รีวิวแมทช์เยอรมนี-เม็กซิโก (0-1) : นี่ไม่ใช่เยอรมนีที่เรารู้จัก

นัดแรกของกลุ่ม เยอรมนีพบกับเม็กซิโก ทีมแชมป์กลุ่มคอนคาเคฟ เป็นงานที่ไม่ง่ายนัก แต่ด้วยศักยภาพของทีมแชมป์เก่า ย่อมเหนือกว่าและมีโอกาสชนะพอสมควร

นัดนี้บุนเดสเทรนเนอร์โยอาคิม  เลิฟจัดทีมภายใต้แผนการเล่น 4-2-3-1 ที่เราคุ้นเคยกัน โดยให้กัปตันทีมมานูเอล นอยเออร์เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู คู่เซนเตอร์เป็นมัทส์ ฮุมเมิ่ลส์และเยโรม บัวเต็ง แบ๊กขวาเป็นโยชัว คิมมิช แบ๊กซ้ายเป็นมาร์วิน พลัทเท่นฮาร์ดท์แทนที่โยนาส เฮคเตอร์ที่ป่วย  มิดฟิลด์ตัวกลางเป็นซามี่ เคดิร่าและโทนี่ โครส มิดฟิลด์ตัวรุกเป็นเมซุท โอซิล ริมเส้นฝั่งซ้ายเป็นยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ ฝั่งขวาเป็นโธมัส มึลเลอร์ กองหน้าเป็นติโม แวร์เนอร์

ครึ่งแรกเยอรมนีเปิดเกมรุกแบบช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไป การดันขึ้นสูงของแบ็กสองข้างโดยเฉพาะทางฝั่งขวาและการเติมเกมของมิดฟิลด์คู่กลาง ขณะที่เม็กซิโกใช้การไล่บอลปิดพื้นที่ และสวนกลับเป็นระยะ ๆ ซึ่งสร้างอันตรายให้เยอรมนีได้บ่อย ๆ จะเห็นว่ามิดฟิลด์ตัวกลางของเยอรมนีเดินเกมรุกขึ้นสูงจนเกิดช่องว่างระหว่างกองกลางกับกองหลัง โดยเฉพาะ มิดฟิลด์ Box-2-Box อย่างเคดิร่าซึ่งควรรักษาตำแหน่งในการลงมาไล่บอลในเกมรับกลับทำได้แย่ หลายจังหวะเติมขึ้นสูงแต่ลงไม่ทัน อีกทั้งแบ๊กสองข้างดันขึ้นสูงแต่ไม่มีใครมารองบอล โดยเฉพาะโยชัว คิมมิชซึ่งเปิดพื้นที่ทางฝั่งขวาให้เม็กซิโกสวนกลับได้บ่อย ๆ และ ในนาทีที่ 35 ก็ทำให้เยอรมนีเสียประตูจากจังหวะสวนกลับของเม็กซิโกที่ชิชาริโต้จ่ายออกทางขวาของเยอรมนีให้เออร์วิง โลซาโน่ลากหลบโอซิลตัดเข้าในแล้วยิงนำ 1-0 แต่หลังจากโดนนำแล้วเยอรมนีกลับเร่งเกมไม่ขึ้น ไม่มีการไล่บอลอย่างกระตือรือร้นและการเปิดเกมอย่างดุดันราวกับว่ายังไม่ตื่นจากฝัน จบครึ่งแรกโดนนำ 0-1

ครึ่งหลังแทนที่เลิฟจะเปลี่ยนตัวทันทีกลับใช้นักเตะชุดเดิมเล่นต่อ และพยายามเปิดเกมบุกมากขึ้นแต่ยังไม่อาจเอาประตูคืนได้ จนกระทั่งเม็กซิโกเปลี่ยนเอดสัน อัลวาเรซลงมาตั้งรับปิดเกม เลิฟจึงเปลี่ยนมาร์โค รอยส์ลงแทนซามี่ เคดิร่า เป็นตัวรุกอีกตัวในนาทีที่ 60 เยอรมนีเปิดเกมบุกอย่างหนักแต่กลับไม่เป็นผล กองหน้าอย่างติโม แวร์เนอร์ถูกปิดพื้นที่จนหายไปจากเกม มิดฟิลด์ตัวรุกและริมเส้นทำเกมที่ถนัดของตัวเองไม่ได้ ต่อมานาทีที่ 79 มาริโอ โกเมซถูกเปลี่ยนตัวแทนที่พลัทเท่นฮาร์ดท์เพื่อเสริมเกมรุกและยูเลี่ยน บรันดท์ลงแทนแวร์เนอร์ในนาทีที่ 86 แต่ยังไม่สามารถเอาประตูคืนได้ มีแค่จังหวะใกล้เคียงที่สุดจากลูกยิงไกลของบรันดท์ในนาทีที่ 90 แต่ชนเสาออกไป จบเกมแพ้เม็กซิโกไป 0-1

