ผมว่าคนเราทุกคนต้องมี”ช่วงหนึ่งของชีวิต-A Moment of Life” ที่ไม่ธรรมดาให้ต้องจดจำ!ทั้งทางดีและทางร้ายด้วยกันทั้งนั้น
ผมก็ไม่ต่างจากคนอื่นครับอยู่มานานเกิน 5 รอบมากกว่าหกสิบปีแบบนี้ ก็ต้องมีบางช่วงของชีวิตที่พลิกผันกันบ้างล่ะครับ
แต่ผมไม่เล่าให้ฟังทุกเรื่องนะครับ ที่จะเล่าให้ฟังก็จะเล่าเฉพาะเรื่องที่ดีเป็นมงคลในชีวิตมากกว่า จะเอาเรื่องไม่ดีไม่เป็นมงคลกับชีวิตมาเล่าให้ฟังทำไม?
ณ ตอนนี้นะ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่เหมือนกัน?
คุณๆอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนครับว่ากว่าผมจะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกินเวลาต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปี
กับสิ่งที่เรียกว่า “มหากาพย์มหาภารตะ” วรรณกรรมอมตะของอินเดียโบราณนั้น
มันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆเพียงแค่จุดเดียว! แต่เป็นจุดสะกิดใจ จนทำให้กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในเวลาต่อมาครับ
ผมไปเที่ยวเขมร(ตั้งแต่ปี2544)
เริ่มตั้งแต่ไปแบบรีบไปรีบมา (เพราะค่าโรงแรมแพงเหลือเกิน) แค่สามวันสองคืน
จนกระทั่งเที่ยวแบบทอดน่องไม่รีบไม่ร้อนยาวนานเจ็ดวันหกคืน

บอกตามตรงว่า
นับครั้งไปเที่ยวเขมรไม่ถ้วนกับระยะเวลาต่อเนื่องประมาณสิบห้าปีที่ผมจมอยู่กับการเที่ยวที่ผมเรียกว่า “เที่ยวนครวัด-ยลนครธม”
หรือที่ผมบัญญัติใหม่เป็น Classic Angkor Tour ในปัจจุบัน
ผมว่าเรื่องนี้มันคงมีโชคชะตาฟ้าลิขิต ดลบันดาลให้เรามาพบเจอกันครับ
ผมเชื่อแบบไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ว่า ชาติก่อนๆหลายชาติ
ผมคงจะเคยเป็นใครสักคนที่มาเกิดและมีชีวิตในช่วงเวลาที่อาณาจักรเขมรโบราณอันมีชื่อว่า “อาณาจักรเมืองพระนคร-Angkor Empire”กำลังรุ่งเรืองเป็นแน่?
ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด !
ผมเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด
หรือรีอินคาร์เนชั่น(Reincarnation)ที่แปลว่าอวตาร?
แต่บอกก่อนว่าเชื่อเฉยๆ ไม่มีอภิญญาระดับปุพเพนิวาสานุสตินะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่า ผมระลึกชาติได้ ยุ่งตายเลย
แต่นั่นไม่เท่ากับว่า การไปเที่ยวเขมร-เดินดูปราสาทนครวัดแบบไม่รู้เบื่อนั้น
จะนำพาผมเข้าไปสู่อีกมิติของการเรียนรู้เรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองมาก่อน
มหากาพย์มหาภารตะ (Mahabharata Epic)
คือเรื่องที่มาบรรจบพบเจอกันในระหว่างการเที่ยวเขมรตระเวนอาณาจักรเมืองพระนคร ชมปราสาทนครวัด ยลเมืองนครธม
ผมจมอยู่กับการเที่ยวเขมรสิบห้าปีเต็ม ในขณะที่จมอยู่กับการค้นคว้าหาความรู้และทำความคุ้นเคยกับมหากาพย์มหาภารตะอยู่นานถึงสิบปีเต็ม
นี่คือช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมจะคุยให้ฟังเขียนให้อ่านเป็นเรื่องสั้นขนาดสักสี่ห้าตอนจบ
ลองคิดดูว่า ผมผลิตงานที่เกี่ยวข้องกับเขมรและมหากาพย์มหาภารตะออกมาแบบชนิดที่เรียกว่าครบวงจรขนาดนั้น
มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ช่วงหนึ่งของชีวิต - A Moment of Life ชมปราสาทนครวัด ยลเมืองนครธม ตอนที่ 1
ผมก็ไม่ต่างจากคนอื่นครับอยู่มานานเกิน 5 รอบมากกว่าหกสิบปีแบบนี้ ก็ต้องมีบางช่วงของชีวิตที่พลิกผันกันบ้างล่ะครับ
แต่ผมไม่เล่าให้ฟังทุกเรื่องนะครับ ที่จะเล่าให้ฟังก็จะเล่าเฉพาะเรื่องที่ดีเป็นมงคลในชีวิตมากกว่า จะเอาเรื่องไม่ดีไม่เป็นมงคลกับชีวิตมาเล่าให้ฟังทำไม?
