
ผมลองถาม ChatGPT มันคำนวณมาหมดแล้วว่า
ไม่มีเทคโนโลยีใดบนโลกที่จะเบี่ยงเส้นทาง
อุกาบาตใหญ่ขนาดนั้นได้ โอกาสรอดของสิ่งมีชีวิตเท่ากับ 0%
ถ้าเพื่อนๆ รู้ล่วงหน้าว่าไม่รอดอีก 1 เดือนข้างหน้า คือไม่รอดทั้งโลก เพื่อนๆ จะตายแบบไหนในวันสุดท้ายไม่ให้เจ็บปวดจากการโดนอุกาบ่ตชนโลกครับ
เช่น ฉีดยาชาทั้งตัว แล้วนั่งมองโลกล่มสลายไปพร้อมๆ กัน เพราะวิธีนี้ไม่เจ็บตัวตอนตาย
หรือกินยานอนหลับก่อนชนโลก เพื่อไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวดตอนโดนแผดเผา หรือ มหาซึนามิซัดร่างกายหยาบ เป็นต้น
สิ่งที่ผมถาม ChatGPT และมันคำนวณ Timeline เหตุการณ์หลังจาก อุกาบาต ชนโลกตามนี้ครับ
#########################################################################
💥 ความจริงก่อน
ถ้าอุกกาบาตใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีเทคโนโลยีไหนเบี่ยงได้แล้ว อัตรารอดคือ
0%
ผลกระทบคือระดับ
extinction-level event คือสูญพันธุ์หมดแบบไดโนเสาร์ก็ยังเล็กกว่านี้
จะมีคนบ้าพยายามจัดพิธีสวด บางคนก็จะบ้าคลั่ง ปล้นสะดม บ้านเมืองอาจปั่นป่วนก่อนมันชน
✅ สิ่งที่บางคนจะทำ
1. คนที่ยังมีศรัทธาในพระเจ้า: ไปหาที่สงบ ไปวัด ไปโบสถ์ ทำพิธี ล้างบาป ขออโหสิกรรม ใครติดหนี้ติดค้างก็อาจอยากเคลียร์กันให้หมด
2. คนที่รักครอบครัว: ใช้เวลาทุกวันกับคนที่รัก จะพาคนที่รักไปยังสถานที่ที่มีความหมาย บอกรักกันให้ครบ
3. คนที่ยังอยากหาทางรอด: บางคนจะกักตุนอาหาร ลงบังเกอร์ แม้จะรู้ว่ามันอาจไม่ช่วยอะไรถ้าชนจริงๆ
4. คนที่หัวร้อนหรือถอดใจ: ปล่อยเบลอ ทำสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำ ช้อป กิน เที่ยว สารภาพรัก บางคนก็จะทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะคิดว่าไม่ต้องรับผล
5. คนที่นิ่งสุด: นั่งมองฟ้า ฟังเพลงโปรด ใช้ชีวิตวันต่อวันอย่างสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
🌍 ถ้าถามฉันนะ…
ฉันว่า มันไม่มีถูกผิดว่าควรทำอะไร
ถ้าชีวิตเหลือ 30 วันแบบการันตีว่าจบแน่
จะอยู่กับใคร อยู่ที่ไหน คำถามคือ
“จะเสียใจที่สุดถ้าไม่ได้ทำอะไร?”
นั่นแหละ คำตอบของแต่ละคน
🎯 สรุปสั้น
ไม่มีแผนใดรอดได้จริง
ถ้าเหลือ 30 วัน ทุกการกระทำจะส่องสะท้อน
ตัวตนจริงๆ ของเรา
บางคนจะกลายเป็นคนดีขึ้น บางคนจะแตกสลาย บางคนจะปล่อยวาง
############################## TIME LINE ###############################
โอเค เดี๋ยวฉันจะจัดให้แบบ
เห็นภาพ-เข้าใจง่าย-แต่โหดตรงไปตรงมา นะ
ก่อนอื่นเรามาเทียบ
ขนาดของ “อุกกาบาตเท่าออสเตรเลีย” กันก่อน แล้วค่อยไล่ timeline ว่าโลกจะซวยยังไงบ้าง
🌏 ขนาดอุกกาบาตเท่าออสเตรเลีย — ใหญ่แค่ไหน?
ออสเตรเลีย มีพื้นที่ประมาณ
7.7 ล้านตารางกิโลเมตร
ถ้าคิดเป็น “ลูกกลม” (ลูกอุกกาบาต) ปริมาตรจะโหดมาก
สมมติให้เป็นทรงกลม
พื้นที่ผิวทรงกลม = 4πr²
7.7 ล้าน km² คือพื้นที่ผิว → จะได้รัศมีประมาณ
785 km
→ เส้นผ่านศูนย์กลาง ~
1,570 km
→ ใหญ่กว่าดาวเคราะห์น้อย Ceres (ที่ใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อย) ประมาณ 2 เท่า!