ถ้าให้ประเมินต้องบอกว่าเกมนี้เยอรมนีต่ำกว่ามาตรฐานในทุกด้าน

1.เยอรมนีเปิดเกมอย่างระมัดระวังและช้ามากแต่กลับดันกองกลางและแบ๊กขึ้นไปทั้งแผงจนลงไม่ทัน อีกทั้งไม่มีการไล่บอลอย่างขยันขันแข็งและยืนดักซ้อนอย่างเป็นระบบ
2.การเปิดเกมรุกขาดพลัง มีการมอบหมายให้ดรักซ์เลอร์ซึ่งถนัดการวิ่งกระชากเร็วออกริมเส้นแล้วเปิดเข้ากลาง ค่อยๆเคลื่อนบอลช้า ๆ หุบเข้าในจนเข้าหาพื้นที่อับและเสียบอล มึลเลอร์ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่มีแก่ใจจะเล่นและเอาแต่เถียงผู้ตัดสินอันถือว่าผิดวิสัย ส่วนกองกลางตัวรุกอย่างโอซิลมีโอกาสเปิดบอลได้เสียในช่วงต้นเกมแต่กลับหายไปจากเกมในช่วงเวลาที่เหลือ  ส่วนแวร์เนอร์ก็หายไปจากเกมเราะเพื่อนร่วมทีมไม่หนุน  อีกทั้งเยอรมนีเล่นบอลโด่งบ่อยครั้งแต่ไม่เคยเข้าหัวแกเลยเพราะตัวเล็ก นอกจากนี้ การขึ้นเกมทางแบ็กกลับเน้นเกมทางขวามากกว่าซ้าย จึงทำให้มิติเกมรุกไม่หลากหลาย ส่งผลต่อฟอร์มของดรักซ์เลอร์อีกด้วย
3.เกมรับ แบ๊กสองข้างดันสูงเกินไป โดยเฉพาะคิมมิชที่ขึ้นตลอดแต่กลับลงไม่ทัน รักษาตำแหน่งไม่ได้ และเม็กซิโกก็เจาะทางคิมมิชบ่อย ๆ เสียด้วย  การที่คิมมิชออกมาอ้างว่าตนต่างจากอดีตกัปตันลาห์มนั่นน่าจะจริงหากมองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในนัดนี้ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นอีกสาเหตุแห่งการเสียประตูเพราะการไม่รักษาตำแหน่งอีกด้วย นอกจากนี้คู่เซนเตอร์ก็ดันสูงในหลายจังหวะแต่ช้าเกินไปและขาดความแน่นอน ในจังหวะเสียประตู ฮุมเมิลส์ไม่สามารถสกัดฝ่ายตรงข้ามได้ บัวเต็งดีเลย์บอลไม่ดี ส่งผลให้บอลทะลักออกข้างและเสียประตูโดยไม่มีใครมาดักซ้อนกันเลย ดังนั้น การที่ฮุมเมิลส์ออกมาโทษแผงกองกลาง ในมุมมองส่วนตัวของผม มันคือการปัดความรับผิดชอบ เพราะในเกมนี้ “ต้องรับผิดชอบทั้งทีม” รวมถึงเทรนเนอร์ด้วย
4.ในเรื่องกุนซือ  การแก้เกมผิดพลาด แทนที่จะเปลี่ยนตัวนักเตะที่เล่นแย่และเป็นจุดเริ่มต้นการเสียประตูอย่างเคดิร่าออกในช่วงพักครึ่งกลับปล่อยให้เล่นต่อจนนาทีที่ 60 ซึ่งสายเกินแก้เสียแล้ว อีกทั้งส่งรอยส์ลงแทนทำให้พื้นที่ว่างกลางสนามเป็นของเม็กซิโกมากขึ้น ส่วนกองหน้าก็เปลี่ยนโกเมซลงมาช้าเกินไปทั้งที่อาศัยความใหญ่ของโกเมซเพื่อพักบอลจากลูกเปิดยาว อีกทั้งโกเมซตัวใหญ่ สามารถเบียดกับกองหลังเม็กซิโกที่ตัวเล็กได้ อีกทั้งนักเตะบางคนทีเล่นแย่อย่างโอซิลกับมึลเลอร์กลับไม่เปลี่ยนออก ปล่อยให้เป็นตัวถ่วงทีม ยิ่งกว่านั้น การวางแผนการเล่นกลับสั่งให้ลูกทีมเปิดเกมแบบเกร็ง ๆ จนคู่แข่งตั้งเกมได้ สะท้อนถึงข้อด้อยของโยอาคิม เลิฟที่ดันทุรังวางแผนและแก้เกมจนทีมแพ้

