อาการรู้ความคิด วาระจิตผูเอื่นมีจริงหรือ??? ภาค 2

อาการรู้ความคิด วาระจิตผู้อื่นมีจริงหรือ???

หลังจากที่อาการ ตุ๊บๆ ที่หว่างคิ้วแล้วรวมเป็นแก้วใสทุกครั้งที่ภาวนา พุทโธ เป็นเวลา 7 ปี ผมจึงตัดสินใจมาบวชรอบ 2 กับ หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหาย

               ขณะบวชผมภาวนาสลับเดินจงกรมทุกวัน วันละ 8-10 ชั่วโมง ยิ่งภาวนาพุทโธ ที่หว่างคิ้วก็รวมแน่นเป็นดวงแก้วใส เมื่อเอาจิตไปวางที่หว่างคิ้ว ความรู้สึกปวดเมื่อยก็จะหายไปทันที ผมจึงรู้สึกลังเลว่า เราจะเอาจิตจดจ่อที่คำภาวนาพุทโธหรือที่หว่างคิ้วดี จึงตัดสินใจไปเรียนถามหลวงปู่ หลวงปู่กำลังขึ้นกุฏิ ผมก้มลงกราบ ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้น
หลวงปู่กล่าวว่า “จะถามทำไม ภาวนาพุทโธ นั่นแหละ หัดปล่อย หัดวางบ้าง อย่าถือให้มันมาก แล้วหนังสือที่เอามาอย่าอ่าน เดี๋ยวก็บ้าเหมือนคนเขียนหรอก” หลวงปู่ตวาดมาที่ผม
ผมคิดขึ้นได้ก่อนบวชผมนำหนังสือ "วิธีการนั่งสมาธิ ของพระอริยคุณเส็ง" พกติดตัวมาอ่านด้วย ตั้งใจมาอ่านระหว่างบวช ไม่เคยเอาออกนอกกุฎิ ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ผมจึงไปถามพระที่ชอบอ่านหนังสือที่วัดว่า “ครูบารย์รู้จักพระอริยคุณเส็งไหม”
ครูบาร "อ๋อรู้จักสิท่านเป็นเป็นศิษย์เอกหลวงปู่มั่น และเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย ท่านปฏิบัติจนได้สมาธิขั้นสูงแต่ไม่เอามาตัดกิเลส สุดท้ายอวิชชาครอบงำทำให้ท่านเป็นบ้าไป" ผมขนลุกเลย

หลวงปู่จันทร์เรียน อายุ 80 ปีแล้ว ที่วัดถ้ำสหายมีพื้นที่อยู่ตาม ป่า เขา กว่า 1,000 ไร่ มีพระปฏิบัติกับหลวงปู่ 100 กว่ารูป กุฏิแต่ละหลังห่างกันมากกว่า 500 เมตร แต่หลวงปู่ท่านรู้การปฏิบัติของศิษย์ทุกรูป ว่าใครปฏิบัติไม่ปฏิบัติ สวดมนต์ ทำวัตรหรือไม่ หลวงปู่เคยกล่าว "วัดถ้ำสหาย 1,000 ไร่ นี้ก็เหมือนสุ่มไก่ สุ่มเดียว อยากจะรู้ว่าใครทำอะไรก็จิ้มดูได้เลย"