พูดง่ายๆ คือ
เทียบกับอุกกาบาต Chicxulub ที่ฆ่าไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน
Chicxulub = ~10 km เส้นผ่านศูนย์กลาง
เจ้านี่ = ~1,570 km เส้นผ่านศูนย์กลาง
พลังงานชนจะมากกว่าหลายล้านเท่า…
🌊 ถ้าลงที่มหาสมุทรแปซิฟิก — Timeline โลกแตก
ฉันขอเล่าแบบ
นาที – ชั่วโมง – วัน – เดือน – ปี จะได้เห็นภาพนะ
🕑
0 นาที (Impact Moment)
ความเร็วอุกกาบาต ~20 km/s → พลังงานประมาณ
หลายร้อยล้านเมกาตัน TNT
จุดปะทะจะระเบิดด้วยพลังงานเทียบเท่าระเบิดนิวเคลียร์พันล้านลูกพร้อมกัน
แรงกระแทกทำให้น้ำในมหาสมุทรเดือดเป็นไอน้ำมหาศาล
แรงอัดดิน-น้ำ-อากาศ = สร้างคลื่นกระแทกแรงพอจะทำลายโครงสร้างแผ่นเปลือกโลก
🕐
0-1 ชั่วโมง
Mega-tsunami: คลื่นยักษ์หลายร้อยเมตรกระจายไปรอบโลก ความเร็ว ~800 km/h
ชายฝั่งรอบแปซิฟิกโดนถล่มก่อน: ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย ชายฝั่งตะวันตกอเมริกาใต้-เหนือ โดนกวาดเรียบ
แรงสั่นสะเทือน = แผ่นดินไหว >12.0 ริกเตอร์ ปลุกภูเขาไฟทั่วโลก
🕐
1-24 ชั่วโมง
สะเก็ดหินและไอร้อนที่พุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ = ฝนสะเก็ดอุกกาบาตตกลงทั่วโลก เกิดไฟป่าแทบทุกพื้นที่บนบก
แรงกระแทกทำให้ฝุ่น เถ้าถ่าน และไอน้ำขึ้นไปปกคลุมชั้นบรรยากาศ
ภายใน 1 วัน โลกจะมืด พระอาทิตย์จะถูกบังจนมืดมิด
🗓️
1 สัปดาห์ – 1 เดือน
ไฟป่าลามเผาล้างพืชพรรณแทบหมด
เถ้าถ่าน SO2 จากการปะทุภูเขาไฟ + ไอน้ำ = ฝนกรด
Nuclear Winter หรือ
Impact Winter: ฝุ่นบังแสงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิลดฮวบ 20-40°C
พืชหยุดสังเคราะห์แสง → ห่วงโซ่อาหารพังทันที
🗓️
1 เดือน – 1 ปี
สัตว์ใหญ่ทยอยตายเพราะขาดอาหารและอากาศหนาวจัด
สัตว์ทะเลบางส่วนรอดนานกว่า แต่กรดในมหาสมุทรจะฆ่าแพลงก์ตอน = พังทั้งห่วงโซ่
เผ่าพันธุ์มนุษย์ (ถ้าเหลือใครอยู่ในบังเกอร์) จะอดอาหาร-ป่วยตายตามเวลา
⏳
10-100 ปีต่อมา
โลกฟื้นตัวช้า อากาศจะค่อยๆ สะอาดขึ้น แต่สายพันธุ์ใหญ่เกือบหมดสิ้น
เศษมนุษย์ที่รอดอาจวิวัฒน์ใหม่หรือสูญพันธุ์ตามไป
🔚 สรุปสั้นๆ: ไม่มีแผน B
พลังชนแบบนี้
“Extinction-Level Event” คือจบจริง 100% ไม่มีอารมณ์ฮีโร่ยิงนิวเคลียร์แตกกลางอากาศ
ถ้าชนที่มหาสมุทรแปซิฟิกจะซวยเท่าๆ กัน เพราะคลื่น tsunami จะยิ่งกระจายได้ดี
มนุษย์เหลือทางรอดแค่บังเกอร์ลึกๆ สุดท้ายก็แค่ยื้อเวลา
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร และจะเตรียมตัวตายแบบไหน
ถ้าสมมุติว่าองค์การนาซ่า ประกาศว่า อุกาบาต ขนาดเท่าออสเตรเลีย จะชนโลกอีก 1 เดือนข้างหน้าเพื่อนๆ จะเตรียมตัวอย่างไร
