ทำไมขายของเหมือนกัน เขาขายดี เราถึงขายไม่ได้


“ทำไมเขาถึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แล้วทำไมร้านเราถึงเงียบเป็นป่าช้าแบบนี้ล่ะนิ” ประโยคแบบนี้ คนทำธุรกิจที่เป็นพ่อค้าแม่ขายน่าจะเคยผ่านคำพูดแบบนี้กันมาบ้าง แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็เรียกได้ว่ายากและเหนื่อยใจมากทีเดียว กับการนั่งมองดูร้านคนอื่นที่ขายของเหมือนร้านของเราเป๊ะ แต่ทำไมเขาขายได้ เราขายไม่ดี นี่แหละคำถามมันเกิดขึ้นตรงนี้

หากคุณกำลังเกิดคำถามกับตัวเองตามข้อความข้างต้น วันนี้ตัวผู้เขียนจึงขอสวมบทบาทในด้านของผู้ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ (ซึ่งเป็นอาชีพหลักของผู้เขียน) ที่จะถ่ายทอดประสบการณ์ตรงจากที่เราพบเจอปัญหาต่างๆในการทำธุรกิจว่า ในกรณีแบบนี้มันเกิดจากอะไรกัน

1.ก่อนอื่นเราอยากให้คุณลองย้อนกลับไปดูจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจของคุณในวันแรกก่อน คุณเริ่มธุรกิจนี้จากอะไร จากความชื่นชอบ จากกระแส จากครอบครัวที่ส่งต่อมาที่เรา หรือด้วยเหตุผลอะไร

2.ลองค่อยๆไล่เรียงคุณและคู่แข่งที่ว่าขายดิบขายดี วิเคราะห์กันเป็นข้อๆว่า ทั้งเขาทั้งคุณ มีอะไรที่เหมือนหรือต่างกันบ้าง ต้องเขียนอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง จะให้คนที่ทำธุรกิจกับเรามาช่วยกันเขียนก็ได้ หรือคนนอกก็ได้ จะเห็นภาพใหญ่ขึ้น

3.คุณรักที่จะขายสิ่งนี้จริงหรือไม่ คำถามนี้ตอบให้ชัด เพราะหลายครั้งที่เราถอดสมการออกมาได้ว่า ของที่ขายและมักประสบความสำเร็จได้นั้นมาจาก ของที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคจริงๆ และเจ้าของมีความรู้ในของสิ่งนั้นจนเรียกได้ว่าเป็น expert กับของสิ่งนั้นไปเลย ลองดูว่าคุณมีอะไรเหล่านี้หรือไม่

4.ช่องทางการขาย หรือการโปรโมท ไม่ว่าคุณและเขาได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง

5.คุณมีเป้าหมายกับสิ่งที่คุณกำลังทำ นั่นคืออะไร บางคนขายไปวันๆ บอกเลยว่า อินเนอร์มันไม่ออก ความรู้สึกไม่ได้ แล้วคนอาจจะไม่เชื่อคุณ ในขณะที่อีกฝั่งอินกับสิ่งที่ขายมากๆ คนก็เชื่อว่ามันดีจริง ก็ซื้อกันถล่มทลาย แค่นี้เลยก็มี

6.คุณเชยไปหรือเปล่า แต่ถ้าไม่เชยก็ต้องยูนีคมากๆ บางคนทำธุรกิจแบบผู้ตาม อะไรอัพเดทเราไม่อัพ โลกไปถึงไหนเราจะอยู่แค่นี้ ในขณะที่โลกวิ่งทุกวัน เฟสบุคอัพกันทุกวินาที แต่หากคุณขี้เกียจจะตามโลก นั่นหมายความว่า คุณอาจจะต้องยูนีคและมีความออริจินอลมากจริงๆ จนใครๆก็ต้องหันมาเลือกคุณ

7.ใครขายของให้คุณบ้าง ข้อนี้สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นคนในร้าน หรือลูกค้าที่บอกต่อ ทุกคนล้วนเป็นนักขายให้คุณ มองให้ออกว่าพวกเขาเป็นใครบ้าง และอยากให้พวกเขาพูดอะไรถึงสินค้าของคุณ เทคนิคนี้เอาไปใช้จะดีทั้งทางตรงทางอ้อม เอาเป็นว่าดีทุกทาง