ณ ตอนนี้นะ แต่ในอนาคตก็ไม่แน่เหมือนกัน?
คุณๆอาจจะไม่เคยทราบมาก่อนครับว่ากว่าผมจะทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวกินเวลาต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปี
กับสิ่งที่เรียกว่า “มหากาพย์มหาภารตะ” วรรณกรรมอมตะของอินเดียโบราณนั้น
มันเริ่มต้นจากจุดเล็กๆเพียงแค่จุดเดียว! แต่เป็นจุดสะกิดใจ จนทำให้กลายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตในเวลาต่อมาครับ
ผมไปเที่ยวเขมร(ตั้งแต่ปี2544)
เริ่มตั้งแต่ไปแบบรีบไปรีบมา (เพราะค่าโรงแรมแพงเหลือเกิน) แค่สามวันสองคืน
จนกระทั่งเที่ยวแบบทอดน่องไม่รีบไม่ร้อนยาวนานเจ็ดวันหกคืน
บอกตามตรงว่า
นับครั้งไปเที่ยวเขมรไม่ถ้วนกับระยะเวลาต่อเนื่องประมาณสิบห้าปีที่ผมจมอยู่กับการเที่ยวที่ผมเรียกว่า “เที่ยวนครวัด-ยลนครธม”
หรือที่ผมบัญญัติใหม่เป็น Classic Angkor Tour ในปัจจุบัน
ผมว่าเรื่องนี้มันคงมีโชคชะตาฟ้าลิขิต ดลบันดาลให้เรามาพบเจอกันครับ
ผมเชื่อแบบไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ว่า ชาติก่อนๆหลายชาติ
ผมคงจะเคยเป็นใครสักคนที่มาเกิดและมีชีวิตในช่วงเวลาที่อาณาจักรเขมรโบราณอันมีชื่อว่า “อาณาจักรเมืองพระนคร-Angkor Empire”กำลังรุ่งเรืองเป็นแน่?
ผมเชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด !
ผมเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด
หรือรีอินคาร์เนชั่น(Reincarnation)ที่แปลว่าอวตาร?
แต่บอกก่อนว่าเชื่อเฉยๆ ไม่มีอภิญญาระดับปุพเพนิวาสานุสตินะครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่า ผมระลึกชาติได้ ยุ่งตายเลย
แต่นั่นไม่เท่ากับว่า การไปเที่ยวเขมร-เดินดูปราสาทนครวัดแบบไม่รู้เบื่อนั้น
จะนำพาผมเข้าไปสู่อีกมิติของการเรียนรู้เรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีอยู่ในหัวสมองมาก่อน
มหากาพย์มหาภารตะ (Mahabharata Epic)
คือเรื่องที่มาบรรจบพบเจอกันในระหว่างการเที่ยวเขมรตระเวนอาณาจักรเมืองพระนคร ชมปราสาทนครวัด ยลเมืองนครธม
ผมจมอยู่กับการเที่ยวเขมรสิบห้าปีเต็ม ในขณะที่จมอยู่กับการค้นคว้าหาความรู้และทำความคุ้นเคยกับมหากาพย์มหาภารตะอยู่นานถึงสิบปีเต็ม
นี่คือช่วงหนึ่งของชีวิตที่ผมจะคุยให้ฟังเขียนให้อ่านเป็นเรื่องสั้นขนาดสักสี่ห้าตอนจบ
ลองคิดดูว่า ผมผลิตงานที่เกี่ยวข้องกับเขมรและมหากาพย์มหาภารตะออกมาแบบชนิดที่เรียกว่าครบวงจรขนาดนั้น
มันต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน