สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
65ล้านปีที่แล้ว แผ่นดิน อยู่เกือบจะฝั่งเดียวกันหมดครับ ดังนั้น หลังจากอุกกาบาตพุ่งชนแล้ว ฝุ่นที่คุณกะว่าบังครึ่งโลกก็คือบังแผ่นดินไว้เกือบหมด
แล้วลูกโซ่ต่างๆก็เกิดตามมา

จริงๆแล้วการศูนย์พันธ์สูญพันธ์ุของไดโนเสาร์มีหลายทฤษฎีแต่ อุกกาบาตชนนี่ เป็น 1 ในหลายทฤษฎี เพราะมีการเจอหลักฐานคือ
-Chicxulub ที่ เม็กซิโก รัศมี 180 กม (แต่เกิดก่อนช่วงศูนย์พันธ์ครั้งใหญ่ 300 ปี เลยยังเถียงกันอยู่ว่าใช่สาเหตใหม)
-Boltysh ใน ยูเครน รัศมี 25 กม
-Shiva ใน อินเดีย รัศมี 500 กม
ชนแล้วเกิดอะไรบ้าง
1) พลังงานเทียบเท่า 100 teratonnes TNT จากนั้นเกิดการเผาไหม้ เมกกะซึนามิ หรือ ผลกระทบด่วน ซึ่งกินเวลาไม่นาน และน่าจะผลกระทบไม่กว้างทั้งโลก
2) ผลกระทบที่กินเวลานาน และมีผลเกือบทั่วโลก (ณ เวลานั้น) คือ เขม่า ขี้เถ้า หรือ ฝุ่น ที่ล่องลอย ลอยนานแค่ไหนก็เป็นสเกลระดับปีครับ ตัวเลขที่เคยกล่าวไว้บ้าง เห็นจะเป็น 10ปี เลยทีเดียว
เขม่า ขี้เถ้า ฝุ่น เหล่านี้ ส่งผลอะไรบ้าง
2.1) ฝนกรด เนื่องจากมีการเผาไหม้ของกลุ่มหินคาร์บอเนต ทำให้เกิดการเผาไหม้ ไฮโดรคาร์บอน หรือ บางรายงานก็บอกว่า หินที่มี sulphur ทำให้เกิด ฝนกรดซัลฟูริค ฝนกรดมีผลต่อสัตว์ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบด้วย เช่นเปลือกแข็งของสัตว์ในตระกูลหอย
2.2) แสงลดลง เพราะแสงโดนฝุ่น เขม่า บัง (ดังเคยเกิดเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดที่อินโดเนเซีย เป็นต้น) ทำให้แสงลดลงมากถึง 50% และอุณหภูมิเฉลี่ยลดลง 7 องศา ซึ่งเหตุการณ์หลัง กินเวลาไปหลายสิบปีเลย
2.3) องค์ประกอบ อากาศเปลี่ยน การเผาใหม้ทำให้ คาร์บอนไดออกไซต์เพิ่ม และการสังเคราะห์แสงที่ลดลง ทำให้ ออกซิเจนลดลง สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวยาก หรือรับการเปลี่ยนแปลงได้น้อย จึงได้รับผลกระทบเต็มๆ
ทั้งหมดนี้ หาเปเปอร์อ่านได้ แต่ ยังเป็นที่ถกเถียงกันนะครับ
แล้วลูกโซ่ต่างๆก็เกิดตามมา

จริงๆแล้วการ
-Chicxulub ที่ เม็กซิโก รัศมี 180 กม (แต่เกิดก่อนช่วงศูนย์พันธ์ครั้งใหญ่ 300 ปี เลยยังเถียงกันอยู่ว่าใช่สาเหตใหม)
-Boltysh ใน ยูเครน รัศมี 25 กม
-Shiva ใน อินเดีย รัศมี 500 กม
ชนแล้วเกิดอะไรบ้าง
1) พลังงานเทียบเท่า 100 teratonnes TNT จากนั้นเกิดการเผาไหม้ เมกกะซึนามิ หรือ ผลกระทบด่วน ซึ่งกินเวลาไม่นาน และน่าจะผลกระทบไม่กว้างทั้งโลก
2) ผลกระทบที่กินเวลานาน และมีผลเกือบทั่วโลก (ณ เวลานั้น) คือ เขม่า ขี้เถ้า หรือ ฝุ่น ที่ล่องลอย ลอยนานแค่ไหนก็เป็นสเกลระดับปีครับ ตัวเลขที่เคยกล่าวไว้บ้าง เห็นจะเป็น 10ปี เลยทีเดียว
เขม่า ขี้เถ้า ฝุ่น เหล่านี้ ส่งผลอะไรบ้าง
2.1) ฝนกรด เนื่องจากมีการเผาไหม้ของกลุ่มหินคาร์บอเนต ทำให้เกิดการเผาไหม้ ไฮโดรคาร์บอน หรือ บางรายงานก็บอกว่า หินที่มี sulphur ทำให้เกิด ฝนกรดซัลฟูริค ฝนกรดมีผลต่อสัตว์ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นส่วนประกอบด้วย เช่นเปลือกแข็งของสัตว์ในตระกูลหอย
2.2) แสงลดลง เพราะแสงโดนฝุ่น เขม่า บัง (ดังเคยเกิดเมื่อตอนภูเขาไฟระเบิดที่อินโดเนเซีย เป็นต้น) ทำให้แสงลดลงมากถึง 50% และอุณหภูมิเฉลี่ยลดลง 7 องศา ซึ่งเหตุการณ์หลัง กินเวลาไปหลายสิบปีเลย
