ก่อนอื่นต้องเกรินว่าผมไม่ใช้กูรูทางด้านรถ แค่ชอบรถยนต์ไฟฟ้าและมีโอกาสได้ใช้เป็นกลุ่มแรกๆ ของประเทศนี้จึงอยากแชร์ข้อมูลและประสบการณ์ให้ฟัง ที่ตัดสินใจซื้อเพราะค่อนข้างชอบรีวิวของต่างเทศครับ
มันจะดีแค่ไหนถ้ารถยนต์ส่วนใหญ่เป็นไฟฟ้า เราจะไม่ต้องได้ยินเสียงดังผ่านหน้าบ้าน และกรุงเทพจะไม่มีฝุ่นควันก่อมะเร็ง ไม่ใช้แค่นั้น ค่าใช้จ่ายยังต่ำกว่าและขับสนุก สมรรถนะดีกว่าอีกด้วย

กระจังหน้าไม่เหมือใครคือไม่มีรูระบายอากาศเลย ให้ความรู้สึกเป็นรถไฟฟ้าดี

Battery charging and range
Battery 28 kwh จากการทดสอบ นั่ง 2-4คน เปิดแอร์ 23 ลมระดับ 3-4 ขีด
วิ่งปกติในเมืองและทางด่วนจะใช้เฉลี่ย 11.5 kwh/100 km
วิ่งทางไกลใช้ความเร็ว 110-120 km/hr จะกิน 13.5 kwh/100 km

ระยะทางวิ่งสูงสุดต่อการชาร์ต ก็ใกล้เคียงจากการคำนวณเลยครับ ถ้าวิ่งในเมือง 240 กม. สบายๆ ถ้าวิ่งยาวๆ ใช้ความเร็วสูงมากกว่า 110-120 kmh ตลอดระยะทาง จะลดลงเหลือประมาณ 200 กม. ครับ

ระยะทางที่ขึ้นบนหน้าจอค่อนข้างเผื่อครับ จะขึ้นแค่ 200-210 กม. ถ้าไม่ได้วิ่งความเร็วสูงจะลดช้ากว่าที่วิ่งจริง
รถคันนี้ผู้ผลิต claim ว่าวิ่งได้ 280 กม. ซึ่งก็ไม่ได้ยากถ้าวิ่งสัก <80 km/hr ได้ต่ำกว่า 10kwh/100km แน่นอน ฝรั่งเคยทำสูงสุดถึง 410 km ต่อการชาร์ต
แก้ไขเพิ่มเติมครับ 16/7/2018
หลังจากขับไปเรื่อย range ที่ได้ก็เพิ่มขึ้นครับ ขับในเมือง ตอนนี้ 265-270 สบายๆ ครับ ด้วย sport mode เปิดแอร์ 1 คน
หัวชาร์ต CCS Type2
หัวชาร์ตแบบนี้เรียกว่า type2 ครับ ชนิดเดียวกับรถ phev ยุโรป หาเสียบได้ทั่วไปตามสถานีชาร์ต

เต้ารับที่รถเป็น CCS type 2 คือรับได้ทั้งหัว type2 และDC fastcharge ccs type2

เวลาเสียบ type2 ก็ใช้แค่ข้างบน

ระยะเวลาการชาร์ตก็ใกล้เคียงกับสเปกครับ
220V ไฟบ้านชาร์ตจากจาก 30% ใช้เวลาประมาณ 12 ชม.

สถานีชาร์ต ของ EA ชาร์ตจาก 50% ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
Fastcharge ยังไม่ได้ลองครับ ตามสเปกคือ ชาร์ตได้ 94% จาก 0 ใช้ 35 นาที
ฝรั่งรีวิวกันว่าคันนี้รับได้เร็วมาก เข้าได้ถึง 63 kw สบายๆ

