น้องชายผู้ทำลาย

ผมมีปัญหาครอบครัวมาเล่าและอยากจะถามความคิดเห็นซึ่งเกี่ยวกับน้องชาย

ครอบครัวผมมี
พี่น้อง3คน ซึ่งผมมีพี่สาว น้องชาย น้องสาว ผมเป็นพี่ชายคนที่2ครับ
เรื่องเริ่มจากว่า ชีวิตครอบครัวผม มักจะมีปัญหาเข้ามาตลอด ทั่งมีปัญหาเรื่องพ่อมีกิ๊ก จนทำให้บ้านแตก
ช่วงนั้นเป็นช่วยฟองสบู่แตก ไข้หวัดนกลง ซึ้งบ้านผมนั้นทำค้าขายไก่ ฐานะทางบ้านซึกเคยดีก็ล้มลง

ในตอนนั้นแม่ผมก็ดูแลลูกๆทั้งสี่คน คนเดียว (พ่อแยกทางกัน)และให้ลูกเรียนโรงเรียนประจำชื่อดังแถวชลบุรี เพราะแม่ไม่มีเวลาแม่ผมเป็นคนที่ขยันมาก และชอบทำบุญทำทานงานช่วยเหลือ (ปัจจุบันอายุ60) แต่สุดท้ายก็แย่ลงเรื่อยๆ ผมที่เป็นลูกชายคนโต จึงกลับมาเรียน ที่กทม. ตัวผมอยากเรียนสายปวช. เพราะอยากเรียนจบไวๆเพือได้มีเวลามาแบ่งเบาภาระแม่ แต่แม่เป็นห่วงกลัวผมเรียนไม่จบ บวกกับมีข่าวทะเลาะวิวาท จึงเข้าโรงเรียนรัฐบาลแถบชายแดนกทม. ทุกวันหลังโรงเรียนเลิก ก็ขับรถไปซื้อของให้แม่ ซึ่งตอนนั้น ได้เปลี่ยนมาค้าขายหมูแทน เลิกเรียนก็จะขับไปทุกวัน ขนหมูเป็นตันๆ  

ในตอนนั้นน้องชายผมก็จบม.3พอดี และได้ขอแม่เรียน โรงเรียนสายช่าง แม่ก็อนุญาติ วันเวลาผ่านไปทุกๆอย่างเริ่มดีขึ้น แต่น้องชายผมได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วซึ่ง กลายเป็นคนเริ่มก้าวร้าว ไม่เกรงกลัวใคร  ในจังหว่ะนั้น
ผมก็ได้เรียนจบม.ปลาย ก็เริ่มทำงานอย่างเต็มระบบกับธุระกิจครอบครัว ผมไม่เรียนต่อมหาลัย เพราะผมไม่ค่อยชอบการเรียนเท่าไหร่ พออยู่ได้ซักพักผมก็ได้ ออกรถกะบะมาหนึ่งคันเพื่อไว้ขนหมูโดยตรง ผ่อนยาวๆและขับรถส่งของ

และวิ่งส่งของตั่งแต่ฟ้ายังไม่สาง จนถึงเย็น ชีวิตผมค่อนข้างดี ในจังหวะนั้นฐานะทางครอบครัวซึ่งเริ่มดีขึ้น แม่ผมก็ทำบุญบ่อยมากขึ้น เพราะหากจะล้มก็ขอให้บุญช่วยหนุนหลังเพราะเคยแม้กระทั่งเป็นบุคคลล้มละลาย ในสายตาคนรอบข้างมักมองแม่ผมเป็นหญิงแกร่ง สู้ชีวิต แม้จะเหลือคนเดียวก็ไม่เคยคิดทิ้งลูก ใครขอความช่วยเหลือ แม่ผมยินดีที่จะช่วยเสมอ ทำงานช่วยสังคม มีหน้ามีตาในสังคม เรียนจบป.โท และกำลังจบด็อกเตอร์ ได้โล่แม่ดีเด่น ในแถบ สน.ใกล้าบ้านไม่ว่าจะวันเด็ก หรือวันต่างๆ แม่ผมก็มักจะเอาของไปแจกเด็กๆ เป็นเจ้าภาพ สร้างโบสถ์ หล่อพระ หลานคนไหนไม่มีเงินเรียนก็เอามาเลี้ยงมาส่งเสียให้เรียนซึ่งทุกอย่างดีไปหมด แต่แล้วน้องชายที่เริ่มเละเทะก็เรียนไม่จบ เริ่มคบเพื่อนใหม่