เย็นวันนั้นผมจึงเชื่อหลวงปู่จะภาวนา พุทโธ อย่างเดียว ขณะเดินจงกรม ผมก็ภาวนาพุทโธ ยิ่งภาวนาดวงแก้วใสก็เกิดขึ้นที่หว่างคิ้ว รวมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งภาวนายิ่งแน่นผมพยายามไม่สนใจกลับมา พุทโธๆๆ มันก็แน่นที่หว่างคิ้ว ในนิมิตผมได้ยินเสียงดัง เป้ง แล้วดวงแก้วก็แตกออกแล้วหายไปไม่มีอีกเลย ไม่มีตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกต่อไป ผมจึงเข้านอน จำความฝันได้ดี ฝันว่า เอารถไปเติมยางรถ เติมสามล้อแรกปกติดี พอเติมล้อที่สี่มันไม่เต็มสักที จึงไปเพิ่มความดัน ยางมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมจะวิ่งไปหยุดแต่หยุดไม่ทัน ยางแตกใส่หน้าผม เลือดออกเต็มหน้าผมเอามือจับหม้า เห็นฟันหน้าซึกใหญ่ 2 ซีกหลุดอยู่ที่มือ ขาว สวยมาก ผมตกใจตื่นจำความฝันได้ดี เช้ามาภาวนาพุทโธก็ไม่เกิดตุ๊บๆๆ ที่หว่างคิ้วอีกเลย กลางวันจึงมาภาวนาพุทโธ อีกครั้ง ปรากฏว่าอาการปวดเมื่อย เกิดขึ่นอีกครั้ง ผมรู้สึกท้อแท้ใจมาก เอ๋ ทำไมปวดเมื่อยอีกแล้ว มันเหมือนตอนเราเพิ่งหัดนั่งสมาธิใหม่เลยๆ เหมือนคนถูกทำลายวรยุทธ์ ชัดๆ อยากจะสึกมากๆ ที่เราทำมา 7 ปี นี่ไม่ถูกเลยหรือ เย็นนั้นผมจึงกลับมานั่งภาวนาพุทโธอีกครั้ง อธิฐานจิตว่า ครั้งนี้จะอยู่กับภาวนาพุทโธ เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ไปไหน ผมก็นั่งภาวนาพุทโธ ไป 2 ชม. มีแต่ความปวดเมื่อย จิตก็สั่งมาว่า “พอเถอะจะหักโหมทำไม พรุ่งนี้ค่อยนั่งใหม่ก็ได้”

ผมจึงตอบไปว่า “ขนาดพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีเป็นพระเตมีย์ใบ้นั่งเฉยๆ ตั้ง 16 ปี ยังทำได้ เราปราถนาความเป็นพุทธะ นั่งแค่ 2 ชม. ทนไม่ได้แล้วหรอ” ผมจึงนั่งพุทโธ ต่อภาวนาพุทโธ ไปเรื่อยๆ สักพักจิตก็ทิ้งพุทโธเอง ผมตามรู้ แล้วตัวก็ตั้งตรงเป็นไม้บรรทัด จิตรวมแล้วพุ่งเข้าไปใน รูเล็กๆ เท่ารูเข็ม ไปโผล่อีกมิติ ที่เวิ้ง ว้างกว้างใหญ่ ไม่มีทิศ มีทาง มีดวงแก้ว สว่างไสว อยู่กลางความเวิ้ง ว้างนั่น ไม่มีความรู้สึกทางกาย ไม่มีความรู้สึกถึงลมหายใจ มีแต่สติกับสักแต่ว่ารู้ไม่มีความคิดใดๆ ไม่มีสุข ไม่มีทุกข์ แต่รู้ทุกความเป็นไป นั่งอยู่กับดวงแก้วสักระยะ ความคิดก็เริ่มเข้ามาในมิติของผมได้ ความรู้สึกถึงลมหายใจก็ซัดเข้ามาเหมือนน้ำซัดเขื่อนแตก เมื่อลมเข้ามา ความสุขก็เข้ามา ไม่มีสุขใดในโลกเทียบเท่า นี่เป็นครั้งที่ 5 ความรู้สึกทุกข์ใจ เศร้าใจ อยากจะสึก หายไปหมด มีแต่ความสุข ชื่นใจไปทั่วร่างกาย ผมจึงรีบแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ จะนั่งสมาธิต่อก็นั่งไม่ได้แล้วมันสุขจึงนั่งต่อไม่ได้ จึงไปเดินจงกรมพิจาณาว่า เรานี่โง่แท้ถูกอวิชชาหลอกมาตั้งนาน ก็พิจาณาไปต่อ อวิชชา คือใคร จิตก็ตอบมาเอง ว่า อวิชชา ก็คือตัวเรานั่นเอง มันสว่างโล่ไปหมด
เข้าใจที่ พระอาจารย์โสภา กล่าวเตือนไว้ทั้งหมดแล้ว

ไม่ใช่ผมบรรลุธรรมอะไรนะครับ เป็นมนุษย์กิเลสหนาธรรมดา ขอเล่าประสบการณ์เป็นวิทยาทานครับ ตอนนี้เป็นฆราวาสจะนั่งสงบแบบนั้นไม่ได้แล้ว สาธุๆๆๆๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่