ผมลองถาม ChatGPT มันคำนวณมาหมดแล้วว่า
ไม่มีเทคโนโลยีใดบนโลกที่จะเบี่ยงเส้นทาง อุกาบาตใหญ่ขนาดนั้นได้ โอกาสรอดของสิ่งมีชีวิตเท่ากับ 0%
ถ้าเพื่อนๆ รู้ล่วงหน้าว่าไม่รอดอีก 1 เดือนข้างหน้า คือไม่รอดทั้งโลก เพื่อนๆ จะตายแบบไหนในวันสุดท้ายไม่ให้เจ็บปวดจากการโดนอุกาบ่ตชนโลกครับ
เช่น ฉีดยาชาทั้งตัว แล้วนั่งมองโลกล่มสลายไปพร้อมๆ กัน เพราะวิธีนี้ไม่เจ็บตัวตอนตาย
หรือกินยานอนหลับก่อนชนโลก เพื่อไม่ให้รับรู้ความเจ็บปวดตอนโดนแผดเผา หรือ มหาซึนามิซัดร่างกายหยาบ เป็นต้น
สิ่งที่ผมถาม ChatGPT และมันคำนวณ Timeline เหตุการณ์หลังจาก อุกาบาต ชนโลกตามนี้ครับ
#########################################################################
💥 ความจริงก่อน
ถ้าอุกกาบาตใหญ่ขนาดนั้น ไม่มีเทคโนโลยีไหนเบี่ยงได้แล้ว อัตรารอดคือ 0%
ผลกระทบคือระดับ extinction-level event คือสูญพันธุ์หมดแบบไดโนเสาร์ก็ยังเล็กกว่านี้
จะมีคนบ้าพยายามจัดพิธีสวด บางคนก็จะบ้าคลั่ง ปล้นสะดม บ้านเมืองอาจปั่นป่วนก่อนมันชน
✅ สิ่งที่บางคนจะทำ
1. คนที่ยังมีศรัทธาในพระเจ้า: ไปหาที่สงบ ไปวัด ไปโบสถ์ ทำพิธี ล้างบาป ขออโหสิกรรม ใครติดหนี้ติดค้างก็อาจอยากเคลียร์กันให้หมด
2. คนที่รักครอบครัว: ใช้เวลาทุกวันกับคนที่รัก จะพาคนที่รักไปยังสถานที่ที่มีความหมาย บอกรักกันให้ครบ
3. คนที่ยังอยากหาทางรอด: บางคนจะกักตุนอาหาร ลงบังเกอร์ แม้จะรู้ว่ามันอาจไม่ช่วยอะไรถ้าชนจริงๆ
4. คนที่หัวร้อนหรือถอดใจ: ปล่อยเบลอ ทำสิ่งที่ไม่เคยกล้าทำ ช้อป กิน เที่ยว สารภาพรัก บางคนก็จะทำเรื่องผิดกฎหมายเพราะคิดว่าไม่ต้องรับผล
5. คนที่นิ่งสุด: นั่งมองฟ้า ฟังเพลงโปรด ใช้ชีวิตวันต่อวันอย่างสงบ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
🌍 ถ้าถามฉันนะ…
ฉันว่า มันไม่มีถูกผิดว่าควรทำอะไร
ถ้าชีวิตเหลือ 30 วันแบบการันตีว่าจบแน่
จะอยู่กับใคร อยู่ที่ไหน คำถามคือ
“จะเสียใจที่สุดถ้าไม่ได้ทำอะไร?”
นั่นแหละ คำตอบของแต่ละคน
🎯 สรุปสั้น
ไม่มีแผนใดรอดได้จริง
ถ้าเหลือ 30 วัน ทุกการกระทำจะส่องสะท้อน ตัวตนจริงๆ ของเรา
บางคนจะกลายเป็นคนดีขึ้น บางคนจะแตกสลาย บางคนจะปล่อยวาง
############################## TIME LINE ###############################
โอเค เดี๋ยวฉันจะจัดให้แบบ เห็นภาพ-เข้าใจง่าย-แต่โหดตรงไปตรงมา นะ
ก่อนอื่นเรามาเทียบ ขนาดของ “อุกกาบาตเท่าออสเตรเลีย” กันก่อน แล้วค่อยไล่ timeline ว่าโลกจะซวยยังไงบ้าง
🌏 ขนาดอุกกาบาตเท่าออสเตรเลีย — ใหญ่แค่ไหน?