แม่ก็พยายามพลักดันให้เรียน สุดท้ายก็ไม่เอา ก็เลยพลักดันให้ทำงานก็ไม่ขยัน ในตอนนั้นผมมีแฟนและมีบ้านอยู่และอยู่คนละบ้านกับแม่ น้องชายผมก็เริ่มทำตัวเหลวไหล เพราะมาอยู่บ้านเดียวกับผมมีข้าวกินทุกวัน ตกกลางคืนออกไปเที่ยว แต่แม่จับได้จึงทั้งดุทั่งด่า

พอโดนบ่อยๆ น้องชายผมก็เริ่มระวังตัว และได้สงสัยในตัวแฟนผมว่าเป็นคนไปฟ้อง แต่จริงแล้วไม่ใช่แม่ผมได้ยินมาจากคนระแวกบ้าน เค้าเล่าให้ฟังบ่อยๆเพราะแม่รู้จักคนเยอะ แต่แล้ววันนึง แม่ น้องชาย ผมและแฟน ได้อยู่ด้วยกันพอดี  แม่ก็ซึ่งมีเรื่องเครียดเยอะ จึงได้ ถามน้องชายว่า ทำไมทำตัวไม่ดีไม่เอาอะไรซักอย่างทั้งเที่ยวกลางคืนไปนู้นไปนี่  น้องชายซึ่งเคยเอะใจจึง หันมามองแฟนผม และบอกว่ามืงฟ้องแม่หรอทั้งๆที่แม่ก็ยืนหัวโด่ และก็ได้เริ่มเถียงกัน ผมจึงห้ามแฟนว่าอย่าไปยุ่งกับมันเลยปล่อยมันไป จึงพาแฟนออกไปข้างนอกเพื่อให้แฟนไม่ต้องคิดมาก และไปหาข้างกินระหว่างกินข้าว  

แฟนผมซึ่งเป็นคนคิดมาก ก็แคร์ความรู้สึกคนอื่น อยากให้เครียว่าเค้าไม่ได้พูด จะได้เลิกสงสัยเพราะอย่างน้อย เค้าก็เป็นห่วงความรุ้สึกผมซึ่งเป็นคนกลาง ระหว่างครอบครัว  จึงคิดว่าเอางั้นก็ได้เดียวกลับบ้านไปค่อยอธิบายกันนะ กลับเข้าบ้านมาสามทุ่ม น้องชายของผมก็กลับมาบ้าน ผมกับแฟนจึงจับมือเดินไปเคาะห้อง ยืนรอหน้าห้อง น้องขายก็เปิดประตู พอเจอหน้าปุ๊ป แฟนผมเริ่มเรื่อง นี่พี่ไม่ได้บอกแม่นะพี่
น้องชายผมก็เริ่มขึ้น กลับมาในประโยคแรก ถ้าไม่ใช่มืงแล้วจะเป็นใคร แฟนผมก็บอกถ้าพี่ไปทำอย่งงั้นแล้วพี่จะได้อะไร พี่ไม่รู้ แฟนผมพูดอย่างใจเย็นเพื่อได้ไม่ต้องมีปัญหา แต่แล้วมันไม่จบแค่นั้น แฟนผมเริ่มหมดความอดทนกับน้องชายผม เถียงกันไปกันมา จนมาพูดเรื่องน้องชายผมชอบปิดประตูเสียงดัง

เวลาหงุดหงิดทะเลาะกับใครมากลางค่ำกลางคืนตี1ตี2  และได้พุดคำสุดท้ายว่า ถ้าพี่ทำเหมือนที่มืงทำ จะรู้สึกยังไง   ในตอนนั้นน้องชายผมเถียงอะไรไม่ได้และแถไม่ได้ จึงชี้หน้ามืง พร้อมพูดมาว่า เดียวกุแทงยิ้มเลย ผมจึงพลักแฟนเข้าห้องผมซึ่งอยู่ห้องตรงข้ามตัวผมก็เข้ามาด้วย ในตอนนั้นผมเห็นมันถือมีดออกมาชักออกจากปลอก แฟนผมทั่งตกใจและกลัว ผมได้โทรแจ้งสายตรวจมาให้รีบเข้ามาระงับเหตุ แต่ก็นานมาก และโทรหาแม่ ตอนที่แม่กำลังขับรถมาหา น้องชายผมได้เตรียมเก็บเสื้อผ้าข้าวของและกำลังออกจากบ้านไป แต่แม่ผมก็หยุดมันไม่ได้   ผมและแฟนจึงคุยกับแม่ ว่าควรทำยังไง แต่แล้ว