5.สปิริต เป็นเรื่องผิดธรรมชาติของนักเตะเยอรมนีมากที่เล่นเหมือนซังกะตาย ไม่มีใจในการเล่น ถามว่าหมดไฟเพราะผ่านจุดสุดยอดรึเปล่า ? เปล่าครับ เล่นกันเอื่อยทั้งตัวเก๋าและดาวรุ่งเลยทีเดียว ไม่มีความขยันทำเกม ไม่มีการไล่บอลเพื่อทีม ไม่มีแพสชั่นที่ก้าวร้าวในการเปิดเกมรุก เล่นแอคท์ ๆ กั๊ก ๆ จ่ายบอลก๊อก ๆ แก๊ก ๆ อีกทั้งถ่ายบอลออกกราบขวาอย่างเดียวโดยไม่ถ่ายออกทางซ้ายให้พลัทเท่นฮาร์ดท์ สะท้อนความไม่ไว้วางใจในฝีเท้าของกันและกัน สะท้อนทัศนคติเหลิงความสำเร็จ เห็นแก่ตัว และดูถูกเพื่อนร่วมทีม

นัดต่อไปต้องเจอสวีเดน ทีมที่เล่นบอลได้เหนียวแน่นทั้งแดนกลางและแดนหลัง มีการซ้อนประสานกันดีตลอด ถึงแม้ว่านักเตะจะชื่อชั้นไม่เท่าไหร่แต่พวกเขาก็แพ้ยาก อีกทั้งเพิ่งเฉือนชนะเกาหลีใต้มา 1-0 มี 3 แต้มตุนไว้อยู่แล้ว เยอรมนีจะรับมือกับความเหนียวแน่นอย่างไร ?
มีบางฝ่ายเสนอว่าควรดรอปนักเตะที่ไม่ทุ่มเทในการเล่น แน่นอนว่าต้องเป็นเคดิร่าที่เป็นตัวถ่วงทีม อีกคนหนึ่งคือโอซิลซึ่งถ่วงไม่แพ้กัน บางฝ่ายให้ดรอปมึลเลอร์ด้วยซ้ำ มุมมองส่วนตัว ผมมองว่านัดนี้ เล่นแย่กันเกือบจะทุกคน แต่คนที่พอมีศักยภาพและไม่หมดสภาพจนเกินไปให้คงไว้ มึลเลอร์พอมีประโยชน์หากเขาเล่นมิดฟิลด์ตัวรุก เขาจะมีมิติการเล่นและโอกาสยิงประตูขึ้นในตำแหน่งนี้ อีกทั้งสไตล์ของเขาไม่ได้ขยับตั้งบอลแล้วค่อย ๆ จ่ายแต่เขาสามารถจ่ายเร็วทำทางได้ เล่นบอลสั้นได้ดี เขาควรหุบเข้ากลางแทนโอซิลแล้วเอารอยส์เล่นขวา ซึ่งถึงเวลาที่เขาต้องลงมาลากเลื้อยแล้ว ส่วนมิดฟิลด์ตัวกลาง กุนโดกันต้องลงมาแทนเคดิร่า เพราะเขาสามารถดันเกมขึ้นหน้าในช่วงที่โครสเปิดบอลจากแนวลึก และประคองหลังโครสกรณีที่โครสไม่มีพื้นที่เปิดหรือเสียบอล ส่วนเฮคเตอร์หายป่วยแล้วน่าจะกลับมาลงสนามได้ ถ้าผู้เล่นออกมาแนวนี้ การเลบ่นควรจะเน้นเปิดเกมเร็วเน้นบอลสั้นมากขึ้น แต่จะเล่นเกมแบบนี้ได้ยังไงในเมื่อขาดทีมสปิริต ? เรื่องนี้เลิฟต้องทำการบ้านครั้งใหญ่ การการันตีหลาย ๆ ตำแหน่งตัวจริงทำให้ทีมขาดพัฒนาการเพราะมีการผูกขาดตำแหน่งกันเกินไป ควรแข็งใจดรอปพวกไม่ทุ่มเทเพื่อทีมทิ้งไปเพื่อดัดนิสัยเสียของพวกเค้าซะ

