให้เราผ่อนดาวน์ แต่เค้าให้เราฝากเงิน คือต้องไปเปิดบัญชีออมทรัพย์กับ LH Bank เอาเงินเข้าทุกเดือนตามที่ระบุในสัญญาจะซื้อจะขาย บัญชีชื่อเรานะคะ (ถ้าผ่อนดาวน์เราจะจ่ายเข้าบัญชี developer ค่ะ) เป็นเวลาสองปี (โดยประมาณ มันก็นานมาแล้ว จำระยะเวลาที่แน่นอนไม่ได้) ตอนนั้นเราก็ลุ้นมาก เป็นที่แรกที่ตัดสินใจ ราคาตอนนั้นก็สักสี่ล้านต้นๆ เยอะพอใช้สำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเรา

พอตึกสร้างเสร็จ ทางโครงการก็เรียกคนจองเข้าไปดู เค้าพาเราไปดูห้องและส่วนกลาง ถ้าเราชอบก็ไปทำสัญญาซื้อขาย เอาเงินในออมทรัพย์จ่ายให้ L&H เป็นเงินดาวน์ ที่เหลือจะกู้หรือสดก็ว่ากันไป แต่เราไปดูแล้วเราไม่ชอบค่ะ เหตุผลที่เราปฏิเสธห้องก็มี
- วิว หน้าต่างห้องนั้นหันไปทาง Big C และตึกแถวเก่าๆ ระยะร่นก็ไม่มากพอที่จะทำให้เรารู้สึกโอเค
- ห้อง แคบมาก ห้องนอนเล็กเล็กสมชื่อ ห้องนอนเล็กบังหน้าต่างด้วย เค้าเลยทำเป็นประตูกระจก เราว่าตลก ห้องนอนอะไรใช้ประตูกระจก
- โครงการติดกับเสาไฟฟ้าแรงสูง ไม่ได้อยู่ติดกับตึกเรา แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนให้เราไม่เอา เพราะเรากลัวมันขายต่อยาก
- ส่วนกลางจิ๋วหลิวมาก สระว่ายน้ำคือสระแช่น้ำ ถีบตัวจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งได้ในสี่จ้วงน้ำ เหมือนมีไว้เสริมฮวงจุ้ย 555

เหตุผลหลักจริงๆเลยคือข้อแรก ข้ออื่นก็แค่ช่วยให้เราตัดสินใจเอาเงินกลับ 555 แต่ไม่เป็นไร ถือว่าขำๆ ได้ประสบการณ์ ไม่น่าจะมีกี่คนที่เคยทำแบบนี้ เพราะหลังจากโครงการนี้ไม่นาน L&H ก็เลิกวิธีขายแบบนี้ ไปขายแบบแนวดิ่งเหมือนเจ้าอื่นๆ ถือเป็นความพยายามที่เก๋ดีค่ะ

วันนี้พอแค่นี้ก่อน เล่ามาตั้งยาว ยังไม่ได้ซื้อซักกะห้องนึงเลย 555 ไว้มีเวลามาเล่าต่อวันหลังนะคะ

ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบค่าา

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่