2.3) องค์ประกอบ อากาศเปลี่ยน การเผาใหม้ทำให้ คาร์บอนไดออกไซต์เพิ่ม และการสังเคราะห์แสงที่ลดลง ทำให้ ออกซิเจนลดลง สิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวยาก หรือรับการเปลี่ยนแปลงได้น้อย จึงได้รับผลกระทบเต็มๆ
ทั้งหมดนี้ หาเปเปอร์อ่านได้ แต่ ยังเป็นที่ถกเถียงกันนะครับ
ความคิดเห็นที่ 12
ขออนุญาติอธิบายเท้าความนิดนึงครับ การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ (mass extinction) มีทั้งหมด 5 ครั้ง
เราอาศัยการบอกยุคทางธรณีวิทยานะครับ (Geologic time scale)
1.429-439 ล้านปี(Ordovician-Silurian extinction)
2.364 ล้านปี(Late Devonian extinction)
3.251 ล้านปี(Permian-Triassic extinction)
4.199-214 ล้านปี(Triassic-Jurassic extinction)
5.66 ล้านปี(Cretaceous-Paleogene)
ซึ่งการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกนั้น อยู่ในช่วง Cretaceous-Paleogene(เมื่อก่อนเรียก Tertiary)
ซึ่งสาเหตุหลักๆที่เขาว่ากันว่า มันเกิดจาก อุกกาบาต (Meteorite) ว่ากันต่อ
อุกกาบาตที่ว่า พุ่งเข้าชนโลก ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตชิกซูลูบ (Chicxulub Crater) ที่บริเวณคาบสมุทรยูคาทัน (Yucatan Peninsula) และใต้อ่าวเม็กซิโก หลุมอุกกาบาตชิกซูลุบซึ่งมีความกว้าง 200 กิโลเมตร ปัจจุบันจมอยู่ในอ่าวเม็กซิโกครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งถูกกลบฝังอยู่ใต้พื้นดินของคาบสมุทรยูคาตัน เกิดจากการชนของอุกกาบาตยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 15 กิโลเมตร ซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็ว 64,370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพลังงานที่เกิดขึ้นจากการชนเท่ากับระเบิดปรมาณูที่ทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมา 10,000 ล้านลูก
อุกกาบาตขนาดใหญ่ เมื่อชนโลกด้วยความเร็ว ความเร่ง และมวล ย่อมเกิดความเสียหายและแรงมหาศาล โดยทั่วไปสามารถแปรสภาพหินอย่างฉับพลัน (Impact metamorphism) เนื่องจากความร้อนและความดันมหาศาล
**ซึ่งประเด็นหลักๆของการชน มันอยู่ที่ตำแหน่งครับ การที่อุกกาบาตพุ่งชนพื้นทะเลตื้น ทำให้กำมะถันปริมาณมหาศาลจากแหล่งแร่ยิปซัมที่ระเหิดเป็นไอ ฟุ้งกระจายขึ้นไปในบรรยากาศ ซึ่งยิ่งทำให้ทั่วโลกเกิดภาวะฤดูหนาวที่รุนแรงตามมายาวนานขึ้นไปอีก (ยิปซั่มเป็นหินตะกอนจำพวกที่เกิดจากการระเหยของน้ำทะเล) ซึ่งถ้ามาช้าอีกนิด อาจไปตกในมหาสมุรลึก อาจไม่เกิดการระเหิดของหิน และทำให้ไม่มีเมฆหมอกปกคลุมมากมายขนาดนั้น
รวมถึงแรงดันมหาศาลส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหว สึนามิ plate tectonics ภูเขาไฟระเบิด กระบวนการทางธรณีวิทยาต่างๆ
ปัจจุบันมีการศึกษาเจ้าอุกกาบาตที่ว่านี่อยู่นะครับ โดยนักธรณีวิทยา ที่อ่าวเม็กซิโก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากมีหลายสาเหตุปัจจัยในการเกิดการสูญพันธ์ุครั้งนี้ ซึ่งแน่นอน การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ไม่ใช่ การสูญพันธุ์ทั้งหมด ยังมีประชากรบางส่วนเหลือรอดมาได้ ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้า ช่วยให้นักธรณีวิทยาอย่างเราๆสามารถหาคำตอบได้ดียิ่งขึ้นจากสิ่งที่เหลือให้เห็นในปัจจุบัน ทั้งทิศทางชั้นหิน ระดับการแปรสภาพ แร่ต่างๆ ก็ต้องรอติดตามผลการศึกษาและหลักฐานที่พบมากขึ้นกันต่อไปครับ
The present is the key to the past.