และต้องไม่ลืมว่าเยอรมนีไม่มีแต้ม ถ้าแพ้อีกคือตกรอบ แม้จะเสมอก็มีแต้มเดียวและเสี่ยงตกรอบอยู่ดีเพราะต้องดูผลอีกคู่นั่นคือเม็กซิโกกับเกาหลีใต้ซึ่งเม็กซิโกมีโอกาสชนะสูงมาก ถ้าเยอรมนีไม่ชนะสวีเดน ก็เตรียมเป็นแชมป์เก่าที่ตกรอบแรกเป็นทีมที่ 4 ได้เลย

คะแนนนักเตะ (1 = สุดยอด , 6 = แย่มาก) :
มานูเอล นอยเออร์ – ดีที่สุดในทีม พยายามปิดมุมในจังหวะเสียประตูแต่เอาไม่อยู่ ท้ายเกมพยายามขึ้นสูงมาทำประตู (3)
มาร์วิน  พลัทเท่นฮาร์ดท์ – พยายามเดินเกมรุก ยืนไม่หลุดตำแหน่งมากนักจึงไม่เป็นเป้าให้เจาะ แต่ขาดการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีม (4)
โยชัว คิมมิช – ขึ้นหน้า แต่ลืมว่าตัวเองเป็นกองหลัง จึงไม่รักษาตำแหน่งจนโดนเจาะบ่อย ๆ และเสียประตู จุดบอดในแผงหลัง (5.5)
เยโรม บัวเต็ง – หมดสภาพ พยายามเล่นเกมรับแต่เล่นพลาดบ่อย โฉ่งฉ่าง โดยเฉพาะต้นเกม ทุ่มผิดท่า ผิดวิสัยแมป์โลกของเขา สะท้อนทัศนคติที่ไม่โฟกัวกับการเล่นเพื่อทีมชาติ (5.5)
มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ – ครึ่งแรกพลาดบ่อย แต่ครึ่งหลังช่วยเซฟไม่ให้ทีมเสียประตู โดยภาพรวมยังถือว่าแย่ (5)
โทนี่ โครส – เผยช่องว่างในแดนกลางเกินไป พยายามยิงไกลเพื่อทีม การจ่ายบอลขาดความแม่นยำ แต่ก็ยังทุ่มเทในการเปิดเกมเอาประตูคืน (4)
ซามี่ เคดิร่า – ไม่วิ่ง เดินขึ้นสูงและเดินลงมาไล่บอล ไม่มีความทุ่มเท ไม่รับผิดชอบในตำแหน่งมิดฟิลด์ Box-2-Box ต้นเหตุความพ่ายแพ้ของทีม (6)
เมซุท โอซิล – จ่ายแค่สองสามจังหวะแล้วหายไปจากเกมจนหมดเวลา ไม่ทุ่มเท เป็นตัวถ่วงอย่างแท้จริง (6)
โธมัส มึลเลอร์ – ไม่ได้สร้างอันตรายใด ๆ ในพื้นที่ริมเส้นทางขวา เล่นพลาด ไม่ทุ่มเท หมดเวลาสำหรับตำแหน่งนี้ของเขา (6)
ยูเลี่ยน ดรักซ์เลอร์ – พยายามทำเกมแต่ได้รับมอบหมายให้เล่นในสไตล์ที่ไม่ถนัดจนขาดพลังการสร้างสรรค์ทะลุทะลวง (5)
ทิโม แวร์เนอร์ – โดนปิดพื้นที่จนหายไปจากเกม ท้ายเกมได้รับบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออก (5.5)
ตัวสำรอง:
มาร์โค รอยส์ – พยายามเล่นสร้างสรรค์ แต่ทับตำแหน่งกับเพื่อนจึงขาดอันตราย (5.5)
มาริโอ โกเมซ – เกือบตีเสมอให้ทีมได้ แต่ลงมาช้าเกินไป (-)
ยูเลี่ยน บรันด์ท – ลงมาช่วงท้ายเกม ทีมเวิคดี เกือบตีเสมอได้ (-)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่