โค้งสุดท้าย หนึ่งด้าวฟ้าเดียว ตีโจทก์แตก

โค้งสุดท้าย หนึ่งด้าวฟ้าเดียว

รู้สึกใจหายที่ละครสุดรักกำลังจะจบลง เพิ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ที่ตั้งตารอดูตั้งแต่ตอนแรกแล้วก็ติดหนึบจนถึงวันนี้ วันที่พระเจ้าตากจะเข้าตีจันทบูรสำเร็จและต่อกองทัพเรือไปตีธนบุรี ตีค่ายพม่าที่นั่นแตกก่อนจะเข้าตีค่ายสุดท้ายของสุกี้พระนายกอง แม่ทัพพม่าที่รักษาการด่านสุดท้ายของพม่าที่ค่ายโพธิ์สามต้น เป็นการขับไล่พม่าออกไปจากแผ่นดินไทยจนหมดและกู้เอกราชคืนมาได้ภายใน 7 เดือน

ละครเรื่องนี้คือมาสเตอร์พีซของช่องสามที่คนดูต้องตั้งใจดูจริงจัง อย่างที่เคยบอกแล้วว่าละครไม่เรียงตามลำดับเนื้อเรื่อง และใส่รายละเอียดในคำพูดของตัวละครรวมทั้งการใช้สายตาของนักแสดง หากดูมั่งไม่ดูมั่ง ดูไปทวิตไปหรือไรก็แล้วแต่ จะทำให้ขาดตอนและไม่เข้าใจความเป็นไปของเนื้อเรื่อง ทำให้เสียอรรถรส อย่างเช่นว่าทำไมแม่ของขันทองต้องเป็นตุรกี ก็เพื่อให้พระเอกพูดตุรกีได้ ทำให้การปลอมตัวเป็นขันทีสมจริงขึ้น และเพราะในสมัยนั้นอโยธยามีขันทีจากตุรกีจริง และตำแหน่งของหลวงศรีมโนราชก็มีจริง (ในละครเป็นขันทีขี้อิจฉา)

กลศึกฝ่ายอังวะ ละครใส่รายละเอียดคราวที่พม่าที่ต้องทำศึกกับจีน แสดงให้เห็นว่าเเพราะทหารเกณฑ์จากเมืองฉานหันไปเข้ากับจีน อังวะแพ้ต่อจีนจนทำให้พระเจ้ามังระต้องไปรบกับจีนเองและไม่สามารถมาตีไทยด้วยพระองค์เองได้ และทรงเห็นแก่ไพร่ฟ้าและเหล่าทหารที่เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่พระองค์ไม่ต้องการไทยเป็นเมืองขึ้นแต่ต้องการทำลายอโยธยาให้สิ้นซาก และแสดงให้เห็นถึงกลยุทธิ์ที่ให้สองแม่ทัพพม่า มังมหานรธาและเนเมียวสีหบดีเข้าตีไทยทางเหนือและใต้ก่อนจะบีบเข้าตีอโยธยาโดยเจาะอุโมงค์เข้าไปที่กำแพงเมืองและจุดไฟเผาจนกำแพงทรุดก่อนจะยิงปืนใหญ่ถล่มต่อเนื่องจนถึงวันที่กรุงแตก

ขอบคุณรายละเอียดต่างๆในการเสียกรุงของฝ่ายไทย ทั้งความหละหลวมไม่คิดแก้ไขยุทธวิธีในการป้องกันเมือง ความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องพระเสื้อเมืองทรงเมืองว่าจะปกปักอโยธยาได้เหมือนเคย ทั้งยังเชื่อมั่นในชัยภูมิของตนเอง ทั้งความอ่อนแอของอโยธยาเอง ไหนจะเหล่าขุนนางที่เห็นแก่ประโยชน์ของตน ความพ่ายแพ้ของอโยธยานั้นส่วนหนึ่งเกิดขึ้นดั่งคำที่ว่า "สนิมเกิดแต่เนื้อในตน" จริงแท้

ชอบรายละเอียดของพระยาพิชัยตั้งแต่เป็นหลวงพิชัยอาสา ละครเขียนบทให้คนดูรู้สึกได้ถึงความจงรักภักดีต่อพระยาตาก ดูฉากรบของหลวงพิชัยและพระเจ้าตากแล้วขนลุก น้ำตาไหลทุกครั้งด้วยความตื้นตัน แบบว่าท่านสู้ด้วยหัวใจนักรบจริงๆ ตายเป็นตาย แต่ถ้าจะตายก็ขอให้ได้พยายามต่อสู้ให้ถึงที่สุดก่อน ฉากที่หลวงพิชัยอาสา พระเอกและเหล่าวีรชนทหารกล้ากรูเกรียววิ่งเข้าใส่กำแพงเมืองจันทบูรทำคนดูให้ฮึกเหิมตาม ยิ่งฉากที่พระเจ้าตักจะทรงช้างพังคีรีบัญชรเข้าพังกำแพงประตูเมืองจันทบูร ยิ่งจะทำให้คนดูรู้สึกราวกับได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วยตัวเอง นับถือพระองค์และเหล่าวีรชนจริงๆ

ฉากรบให้รายละเอียดกับคนดูอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นศึกพม่ากับเมืองจีน ศึกนนทบุรี ศึกทางน้ำของพระยาเพชรบุรี แม่โพสาวหาญที่ออกมาช่วยพระยาตากรบจนตัวตายตอนอังวะไล่ตามทัพพระยาตากที่ตีฝ่าอังวะออกมา และพรานคำหรือนายพรานเฒ่าจับนกที่อ.อุทัยธานี ผู้มอบเสบียงและม้า 5 ตัวให้แก่ทัพพระยาตากหลังจากรอดตายมาจากทุ่งโพสาวหาญ ม้า 5 ตัวที่พระยาตากและขุนพลนำทัพทหารที่มีเพียงน้อยนิดเข้าต่อสู่กับทัพพม่าที่ติดตามมาถึง 2000 คน แต่ได้ชัยชนะโดยที่ฝ่ายไทยไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ซึ่งทำให้กองทัพไทยประกาศให้วันที่ 4 มกราคม เป็นวันทหารม้ามาจนถึงทุกวันนี้ รายละเอียดเหล่านี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และต่อจิตใจคนดูอย่างมาก ทำให้ความกตัญญูรู้คุณต่อพระเจ้าตากมีมากขึ้นนับเท่าคูณทวี

ความรักความผูกพันของครอบครัวแมงเม่า จากเศรษฐีจนถึงวันที่กรุงแตกและหนีภัย ความฉลาดในการสร้างให้ครอบครัวนี้เป็นเจ้าของโรงกระดาษ ทำให้แมงเม่านางเอกมีที่มาที่ไปในการแก้กลบท ความน่ารักของพ่อมิ่งที่พยายามคลุมถุงชนลูกสาวจนถึงวันที่โดนแมงเม่าอ้อนจนยอมแพ้ การโยงใยความรักของม่วง อิน และแม่สุ่นจากโรงรับชำเราของออกญาหมิ่น รวมถึงการโยงเนื้อเรื่องให้พันหาญไปจองตัวแม่สุ่นจนได้มีโอกาสพบกับม่วง เป็นเหตุให้ม่วงสามารถหนีไปหาพันหาญที่ค่ายพระยาตากได้เมื่อครั้งถูกใส่ความว่าฆ่าแม่สุ่น

คำพูดประโยคเดียวของคุณท้าวโสภาเรื่องกบฎเจ้าสามกรมก็บอกได้ว่า เหตุใดเยื้อนลูกพระยาผู้ถูกประหารริบเรือนจึงโกรธแค้นกรมขุนวิมลนัก

เรื่องราวในอดีตเมื่อเจ้าจอมเพ็ญเป็นสาวรุ่นหลังพ่อแม่ตายและโดนขุนนางหวังเคลม แต่แม่เพ็ญสาวน้อยก็พร้อมที่จะปกป้องพ่อเพิ่มน้องชายตัวน้อย (คุณพระนาย) ทำให้คนดูใจอ่อนและอภัยให้แก่ความเห่อเหิ่มจนถึงขั้นเป็นไส้ศึกของเจ้าจอม

รายละเอียดว่าทำไม ขุนทองลูกเศรษฐีถึงกลายเป็นโจรก่อนจะลักพาตัวสาลิกาแม่พระเอก การที่ขุนทองเข้าช่วยพระยาตากรบในคราวศึกอลองพญาจนตัวตาย โยงเข้ากับที่พระยาตากจ้างวานขันทองลูกชายให้เป็นจารบุรุษจึงมีที่มาที่ไป

เรื่องราวความรักของพระนาง จากที่ขุนศรีขันทินรำคาญแมงเม่ามากๆ จนความรู้สึกเปลี่ยนไปเมื่อเห็นความฉลาดเฉลียวและจริงใจของแมงเม่าจนเปลี่ยนเป็นความรักที่บอกใครไม่ได้ จนถึงวันที่ตัดสินใจบอกแมงเม่าว่าเป็นชายแท้ ความรู้สึกของแมงเม่าต่อขุนศรีจนเป็นออกพระศรีและมาถึงวันที่เป็นพี่ขันทอง ค่อยเป็นค่อยไปตามสถานการณ์ น่ารักจนต้องยิ้มให้กับความรักของคนทั้งคู่

คนไม่ดูก็มีแบบที่ไม่ชอบละครรบหรือละครหนักสมอง ส่วนคนดูก็มีทั้งคนที่ดูมั่งไม่ดูมั่ง ดูไม่ปะติดปะต่อ ไม่รู้เรื่องเลยพาลเบื่อ คนที่ตามดูย้อนหลังแล้วติดงอมแงม คนดูที่สนุกกับการแลกเปลี่ยนความเห็นในทวิตเตอร์ และคนดูที่ไม่กระพริบตาทุกฉากทุกตอน จขกท.เป็นหนึ่งในคนดูที่ตั้งใจดูจริงจังทุกนาที

ด้วยความรักและเทิดทูนในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แค่เห็นคนดูชื่นชมในความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวและพระปรีชาสามารถของพระองค์ เห็นในความเสียสละที่พระองค์ยอมแม้แต่จะสละชีวิตเพื่อกู้เอกราช ก็ถือว่าหนึ่งด้าวฟ้าเดียวตอบโจทก์ในการสร้างละครเรื่องนี้ได้สำเร็จแล้ว

ค่ำนี้เราเข้าตีจันทบูรและกู้เอกราชกับพระเจ้าตากกันนะ และไปร่วมเป็นพยานรักในงานแต่งงานของขันทองกับแมงเม่า และดูลีลาออกญาวังกำแหงสอนบทรักคืนเข้าหอให้ขันทอง

มาร่วมอำลาละครอิงประวัติศาสตร์ที่ดีที่สุด(สำหรับจขกท.)กันนะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่