แม่ก็พูดชึ้นมาว่าก็ไปแจ้งความสิ พอตำรวจมา ตำรวจก็รู้จักแม่ผม แม่ผมก็อธิบายไป จนแยกย้าย
แต่แล้ว ผมที่คิดว่าจะทวงความยุติธรรมให้แฟนผม จึงไปแจ้งความ ผมไปด้วยใจทีอยากช่วยทวงความยุติธรรมให้แฟน ลูกเค้ามีพ่อมีแม่ ผมเขามา แต่กลับทำให้เขาเจอแบบนี้ ด้วยคนในครอบครัว

ไปถึงสน.มันกลับกัน ผมไม่สามารถช่วยอะไรแฟนผมได้เลย ตำรวจซึ่งรู้จักแม่ผมและมองเป็นเรื่องในครอบครัวจึงพูดให้ไม่ต้องมีปัญหา เอียงเอนไปทางน้องชาย เพราะเกรงใจแม่ และทำได้เพียงลงบันทึกประจำวัน เท่านั้น แต่ผมยังไม่เลิกพยายามจึงหาทางออกอื่นในเมื่อตำรวจไม่สามรถเอาคนผิดมาลงโทษได้ อาจจะดูเหมือนผมเลวไม่รักครอบครัว แต่หารู้ไม่เรื่องในตอนนั้นได้เงียบหายไป น้องชายไม่โดนแม่ด่าหรือได้บทเรียนอะไรเลยไม่มีความช่วยเหลือใดๆ หรือเยียวยาความรู้สึกแฟนผมที่เข้ามาในครอบครัวให้ใจเต็ม100

ทั้งโทรหาคอลเซนเตอร์ มูลนิธิที่คิดว่าอาจจะพอมีทางออก แต่แล้วมันก็ไม่เพียงพอที่จะทำอะไรได้
เพราะอะไรกันคำตอบที่ผมหาได้คือ    ผมและแฟนยังไม่ได้ถูกแทงหรือมีแผล เต็มที่แค่ข่มขู่
จากวันนั้นแฟนผมได้สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวแม่ผัวไปทั้งหมด มันไม่ยุติธรรมเลย

เรื่องในครั้งนั้น จบแบบงงๆ นั้นคือครั้งที่1 ที่เขารอดจากการทำความผิด

ต่อมาแม่กับพ่อได้กลับมาอยู่ด้วยกันพ่อก็กลับใจได้จบเรื่องพ่อที่เคยคิดว่าพักไปแล้วก็กลับมาอยู่ครบครอบครัว  แต่ว่า

ต่อมา ไม่นาน น้องชายได้มีแฟน และได้กลับไปอยู่กับแม่ และพาเมียไปอยู่ด้วยแต่ก็ไม่ทำงานเหมือนเดิม
พอไม่มีตังก็จะแอบขโมยเงิน ที่แม่วางไว้ เพราะลูกค้าจ่ายค่าสินค้ามาเป็นเหรียญ ถุงละร้อย ในแต่ละครั้งลูกค้าจะจ่ายเป็นเหรียญ 4-5ถุง  วันเว้นวัน   ที่ไปส่งของลูกค้ารายนี้ และวางไว้เรื่อยๆ  

>>>>>และเป็นอีกครั้งที่เขารอดจากการทำผิด<<<<<

โดยที่ไม่ได้เอาไปเข้าธนาคาร ทุกครั้งเขาจะพาเมียไปด้วยแหละให้เมียเอาเงินไปแลกตามร้านค้า  ในตอนนั้นแม่ก็รู้ว่าเงินหายแต่ก็ไม่พูดอะไรด้วยความเป็นห่วงที่ว่า น้องชายจะไม่มีเงินกินข้าว
ผมตั่งแต่เกิดเหตุเรื่องนั้นก็ไม่เข้าใกล้น้องชายอีกเลย