8.คุณลงทุนผิดจุดอยู่หรือเปล่า มองให้ออกว่า หัวใจในธุรกิจของคุณที่เป็นสิ่งที่จะสร้างเงินได้ นั่นคืออะไรบ้าง แล้วให้ความใส่ใจกับตรงนั้น อย่างบางคนเปิดร้านกาแฟ แน่นอนว่าหัวใจหลักนั่นคือ ทำเล , รสชาติ , ราคา หากสามสิ่งนี้คุณอ่านขาดแบบทะลุปรุโปร่ง นั่นก็จะทำให้คุณขายดิบขายดีได้ไม่ยาก

9.คุณไม่ได้เลียนแบบใครอยู่ใช่ไหม ข้อนี้ตอบอย่างตรงไปตรงมาและห้ามเข้าข้างตัวเอง เพราะหลายครั้งที่เราตามเทรนด์ ตามคนอื่น ตามสารพัดคำพูด จนลืมสร้างความดั้งเดิมที่เป็นแก่นแท้ของตัวเอง เพราะสิ่งพวกนี้จะเป็นการบอกตัวตนของคุณ และจะดึงดูดคนที่ชอบอะไรเหมือนกับเรามาได้ไม่ยาก ซึ่งพอสร้างความออริจินอลให้ตัวเองได้ คุณก็จะกลายเป็นผู้นำที่พัฒนาตัวเองในรูปแบบของตัวเอง และมีผู้ตามเท่านั้นที่จะคอยเป็นเครื่องซีร็อกซ์ ที่ไม่สามารถแทนคุณได้ เพราะคุณนำไปแล้วและคุณไม่หยุดพัฒนา ในทางกลับกันถ้าคุณไม่สร้างอะไรพวกนี้เอาไว้ คุณอาจจะกำลังเดินตามใครอยู่ก็ได้

10.ถ้าคุณกับเขามีของเหมือนกัน แล้วคุณขายไม่ได้ คุณก็สร้างอะไรที่ต่างกันออกไปเลย ข้อนี้จะคล้ายข้อเก้า แต่จะขอแนะนำเพิ่มเติมว่า หลายครั้งที่ผู้บริโภคซื้อเพราะต้องการไม่เหมือนใคร ต้องการประสบการณ์ใหม่จากสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นคุณต้องรู้ก่อนว่าใครกันที่จะเป็นคนจ่ายเงินให้กับคุณ แล้วคุณก็สร้างความไม่เหมือนใครให้เขาไปเลย

อ่านไปนึกไปจนครบสิบข้ออาจจะยังไม่ละเอียด เราแนะนำให้คุณหากระดาษปากกามาคอยเขียนอธิบายตัวเองให้ละเอียดไปทีละข้อ เท่านี้ก็พอจะมองออกได้แล้วว่า ทำไมเราถึงขายไม่ดี แต่ถ้ายังไม่รู้จริงๆ ก็ต้องมองหาผู้เชี่ยวชาญมานั่งคุยกับเรา เหมือนกับเราได้ส่องกระจกอีกครั้งว่า อะไรที่เปลี่ยนไปจากที่ตั้งใจไว้บ้าง หรืออะไรที่เรากับคู่แข่งไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้นจริงๆ

แต่ในส่วนตัวผู้เขียนเราเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าคุณมีความปรารถนาในใจที่ดี และรักในสิ่งที่ทำจนอยากให้คนอื่นๆมีประสบการณ์ไปกับเรา คุณเชื่อเถอะว่า พลังและอินเนอร์เหล่านั้นมันจะเปล่งประกายมาก และทำให้คนเชื่อคุณอย่างไม่อยากเลย

สุดท้ายขอทิ้งท้ายไว้สั้นๆว่า ทำธุรกิจไม่ยาก แต่กว่าจะเข้าใจต้องให้ชีวิตผ่านประสบการณ์

cr : www.johjaionline.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่