ออสเตรเลีย มีพื้นที่ประมาณ 7.7 ล้านตารางกิโลเมตร
ถ้าคิดเป็น “ลูกกลม” (ลูกอุกกาบาต) ปริมาตรจะโหดมาก
สมมติให้เป็นทรงกลม
พื้นที่ผิวทรงกลม = 4πr²
7.7 ล้าน km² คือพื้นที่ผิว → จะได้รัศมีประมาณ 785 km
→ เส้นผ่านศูนย์กลาง ~ 1,570 km
→ ใหญ่กว่าดาวเคราะห์น้อย Ceres (ที่ใหญ่ที่สุดในแถบดาวเคราะห์น้อย) ประมาณ 2 เท่า!
พูดง่ายๆ คือ เทียบกับอุกกาบาต Chicxulub ที่ฆ่าไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีก่อน
Chicxulub = ~10 km เส้นผ่านศูนย์กลาง
เจ้านี่ = ~1,570 km เส้นผ่านศูนย์กลาง
พลังงานชนจะมากกว่าหลายล้านเท่า…
🌊 ถ้าลงที่มหาสมุทรแปซิฟิก — Timeline โลกแตก
ฉันขอเล่าแบบ นาที – ชั่วโมง – วัน – เดือน – ปี จะได้เห็นภาพนะ
🕑 0 นาที (Impact Moment)
ความเร็วอุกกาบาต ~20 km/s → พลังงานประมาณ หลายร้อยล้านเมกาตัน TNT
จุดปะทะจะระเบิดด้วยพลังงานเทียบเท่าระเบิดนิวเคลียร์พันล้านลูกพร้อมกัน
แรงกระแทกทำให้น้ำในมหาสมุทรเดือดเป็นไอน้ำมหาศาล
แรงอัดดิน-น้ำ-อากาศ = สร้างคลื่นกระแทกแรงพอจะทำลายโครงสร้างแผ่นเปลือกโลก
🕐 0-1 ชั่วโมง
Mega-tsunami: คลื่นยักษ์หลายร้อยเมตรกระจายไปรอบโลก ความเร็ว ~800 km/h
ชายฝั่งรอบแปซิฟิกโดนถล่มก่อน: ญี่ปุ่น อเมริกา ออสเตรเลีย ชายฝั่งตะวันตกอเมริกาใต้-เหนือ โดนกวาดเรียบ
แรงสั่นสะเทือน = แผ่นดินไหว >12.0 ริกเตอร์ ปลุกภูเขาไฟทั่วโลก
🕐 1-24 ชั่วโมง
สะเก็ดหินและไอร้อนที่พุ่งขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ = ฝนสะเก็ดอุกกาบาตตกลงทั่วโลก เกิดไฟป่าแทบทุกพื้นที่บนบก
แรงกระแทกทำให้ฝุ่น เถ้าถ่าน และไอน้ำขึ้นไปปกคลุมชั้นบรรยากาศ
ภายใน 1 วัน โลกจะมืด พระอาทิตย์จะถูกบังจนมืดมิด
🗓️ 1 สัปดาห์ – 1 เดือน
ไฟป่าลามเผาล้างพืชพรรณแทบหมด
เถ้าถ่าน SO2 จากการปะทุภูเขาไฟ + ไอน้ำ = ฝนกรด
Nuclear Winter หรือ Impact Winter: ฝุ่นบังแสงอาทิตย์ ทำให้อุณหภูมิลดฮวบ 20-40°C
พืชหยุดสังเคราะห์แสง → ห่วงโซ่อาหารพังทันที
🗓️ 1 เดือน – 1 ปี
สัตว์ใหญ่ทยอยตายเพราะขาดอาหารและอากาศหนาวจัด
สัตว์ทะเลบางส่วนรอดนานกว่า แต่กรดในมหาสมุทรจะฆ่าแพลงก์ตอน = พังทั้งห่วงโซ่
เผ่าพันธุ์มนุษย์ (ถ้าเหลือใครอยู่ในบังเกอร์) จะอดอาหาร-ป่วยตายตามเวลา
⏳ 10-100 ปีต่อมา
โลกฟื้นตัวช้า อากาศจะค่อยๆ สะอาดขึ้น แต่สายพันธุ์ใหญ่เกือบหมดสิ้น
เศษมนุษย์ที่รอดอาจวิวัฒน์ใหม่หรือสูญพันธุ์ตามไป
🔚 สรุปสั้นๆ: ไม่มีแผน B
พลังชนแบบนี้ “Extinction-Level Event” คือจบจริง 100% ไม่มีอารมณ์ฮีโร่ยิงนิวเคลียร์แตกกลางอากาศ
ถ้าชนที่มหาสมุทรแปซิฟิกจะซวยเท่าๆ กัน เพราะคลื่น tsunami จะยิ่งกระจายได้ดี
มนุษย์เหลือทางรอดแค่บังเกอร์ลึกๆ สุดท้ายก็แค่ยื้อเวลา
เพื่อนๆ มีมุมมองอย่างไร และจะเตรียมตัวตายแบบไหน