หัวชาร์ตที่บ้าน 8A คำนวณได้ 1760kw ชาร์ต 12 ชั่วโมง กินไฟ 1.76x12x4 = 85 บาท ตกเพียงแค่ 0.35-0.50 บาทต่อ กม. ครับ
ถ้าเทียบกับรถที่เคยขับ
Accord hybrid จะตก 1.75 บาท/กม.
Bmw 520d ตกประมาณ 2.2 บาท/กม.
Toyota fortuner ตกประมาณ 2.9 บาท/กม.
ประหยัดค่าน้ำมันไป 3-6 เท่า
แอร์รถกินไฟ 15-20% นะครับ ยิ่งเปิดแรงระยะทางก็จะลดลง แต่ที่ลองมาก็ไม่เท่าไรครับ เปิดเบอร์ 3-4 ตลอดการทดลอง
การบำรุงรักษาตามระยะทาง
รถไฟฟ้าไม่ค่อยมีชิ้นส่วนอะไรให้กลุ้มใจมากมายเหมือนเครื่องยนต์ ICE ครับ
คู่มือให้เปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกๆ แสนกิโล
อย่างอื่นที่ต้องเปลี่ยนก็มีฟิวเตอร์แอร์ ยาง ผ้าเบรก และใบปัดน้ำฝน ที่เหลือก็แค่ตรวจสอบเฉยๆ
อ่อ มีแบต 12V 1 ลูกด้วยครับ
ยางเป็นรุ่นสำหรับ EV เลย ถ้าดูไม่ผิด เติมลม 36 มี tpms ขึ้นที่หน้าจอเลยครับสเปกมาตรฐาน

ส่วนแบตเตอรี่ประกัน 8 ปีครับ ไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก แต่เห็นต่างประเทศเค้าบอกว่า จะลงมาไม่เกิน 70% นะ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง อาจจะเห็น range 170 km เมื่อผ่านไป 5-8 ปี ซึ่งผมว่าก็ไม่เลวเลยละ ถึงตอนนั้นราคาแบตคงถูกกว่าวันนี้เยอะเลย



ระบบ regen
รถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบ regen ที่ทำให้สามารถใช้คันเริ่มอย่างเดียวในการขับ regen ก็ความรู้สึกคล้ายๆ engine break แต่นิ่มกว่า และได้พลังงานกลับเข้าแบต
ใน Nissan Leaf จะมีโหมดที่รียกว่า e-paddle ของ ioniq เป็นการเลือกระดับการ regen ได้ 4 ระดับ คือ
1.ไม่มีการ regen เมื่อปล่อยคันเร่งจะแทบไม่มีแรงหน่วง
2. Regen 1 หน่วงคล้ายๆ ขับรถทั่วไป
3. Regen 2 คล้ายๆ แตะเบรกลดความเร็ว
4.regen 3 เมื่อปล่อยคันเร่งจะคล้ายๆ เบนกชะลอความเร็ว ลงมาเรื่อยๆถึง 10km/hr แทบไม่ต้องแตะเบรกเลยครับ ใช้คันเร่งอย่างเดียวสบายมาก ใช้เบรกแค่ตอนกระทันหัน หรือต้องการหยุดรถให้นิ่ง ทำให้ไม่เปลืองเบรกและยังชาร์ตแบตกลับไปด้วย ใช้เวลา 1-2 วันก็จะคุ้นเคยกับระบบพวกนี้ครับ
สรุป
Hyundai ioniq รถไฟฟ้า Battery 28kwh ถ้าเทียบกับคู่แข่งถือว่าแบตเล็กกว่า แต่จากที่ทดลองใช้มารถกินไฟแค่ 10-13 kwh/100km ทำให้ระยะทางวิ่งได้ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งสักเท่าไร
สิ่งที่ชอบ
1.ประสิทธิภาพ ด้วยแบต 28kwh วิ่งได้ 200-240km ไม่ต้องรอชาร์ตนานมาก
2.ขับสนุก โดยเฉพาะ sport mode พุ่งและตอบสนองเร็วกว่ารถเครื่องยนต์มาก
3.ปรับ regen ได้ ขับได้โดยแทบไม่ต้องเหยียบเบรก และตั้งได้ตามสถานะการณ์
4.ประหยัด ไม่ต้องเข้าปั้ม ไม่มีเสียงมีควัน
5.เข้าโค้งดีมาก เพราะรถหนักแบตเตอรี่
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.ไม่ให้หน้าจอ 7 นิ้วฟังชั่นเต็ม ให้มาแค่ 4.3 นิ้ว

