
Mclaren Bangkok เปิดจำหน่ายสุดยอดซูเปอร์คาร์เจเนอเรชั่นที่ 2 ในตระกูล Super Series McLaren 720S ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Twin Turbo V8 Engine แบบ 4 ลิตร ภายใต้ธีม "The New McLaren 720S Raising your Limits in Thailand" เมื่อวานนี้ ณ โชว์รูมนิชคาร์
ซึ่งทีมงาน Pantip Garage เราก็ไม่พลาดเข้าร่วมยลโฉมเจ้าฉลามตัวแรงแดนอังกฤษ คันนี้

ย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา McLaren 720S ได้ถูกเผยโฉมในเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วภายในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 (Motor Show 2017) หลังการเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่กรุงเจนีวา

McLaren 720S ผลิตในประเทศอังกฤษโดยโรงงานผู้ผลิตของแมคลาเรน

McLaren 720S มีสมรรถนะที่แรงเหนือชั้นและการผสานการขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับนักขับอย่างชาญฉลาด เทียบเท่ากับรถยนต์ Hypercar ในราคาระดับ Supercar

McLaren 720S นำเสนอดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของฉลาม

เครื่องยนต์ M480T รุ่นใหม่ให้กำลัง 720 แรงม้า ซึ่งแรงไม่ต่างจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบรุ่น V8 ของแมคลาเรนที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย

โดยเครื่องรุ่นนี้เป็นแบบ 4.0 ลิตร ใช้ชิ้นส่วนใหม่ 41% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องขนาด 3.8 ลิตรของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรี่ส์ของแมคลาเรน ทำให้ แมคลาเรน 720เอส มอบกำลังแรงสูดถึง 720 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร

Mclaren 720S มอบสมรรถนะที่เหนือชั้นโดยสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และอีก 5 วินาทีต่อมาจะเร่งได้เร็วกว่า 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 341 กม./ชม.

สำหรับระบบเบรกสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถหยุดรถจากความเร็ว 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลา 4.6 วินาที

และใช้ระยะทางเพียง 117 เมตร จากความเร็ว 200 กม./ชม. จนหยุดนิ่ง

นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพอื่นๆอีกมากมายนอกจากความเร็ว เนื่องจากสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม กินน้ำมันเพียง 10.7 ลิตร/กม. และปล่อยไอเสีย 249 กรัม/กม. ตามมาตรฐานของ New European Driving Cycle (NEDC)

แมคลาเรน ยังชำนาญในเรื่องโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ รถยนต์ทุกรุ่นสำหรับวิ่งบนท้องถนนทุกคัน ที่ผลิตหลังจากที่แมคลาเรนสร้างรถแข่งฟอร์มูล่า1 ในปี ค.ศ. 1993 ล้วนมีโครงช่วงล่างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์

Mclaren 720S คันนี้ใช้ “ถัง” คาร์บอนไฟเบอร์และโครงสร้างส่วนบนรุ่นใหม่ ในชื่อ McLaren Monocage II เทคโนโลยีนี้ทำให้โครงสร้างน้ำหนักเบามีความแข็งตึงและความคงตัวสูงสุด และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสรรค์รถยนต์ระดับซูเปอร์คาร์ โดยมีการใช้อะลูมิเนียมอัลลอยด์หลายจุดในส่วนโครงช่วงล่าง รวมไปถึงส่วนโครงตัวถังเช่นกัน

ทั้งระบบการควบคุม Proactive Chassis Control รุ่นใหม่ ของแมคลาเรน ระบบกันสะเทือนรุ่นใหม่

และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าไฮดรอลิกอันยอดเยี่ยมของแมคลาเรน สามารถทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ การทรงตัว และสมรรถนะถึงขีดสุด พานักขับพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วและแรงเหนือใคร

ด้วยการออกแบบ Double-skin เพื่อพรางระบบท่อลมเข้าไว้อย่างแนบเนียนแบบ ทำให้สามารถระบายอากาศเพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์และลดแรงต้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะเดียวกัน ประตูยังเลื่อนเปิดซ้อนเข้าใต้ส่วนหลังคา ทำให้สามารถเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การออกแบบแผงไฟหน้าแอลอีดีที่โดดเด่นยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม

การตกแต่งห้องโดยสารภายใน

Mclaren 720S มอบความหรูหราด้วยวัสดุหนังแท้ชั้นเลิศและชิ้นส่วนอะลูมิเนียม

ซึ่งสอดรับกับอินเตอร์เฟซแสดงผล McLaren Driver Interface รูปแบบใหม่ ซึ่งมีทั้งจอแสดงผลแบบ Folding Driver Display และ Central Infotainment Screen

นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับซูเปอร์คาร์ ทั้งแง่ของวิสัยทัศน์ พื้นที่ใช้สอย และความสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ แมคลาเรน 720เอส คือยานยนต์เพื่อการขับขี่อันไร้ที่ติและครองตำแหน่งซูเปอร์คาร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน

สำหรับราคา Mclaren 720S เริ่มต้นที่ 26.5 ล้านบาท
เปิดตัว “McLaren 720S” ฉลามตัวแรงแดนอังกฤษ สมรรถนะระดับ Hypercar ในราคา Supercar เริ่ม 26.5 ล้านบาท
Mclaren Bangkok เปิดจำหน่ายสุดยอดซูเปอร์คาร์เจเนอเรชั่นที่ 2 ในตระกูล Super Series McLaren 720S ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Twin Turbo V8 Engine แบบ 4 ลิตร ภายใต้ธีม "The New McLaren 720S Raising your Limits in Thailand" เมื่อวานนี้ ณ โชว์รูมนิชคาร์
ซึ่งทีมงาน Pantip Garage เราก็ไม่พลาดเข้าร่วมยลโฉมเจ้าฉลามตัวแรงแดนอังกฤษ คันนี้
ย้อนกลับไปเมื่อปีที่ผ่านมา McLaren 720S ได้ถูกเผยโฉมในเมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่มาแล้วภายในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 38 (Motor Show 2017) หลังการเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่กรุงเจนีวา
McLaren 720S ผลิตในประเทศอังกฤษโดยโรงงานผู้ผลิตของแมคลาเรน
McLaren 720S มีสมรรถนะที่แรงเหนือชั้นและการผสานการขับขี่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับนักขับอย่างชาญฉลาด เทียบเท่ากับรถยนต์ Hypercar ในราคาระดับ Supercar
McLaren 720S นำเสนอดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากรูปทรงของฉลาม
เครื่องยนต์ M480T รุ่นใหม่ให้กำลัง 720 แรงม้า ซึ่งแรงไม่ต่างจากเครื่องยนต์ทวินเทอร์โบรุ่น V8 ของแมคลาเรนที่คว้ารางวัลมาแล้วมากมาย
โดยเครื่องรุ่นนี้เป็นแบบ 4.0 ลิตร ใช้ชิ้นส่วนใหม่ 41% เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องขนาด 3.8 ลิตรของยานยนต์ในตระกูลสปอร์ตซีรี่ส์ของแมคลาเรน ทำให้ แมคลาเรน 720เอส มอบกำลังแรงสูดถึง 720 แรงม้า และแรงบิด 770 นิวตันเมตร
Mclaren 720S มอบสมรรถนะที่เหนือชั้นโดยสามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. (62 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที และอีก 5 วินาทีต่อมาจะเร่งได้เร็วกว่า 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) โดยสามารถทำความเร็วสูงสุดถึง 341 กม./ชม.
สำหรับระบบเบรกสามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยสามารถหยุดรถจากความเร็ว 200 กม./ชม. (124 ไมล์/ชม.) ได้ภายในเวลา 4.6 วินาที
และใช้ระยะทางเพียง 117 เมตร จากความเร็ว 200 กม./ชม. จนหยุดนิ่ง
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ยังเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพอื่นๆอีกมากมายนอกจากความเร็ว เนื่องจากสามารถประหยัดพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม กินน้ำมันเพียง 10.7 ลิตร/กม. และปล่อยไอเสีย 249 กรัม/กม. ตามมาตรฐานของ New European Driving Cycle (NEDC)
แมคลาเรน ยังชำนาญในเรื่องโครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์ รถยนต์ทุกรุ่นสำหรับวิ่งบนท้องถนนทุกคัน ที่ผลิตหลังจากที่แมคลาเรนสร้างรถแข่งฟอร์มูล่า1 ในปี ค.ศ. 1993 ล้วนมีโครงช่วงล่างเป็นคาร์บอนไฟเบอร์
Mclaren 720S คันนี้ใช้ “ถัง” คาร์บอนไฟเบอร์และโครงสร้างส่วนบนรุ่นใหม่ ในชื่อ McLaren Monocage II เทคโนโลยีนี้ทำให้โครงสร้างน้ำหนักเบามีความแข็งตึงและความคงตัวสูงสุด และเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสรรค์รถยนต์ระดับซูเปอร์คาร์ โดยมีการใช้อะลูมิเนียมอัลลอยด์หลายจุดในส่วนโครงช่วงล่าง รวมไปถึงส่วนโครงตัวถังเช่นกัน
ทั้งระบบการควบคุม Proactive Chassis Control รุ่นใหม่ ของแมคลาเรน ระบบกันสะเทือนรุ่นใหม่
และระบบพวงมาลัยไฟฟ้าไฮดรอลิกอันยอดเยี่ยมของแมคลาเรน สามารถทำงานสอดประสานกันอย่างลงตัว ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ การทรงตัว และสมรรถนะถึงขีดสุด พานักขับพุ่งทะยานไปด้วยความเร็วและแรงเหนือใคร
ด้วยการออกแบบ Double-skin เพื่อพรางระบบท่อลมเข้าไว้อย่างแนบเนียนแบบ ทำให้สามารถระบายอากาศเพื่อลดความร้อนของเครื่องยนต์และลดแรงต้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกัน ประตูยังเลื่อนเปิดซ้อนเข้าใต้ส่วนหลังคา ทำให้สามารถเข้าสู่ห้องโดยสารได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การออกแบบแผงไฟหน้าแอลอีดีที่โดดเด่นยังช่วยยกระดับประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ได้อย่างดีเยี่ยม
การตกแต่งห้องโดยสารภายใน
Mclaren 720S มอบความหรูหราด้วยวัสดุหนังแท้ชั้นเลิศและชิ้นส่วนอะลูมิเนียม
ซึ่งสอดรับกับอินเตอร์เฟซแสดงผล McLaren Driver Interface รูปแบบใหม่ ซึ่งมีทั้งจอแสดงผลแบบ Folding Driver Display และ Central Infotainment Screen
นอกจากนี้ ห้องโดยสารยังถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับซูเปอร์คาร์ ทั้งแง่ของวิสัยทัศน์ พื้นที่ใช้สอย และความสะดวกสบาย ซึ่งทำให้ แมคลาเรน 720เอส คือยานยนต์เพื่อการขับขี่อันไร้ที่ติและครองตำแหน่งซูเปอร์คาร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในปัจจุบัน
สำหรับราคา Mclaren 720S เริ่มต้นที่ 26.5 ล้านบาท