พอนานวันเข้าน้องชายผมก็ได้มีลูกกับเมียเขา แม่ผมซึ่งเห็นว่ามีลูก จึงจ้างน้องชายและเมียของเขา
น้องชายและเมียได้ตกลง ผมคิดว่าเออสงสัยมีลูกคงคิดได้ที่จะเริ่มทำงาน แม่ผมได้ออกรถกะบะให้ซื้อมือ1 น้ำมันเบิกได้ งานของน้องชายอาทิตย์ละสามวัน วันละ500 บางวันพอได้เงินหรือเงินเดือนออกก็จะหายไปจากบ้านสองสามวัน
ส่วยเมียได้นั่งทำงานในออฟฟิต นั่งเก็บเงินลูกค้า แต่ว่าน้องชายผมใช้เงินหมดไม่มีใช้ก็ยังคงแอบเอาเงินเหรียญเช่นเคย พวกค่านมลูกของเล่น  ของกิน แม่ผมก็เปย์ให้หลานเต็มที่ ไม่เคยขาด พอนานไป คู่ผัวเมียได้ใช้ลูกเป็นเครื่องมือ ขอเงินซื้อนั้นนี่ให้หลาน แม่ผมก็ให้ อยากให้หลานมี ซื้อรถเด็กเล่นที่เด็กขับเองได้ให้ จนมีหระมาณ5คัน ส่วนที่ซื้อเยอะเพราะ พอหลานเล่นเสร็จคู่ผัวเมียไม่เคยเอารถของลูกเก็บเป็นที่เลยพัง

ไม่ดูแลเมียเขาซึ่งก็ไม่ใช่คนขยันเวลา ผัวอยากได้เงิน ก็จะแอบ เอาเงินออกและไม่ลงบัญชีว่าขายของอะไรไปบ้าง  และจบเช่นเคย อีกครั้งแล้วที่เขาทำผิดและผ่านไป  

จนทางบ้านจ้างพนักงานบัญชีใหม่ ซึ้งมีทั้งจดสต็อกของ โดนเปลี่ยนสะไภ้ให้  ไปทำงานตวงส่วนผสม แทนซึ่งทำวันละ 1 เงินเดือน 12,000บาท
จากที่คู่ผัวเมีย สามรถเอาเงินได้ก็พลาดไป  นานวันเข้ายิ่งหนักข้อ แอบขโมยสินค้าไปขาย ซึ้งหายทั้งทุนและกำไร  เขาโดนด่า
และจบเช่นเคยครั้งนี้เขาก็รอด  

จากที่ผัว ขับรถส่ง อาทิตย์ละ 3วัน ก็น้อยลง  แต่เบิกค่าน้ำมันเท่าเดิมเหมือนปกติ   ทุกครั้งที่มีน้ำมันก็จะหายไปสองวัน  กลับมาก็ตี1ตี2ทุกครั้ง
แม่ผมเริ่มป่วย เริ่มตรอมใจ แอบร้องไห้ แต่ก็พยายามลุกให้ได้  แต่ลูกชายและเมียก็ยังทำตัวเช่นเคย   ทุกครั้งที่เงินหมดจะกบับมาขโมยของไปขาย บางวันติดป้ายหน้าร้าน ให้ลูกค้าที่มาในวันหยุดให้ติดต่อเบอร์ของพวกเขาโดยตรง จนพนักงานที่สต็อกของเริ่มเครียดที่สต็อกของหายไปไหน  ดูกล้องและรู้ว่าคู่ผัวเมียเอาไป ซึ่งแม่รับรู้ และ>>>>>>>จบลงตรงที่ อืมมม  เหมือนเดิมครับ พวกเขารอด  <<<<<
บางครั้งน้องชายจะทำตัวเป็นเซลไปลงตลาด ไปขายของได้เงินเยอะแยะ
แต่ที่ไหนได้ เขาเอาสินค้าไปขายตัดราคาที่ต่ำกว่า ราคาปกติ บางทีก็แถมให้ลูกค้า   เพื่อให้มาติดต่อโดยตรง
ภายหลัง พนักงานสต็อกได้มีปัญหากับเขา  เพียงเพราะต้องการหาสาเหตุว่าครั้งนี้หายเพราะอะไร และมีปากเสียง น้องชายผมได้  พูดว่ากูเป็นเจ้าของที่นี่มืงออกไปเลยนะ ไล่พนักงานคนนั้นออก  ขว้างเก้าอี้ใส่ ทั้งๆที่คนๆนั้นไม่ผิดอะไรเลย   และได้เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็พูดเหมือนตอนเคสแฟนผม ว่าให้พนักงานแจ้งความ  แต่ในความเป็นจริง พนักงานก็ยังเกรงใจและไม่กล้าไป แจ้งความ
ต่อให้ไปจริง ตำรวจคงทำเหมือนเคสผม และแล้วเขาก็รอดอีกครั้ง

แต่แล้วมาวันนึงน้องชายผมต้องการเงินเพื่อไปซื้อของที่เขาอยากได้ ขอยืม15,000 และจำทำงานใช้คืนให้ภายใน15วัน
แม่ผมซึ่งมีเรื่องมากมายที่ต้องจ่าย ทั้งที่ดินเงินกู้ที่มาขยายธุรกิจ  ก็ได้ยืนเถียงกัน น้องชายผมก็พูดอ้างถึงครอบครัว
ว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งแม่ผมช้ำใจมาก ยืนน้ำตาไหล และขว้างเงินที่ คู่ผัวเมียอยากได้ไป ปึกนึง และแล้วคู่ผัวเมีย ก็ขับรถหายไปสามวัน ไม่กลับมาบ้านเลย
และกลับมาทำงาน1วันตามสัญญา ทำบ่ายสองถึง6โมง  จนมีลูกค้ามาซื้อของ ก็แอบขายของโดยที่ไม่ลงเงินและหายไปอีก

จนตอนนี้แม่ผม เหมือนตายทั้งเป็น ตรอมใจ ไข้ขึ้น  เข้ารพ. ไม่กลับบ้าน ที่ผ่านมา
สองสามวันเขาก็จะร่าเริงแต่ตอนนี้ไม่ใช่ แต่พ่อก็ยังคอยดูแลแม่อยู่


(บางครั้งที่เขาไม่พอใจ พ่อหรือแม่ก็จะขว้างของใส่ขึ้นเสียงตะคอก บางครั้งตีเมีย ด่าต่อหน้าลูกที่อยู่ในวัยหัดพูด)
ผมควรทำอย่างไรดีที่จะผ่านจุดนี้ไปได้ยังไง พนักงานที่ไว้ใจได้ที่คอยค้ำจุน บริษัท ก็ไม่มีที่พึ่งพาเพียงเพราะไม่มีใครห้ามเขาได้
หรือปรามได้เลย

จะมีวิธีที่ขัดเกลาได้ไหม มัน มีอะไรที่ผมจะทำได้บ้าง   ผมสงสารแม่  ตอนเด็กเขาไม่ใช่คนแบบนี้ ผมพยายามให้แม่ปล่อยวาง
แต่แม่ก็ยังคงร้องไห้ทุกวัน นั่งเหม่อ ผมคุยกับแม่ แม่ก็น้ำตาคลอ   ทำกับข้าวเพราะอยากกิน พอเสร็จก็บอกไม่อยากกิน
ทุกวันนี้ผมห่วงพ่อและแม่ พี่สาวและน้องสาวที่สุด สำหรับผม ผมไม่มีน้องชายตั่งแต่ที่เขาเอามีดไล่แทง

สิ่งที่ผมกลัวคือ ผมกลัวว่าวันนึงถ้าแม่ยังไม่ตัดใจปล่อยเขาไป เขาจะฆ่าพ่อและแม่ หากเขาไม่ได้ในสิ่งต้องการ

จนตอนนี้
ธุรกิจกำลังจะพังเพราะลูกชายเทวดา ที่ไม่เห็นหัวใครเลยหากเขาไม่ได้อย่างใจ  คู่ผัวเมียที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่ง
   บุญที่แม่เคยทำกับช่วยเหลือให้เขารอดจาก ความตาย หรือคุก ตลอด    ผมควรปลุกใจแม่ไหมครับ
มันมีทางออกไหนอีกไหมที่ผมทำได้ หรือผมควรรอให้เวลา

ขอบคุณพี่ๆที่เข้ามาอ่านนะครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม หากผิดพลาดประการใดขอโทษด้วยนะครับ


ขอฟังความเห็นพี่ๆหน่อยครับ ด่าได้แต่อย่าแรงนะครับ ผมพร้อมจะฟัง








[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่