2. Range. สำหรับผม ไม่ค่อยมีปัญหา แต่บางคนบอกว่าน้อยไปหน่อย อันนี้แล้วแต่ว่าใช้รถวันละเท่าไรครับ
ถ้าขับในเมือง วันละ 50 กิโล ก็ชาร์ตสัปดาห์ละ 2-3 รอบ และก็ออกเที่ยวพัทยา หัวหิน ก็เพียงพอครับ
ถ้าต้องการมากกว่านี้ก็ต้องรอรถแบตใหญ่กว่านี้
สำหรับคนขับเฉลี่ยไม่เกินวันละ 100กม. ผมว่าพอเหลือเฟืองครับ กลับบ้านเสียบชาร์ต เช้ามาเต็มครับ
[CR] Review รถยนต์ไฟฟ้า Hyundai Ioniq Electric -range test,การชาร์ต,ค่าใช้จ่าย
มันจะดีแค่ไหนถ้ารถยนต์ส่วนใหญ่เป็นไฟฟ้า เราจะไม่ต้องได้ยินเสียงดังผ่านหน้าบ้าน และกรุงเทพจะไม่มีฝุ่นควันก่อมะเร็ง ไม่ใช้แค่นั้น ค่าใช้จ่ายยังต่ำกว่าและขับสนุก สมรรถนะดีกว่าอีกด้วย
กระจังหน้าไม่เหมือใครคือไม่มีรูระบายอากาศเลย ให้ความรู้สึกเป็นรถไฟฟ้าดี
Battery charging and range
Battery 28 kwh จากการทดสอบ นั่ง 2-4คน เปิดแอร์ 23 ลมระดับ 3-4 ขีด
วิ่งปกติในเมืองและทางด่วนจะใช้เฉลี่ย 11.5 kwh/100 km
วิ่งทางไกลใช้ความเร็ว 110-120 km/hr จะกิน 13.5 kwh/100 km
รถคันนี้ผู้ผลิต claim ว่าวิ่งได้ 280 กม. ซึ่งก็ไม่ได้ยากถ้าวิ่งสัก <80 km/hr ได้ต่ำกว่า 10kwh/100km แน่นอน ฝรั่งเคยทำสูงสุดถึง 410 km ต่อการชาร์ต
แก้ไขเพิ่มเติมครับ 16/7/2018
หลังจากขับไปเรื่อย range ที่ได้ก็เพิ่มขึ้นครับ ขับในเมือง ตอนนี้ 265-270 สบายๆ ครับ ด้วย sport mode เปิดแอร์ 1 คน
หัวชาร์ต CCS Type2
หัวชาร์ตแบบนี้เรียกว่า type2 ครับ ชนิดเดียวกับรถ phev ยุโรป หาเสียบได้ทั่วไปตามสถานีชาร์ต
เต้ารับที่รถเป็น CCS type 2 คือรับได้ทั้งหัว type2 และDC fastcharge ccs type2
เวลาเสียบ type2 ก็ใช้แค่ข้างบน
ระยะเวลาการชาร์ตก็ใกล้เคียงกับสเปกครับ
220V ไฟบ้านชาร์ตจากจาก 30% ใช้เวลาประมาณ 12 ชม.
สถานีชาร์ต ของ EA ชาร์ตจาก 50% ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
Fastcharge ยังไม่ได้ลองครับ ตามสเปกคือ ชาร์ตได้ 94% จาก 0 ใช้ 35 นาที
ฝรั่งรีวิวกันว่าคันนี้รับได้เร็วมาก เข้าได้ถึง 63 kw สบายๆ
ถ้าเทียบกับรถที่เคยขับ
Accord hybrid จะตก 1.75 บาท/กม.
Bmw 520d ตกประมาณ 2.2 บาท/กม.
Toyota fortuner ตกประมาณ 2.9 บาท/กม.
ประหยัดค่าน้ำมันไป 3-6 เท่า
แอร์รถกินไฟ 15-20% นะครับ ยิ่งเปิดแรงระยะทางก็จะลดลง แต่ที่ลองมาก็ไม่เท่าไรครับ เปิดเบอร์ 3-4 ตลอดการทดลอง
การบำรุงรักษาตามระยะทาง
รถไฟฟ้าไม่ค่อยมีชิ้นส่วนอะไรให้กลุ้มใจมากมายเหมือนเครื่องยนต์ ICE ครับ