เราอาศัยการบอกยุคทางธรณีวิทยานะครับ (Geologic time scale)
1.429-439 ล้านปี(Ordovician-Silurian extinction)
2.364 ล้านปี(Late Devonian extinction)
3.251 ล้านปี(Permian-Triassic extinction)
4.199-214 ล้านปี(Triassic-Jurassic extinction)
5.66 ล้านปี(Cretaceous-Paleogene)
ซึ่งการที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปจากโลกนั้น อยู่ในช่วง Cretaceous-Paleogene(เมื่อก่อนเรียก Tertiary)
ซึ่งสาเหตุหลักๆที่เขาว่ากันว่า มันเกิดจาก อุกกาบาต (Meteorite) ว่ากันต่อ
อุกกาบาตที่ว่า พุ่งเข้าชนโลก ทำให้เกิดหลุมอุกกาบาตชิกซูลูบ (Chicxulub Crater) ที่บริเวณคาบสมุทรยูคาทัน (Yucatan Peninsula) และใต้อ่าวเม็กซิโก หลุมอุกกาบาตชิกซูลุบซึ่งมีความกว้าง 200 กิโลเมตร ปัจจุบันจมอยู่ในอ่าวเม็กซิโกครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งถูกกลบฝังอยู่ใต้พื้นดินของคาบสมุทรยูคาตัน เกิดจากการชนของอุกกาบาตยักษ์ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 15 กิโลเมตร ซึ่งพุ่งมาด้วยความเร็ว 64,370 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพลังงานที่เกิดขึ้นจากการชนเท่ากับระเบิดปรมาณูที่ทิ้งใส่เมืองฮิโรชิมา 10,000 ล้านลูก
อุกกาบาตขนาดใหญ่ เมื่อชนโลกด้วยความเร็ว ความเร่ง และมวล ย่อมเกิดความเสียหายและแรงมหาศาล โดยทั่วไปสามารถแปรสภาพหินอย่างฉับพลัน (Impact metamorphism) เนื่องจากความร้อนและความดันมหาศาล
**ซึ่งประเด็นหลักๆของการชน มันอยู่ที่ตำแหน่งครับ การที่อุกกาบาตพุ่งชนพื้นทะเลตื้น ทำให้กำมะถันปริมาณมหาศาลจากแหล่งแร่ยิปซัมที่ระเหิดเป็นไอ ฟุ้งกระจายขึ้นไปในบรรยากาศ ซึ่งยิ่งทำให้ทั่วโลกเกิดภาวะฤดูหนาวที่รุนแรงตามมายาวนานขึ้นไปอีก (ยิปซั่มเป็นหินตะกอนจำพวกที่เกิดจากการระเหยของน้ำทะเล) ซึ่งถ้ามาช้าอีกนิด อาจไปตกในมหาสมุรลึก อาจไม่เกิดการระเหิดของหิน และทำให้ไม่มีเมฆหมอกปกคลุมมากมายขนาดนั้น
รวมถึงแรงดันมหาศาลส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหว สึนามิ plate tectonics ภูเขาไฟระเบิด กระบวนการทางธรณีวิทยาต่างๆ
ปัจจุบันมีการศึกษาเจ้าอุกกาบาตที่ว่านี่อยู่นะครับ โดยนักธรณีวิทยา ที่อ่าวเม็กซิโก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากมีหลายสาเหตุปัจจัยในการเกิดการสูญพันธ์ุครั้งนี้ ซึ่งแน่นอน การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ไม่ใช่ การสูญพันธุ์ทั้งหมด ยังมีประชากรบางส่วนเหลือรอดมาได้ ซึ่งตอนนี้เทคโนโลยีกำลังก้าวไปข้างหน้า ช่วยให้นักธรณีวิทยาอย่างเราๆสามารถหาคำตอบได้ดียิ่งขึ้นจากสิ่งที่เหลือให้เห็นในปัจจุบัน ทั้งทิศทางชั้นหิน ระดับการแปรสภาพ แร่ต่างๆ ก็ต้องรอติดตามผลการศึกษาและหลักฐานที่พบมากขึ้นกันต่อไปครับ
The present is the key to the past.
แสดงความคิดเห็น
อุกกาบาตชนโลกลักษณะใด ทำไมไดโนเสาร์จึงสูญพันธุ์ได้ครับ
พุ่งชนโลกก็ไม่ทั้งใบ แรงสั่นสะเทือนก็ตำแหน่งหนึ่ง แล้วบริเวณอื่นที่ไม่ถูกชนก็มี หากไดโนเสาร์ตายจากผลกระทบทางอากาศ ฝุ่นสะเก็ดเถ้าถ่านปกคลุม เต็มที่ให้ครึ่งโลก อยากทราบว่าไดโนเสาร์บริเวณอื่นที่ไม่ได้รับผลกระทบ สูญพันธุ์ได้อย่างไรครับท่าน นึกภาพไม่ออกครับ ได้แต่จำต่อกันมา