สวัสดีครับทุกท่าน
ต่างชาติจะหยุดขายเมื่อไหร่?
จะตอบคำถามนี้
ต้องมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เมื่อวาน กนง. ประกาศจะตรึงดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปีที่ 1.5%
ขณะที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
ตอนนี้อยู่ที่ 1.75-2.00%
อีก 2 ครั้งก็ 2.25-2.50%
นั่นแปลว่า ปลายปีนี้ ดอกเบี้ยจะต่างกันอยู่ที่ 1.00%
1% นั้น สำคัญไฉน
ถ้าเอาอย่างง่ายๆ
ถ้าดันมีนักลงทุน กู้เงินดอกเบี้ย 1.5%
แล้วเอาเงินไปฝากที่ อเมริกา กินดอกเบี้ย 2.5%
ก็จะได้กำไรโดยแทบจะไร้ความเสี่ยง
ประเทศไทย ไม่จำกัดการไหลเข้าออกของเงินทุน
ในขณะที่ดอกเบี้ย นโยบายจำกัดโดย ธปท
ดังนั้น ค่าเงินบาทจึงเป็นตัว ปรับสมดุล
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ
เงินจะไหลออกจากประเทศไทย
ขายบาท ไป ซื้อดอลล่าร์
ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว
ซึ่งก็แน่นอน ธปท ก็ขายดอลล่าร์มาสู้
เพื่อไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป
ซึ่งอีกไม่นานก็จะเอาไม่อยู่
หุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้ไทย ถูกเทขาย
และจะยิ่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ
จนถึงปลายปี
เพราะนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทย
จะรู้สึกว่า ยิ่งนานตัวเองจะยิ่งขาดทุน
ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์ 2 อย่าง
1. ถ้า ธปท ยังคงดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีได้จริง
ค่าเงินบาท จะอ่อนค่าอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
โดยจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
34-35 บาท ยังพอไหว
ถ้า 40 ไหวไหม??
ซึ่งพอไม่ไหว ก็จะนำไปสู่ข้อ 2
2. ดอกเบี้ยจะขึ้นแบบก้าวกระโดด
FED ขึ้น 0.25 คราวนี้ เราต้องขึ้นทีละ 0.5
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน คือ
ถ้าไม่จำเป็น "อย่ากู้เงิน" เพราะดอกเบี้ยเงินกู้จะขึ้นเร็ว
แบบไม่รู้ตัว เมื่อ เศรษฐกิจ ลดความร้อนแรงลง
ท่านอาจเอาตัวไม่รอด จากภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
ส่วนต่างชาติจะขายหุ้นไทยไปถึงไหน?
ก็น่าจะไปจนถึง เงินบาทสุดท้ายที่ลงทุนในไทย
ถ้าดอกเบี้ย และ ค่าเงินไม่ขึ้นไปจนถึง
จุดที่ผลตอบแทนเหมาะสมนั่นเอง
แต่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็มี
เช่น หุ้นส่งออก ประกันภัย ธนาคาร
เปิด S TFEX ก็ทำเงินได้
เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ซื้อตราสารหนี้ ก็ทำเงินได้
แต่ช่วงนี้...ก็นะ
ถ้าซื้อ... ก็ขาดทุน
ขอให้โชคดีครับทุกท่าน
สวัสดีครับทุกท่าน ... ต่างชาติจะขายจนถึงเมื่อไหร่ ... !!!!!
สวัสดีครับทุกท่าน
ต่างชาติจะหยุดขายเมื่อไหร่?
จะตอบคำถามนี้
ต้องมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
เมื่อวาน กนง. ประกาศจะตรึงดอกเบี้ยนโยบายจนถึงสิ้นปีที่ 1.5%
ขณะที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
ตอนนี้อยู่ที่ 1.75-2.00%
อีก 2 ครั้งก็ 2.25-2.50%
นั่นแปลว่า ปลายปีนี้ ดอกเบี้ยจะต่างกันอยู่ที่ 1.00%
1% นั้น สำคัญไฉน
ถ้าเอาอย่างง่ายๆ
ถ้าดันมีนักลงทุน กู้เงินดอกเบี้ย 1.5%
แล้วเอาเงินไปฝากที่ อเมริกา กินดอกเบี้ย 2.5%
ก็จะได้กำไรโดยแทบจะไร้ความเสี่ยง
ประเทศไทย ไม่จำกัดการไหลเข้าออกของเงินทุน
ในขณะที่ดอกเบี้ย นโยบายจำกัดโดย ธปท
ดังนั้น ค่าเงินบาทจึงเป็นตัว ปรับสมดุล
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ
เงินจะไหลออกจากประเทศไทย
ขายบาท ไป ซื้อดอลล่าร์
ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าอย่างรวดเร็ว
ซึ่งก็แน่นอน ธปท ก็ขายดอลล่าร์มาสู้
เพื่อไม่ให้เงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป
ซึ่งอีกไม่นานก็จะเอาไม่อยู่
หุ้น พันธบัตร ตราสารหนี้ไทย ถูกเทขาย
และจะยิ่งมากขึ้นไปเรื่อยๆ
จนถึงปลายปี
เพราะนักลงทุนต่างชาติที่ลงทุนในไทย
จะรู้สึกว่า ยิ่งนานตัวเองจะยิ่งขาดทุน
ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์ 2 อย่าง
1. ถ้า ธปท ยังคงดอกเบี้ยไปจนถึงสิ้นปีได้จริง
ค่าเงินบาท จะอ่อนค่าอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ
โดยจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น เมื่อ FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง
34-35 บาท ยังพอไหว
ถ้า 40 ไหวไหม??
ซึ่งพอไม่ไหว ก็จะนำไปสู่ข้อ 2
2. ดอกเบี้ยจะขึ้นแบบก้าวกระโดด
FED ขึ้น 0.25 คราวนี้ เราต้องขึ้นทีละ 0.5
คำแนะนำสำหรับนักลงทุน คือ
ถ้าไม่จำเป็น "อย่ากู้เงิน" เพราะดอกเบี้ยเงินกู้จะขึ้นเร็ว
แบบไม่รู้ตัว เมื่อ เศรษฐกิจ ลดความร้อนแรงลง
ท่านอาจเอาตัวไม่รอด จากภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
ส่วนต่างชาติจะขายหุ้นไทยไปถึงไหน?
ก็น่าจะไปจนถึง เงินบาทสุดท้ายที่ลงทุนในไทย
ถ้าดอกเบี้ย และ ค่าเงินไม่ขึ้นไปจนถึง
จุดที่ผลตอบแทนเหมาะสมนั่นเอง
แต่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็มี
เช่น หุ้นส่งออก ประกันภัย ธนาคาร
เปิด S TFEX ก็ทำเงินได้
เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ซื้อตราสารหนี้ ก็ทำเงินได้
แต่ช่วงนี้...ก็นะ
ถ้าซื้อ... ก็ขาดทุน
ขอให้โชคดีครับทุกท่าน