คู่มือให้เปลี่ยนน้ำมันเบรกทุกๆ แสนกิโล
อย่างอื่นที่ต้องเปลี่ยนก็มีฟิวเตอร์แอร์ ยาง ผ้าเบรก และใบปัดน้ำฝน ที่เหลือก็แค่ตรวจสอบเฉยๆ
อ่อ มีแบต 12V 1 ลูกด้วยครับ
ยางเป็นรุ่นสำหรับ EV เลย ถ้าดูไม่ผิด เติมลม 36 มี tpms ขึ้นที่หน้าจอเลยครับสเปกมาตรฐาน
ส่วนแบตเตอรี่ประกัน 8 ปีครับ ไม่มีรายละเอียดอะไรมากนัก แต่เห็นต่างประเทศเค้าบอกว่า จะลงมาไม่เกิน 70% นะ ถ้าเป็นอย่างงั้นจริง อาจจะเห็น range 170 km เมื่อผ่านไป 5-8 ปี ซึ่งผมว่าก็ไม่เลวเลยละ ถึงตอนนั้นราคาแบตคงถูกกว่าวันนี้เยอะเลย
รถยนต์ไฟฟ้าจะมีระบบ regen ที่ทำให้สามารถใช้คันเริ่มอย่างเดียวในการขับ regen ก็ความรู้สึกคล้ายๆ engine break แต่นิ่มกว่า และได้พลังงานกลับเข้าแบต
ใน Nissan Leaf จะมีโหมดที่รียกว่า e-paddle ของ ioniq เป็นการเลือกระดับการ regen ได้ 4 ระดับ คือ
1.ไม่มีการ regen เมื่อปล่อยคันเร่งจะแทบไม่มีแรงหน่วง
2. Regen 1 หน่วงคล้ายๆ ขับรถทั่วไป
3. Regen 2 คล้ายๆ แตะเบรกลดความเร็ว
4.regen 3 เมื่อปล่อยคันเร่งจะคล้ายๆ เบนกชะลอความเร็ว ลงมาเรื่อยๆถึง 10km/hr แทบไม่ต้องแตะเบรกเลยครับ ใช้คันเร่งอย่างเดียวสบายมาก ใช้เบรกแค่ตอนกระทันหัน หรือต้องการหยุดรถให้นิ่ง ทำให้ไม่เปลืองเบรกและยังชาร์ตแบตกลับไปด้วย ใช้เวลา 1-2 วันก็จะคุ้นเคยกับระบบพวกนี้ครับ
สรุป
Hyundai ioniq รถไฟฟ้า Battery 28kwh ถ้าเทียบกับคู่แข่งถือว่าแบตเล็กกว่า แต่จากที่ทดลองใช้มารถกินไฟแค่ 10-13 kwh/100km ทำให้ระยะทางวิ่งได้ไม่ได้ด้อยกว่าคู่แข่งสักเท่าไร
สิ่งที่ชอบ
1.ประสิทธิภาพ ด้วยแบต 28kwh วิ่งได้ 200-240km ไม่ต้องรอชาร์ตนานมาก
2.ขับสนุก โดยเฉพาะ sport mode พุ่งและตอบสนองเร็วกว่ารถเครื่องยนต์มาก
3.ปรับ regen ได้ ขับได้โดยแทบไม่ต้องเหยียบเบรก และตั้งได้ตามสถานะการณ์
4.ประหยัด ไม่ต้องเข้าปั้ม ไม่มีเสียงมีควัน
5.เข้าโค้งดีมาก เพราะรถหนักแบตเตอรี่
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.ไม่ให้หน้าจอ 7 นิ้วฟังชั่นเต็ม ให้มาแค่ 4.3 นิ้ว
2. Range. สำหรับผม ไม่ค่อยมีปัญหา แต่บางคนบอกว่าน้อยไปหน่อย อันนี้แล้วแต่ว่าใช้รถวันละเท่าไรครับ
ถ้าขับในเมือง วันละ 50 กิโล ก็ชาร์ตสัปดาห์ละ 2-3 รอบ และก็ออกเที่ยวพัทยา หัวหิน ก็เพียงพอครับ
ถ้าต้องการมากกว่านี้ก็ต้องรอรถแบตใหญ่กว่านี้
สำหรับคนขับเฉลี่ยไม่เกินวันละ 100กม. ผมว่าพอเหลือเฟืองครับ กลับบ้านเสียบชาร์ต เช้ามาเต็มครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้