สวัสดีครับ ผมขอใช้นามสมมติชื่อ เอ แทนตัวเอง
เคยเข้าไปดูรีวิวเค้า ว่าหมอคนนี้เก่ง ดี มีแก้ศัลยกรรมบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะไม่มีจรรยาบรรณขนาดนี้

สืบเนื่องจากการทำโดยไม่ได้คิดให้ดี ไม่ถี่ถ้วน จึงอยากแชร์ประสบการณ์
แค่เพราะคนเป็นหมอให้ข้อมูลผิด จึงขอเขียนข้อมูลใหม่ให้เพื่อนๆ คิดให้ดีก่อนจะทำ
(ไม่เคย Anti ศัลยกรรม , ไม่ได้มีความรู้สึกแอนตี้แต่อย่างใด)
เอเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งได้เจอลูกค้ารายนึงซึ่งเจอกัน 3 ครั้ง มารู้ครั้งล่าสุดว่าเค้าเป็นหมอศัลยกรรม
พี่เค้าเปิดคลีนิคอยู่แถวฝั่งธน ใกล้ห้างดัง ติดๆกัน เดินทะลุถึงกันได้ วัยรุ่นผมก็ชอบไปดูหนังที่นี่
ผมเลยถามว่า ถ้าให้พี่ N (ขออนุญาติเรียกหมอ,ลูกค้า นามสมมติว่า N) ว่า ถ้าเลือกได้ผมควรทำอะไรเพิ่ม
พี่ N แนะนำว่า ควรทำจมูก แล้วก็แนะนำให้ฉีดผิว ทำโบท็อกซ์
ซึ่งพี่เค้าก็ให้ราคาพิเศษ (จริงๆ คือ ราคาถูกกว่าปกติของเค้าสักหน่อย) แต่ก็ยังหลักหมื่น พี่ N ซึ่งเป็นหมอ บอกว่าคลีนิคพี่เปิดมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกน้องหลอก สุดท้ายเอก็เลยให้ไลน์ไป
ซึ่งการทำครั้งนั้นก็ได้ส่งผลถึงความผิดพลาดต่อมา
เอถามหมอว่า พี่ N ครับ ผมสามารถมาทำงานได้เลยไหมหลังทำเสร็จ
หมอ N : ทำงานต่อได้เลยค่ะไม่บวม อยากกินอะไรได้หมด เน้นกินไข่นะ
ส่วนฟิตเนส น้องเอ สามารถเล่นได้เลยหลัง 7 วัน
เราก็แบบ เออ ปกติเนอะ ไม่ได้ลำบากอะไร ในเวลานั้นคิดว่า ถ้ามีปัญหา หมอ N เป็นเจ้าของคลีนืคก็น่าจะดูแล
ไม่น่ามีอะไร พี่เค้าก็เป็น Doctor < ตามชื่อ Line เราก็แบบ ยังไงคงไม่มีอะไรหรอก
ผ่านวันไปเค้าก็ชวนเราบอกว่า เดี๋ยวพี่ทำให้น้องเอนะ หล่อเลย มาตอนไหนกี่โมง
ต่อจากนี้จะขอใช้ภาพผสมกับการใส่รูปข้อความในไลน์นะครับ

ภาพสุดท้ายเหมือนหมอห่วง แต่จริงๆจนป่านนี้ยังไม่ตอบ

วันที่มีปัญหาหมอยังจะชาร์จเงินเรา 30000
ไปทำครั้งแรกไม่รู้ข้อมูลมา เลยขอบรรยายตอนทำ
หมอ N ทำประวัติ เรียกเก็บเงิน ให้ล้างหน้า
เรื่มด้วยการฉีดยาชา 3 เข็ม
จากนั้นเราจะชา หมอก็เอาซิลิโคนสำเร็จรูปมายัด ไม่มีการอธิบายลักษณะของซิลิโคน กับทรง
จากนั้นหมอบอก ทำของเรานานมาก 45 นาที เคสคนอื่น 30 นาทีจบ และเรียกพยาบาลช่วยดู
ตรงไหม ?? หล่อยัง ?? เราก็ใจชื้น แต่หมอมีพูดในตอนแรกว่า ของเรานี่แทบไม่เสริมเลย
มีส่วนของฮั้มที่เอาออกไปได้นิดหน่อย แล้วก็บอกว่าเสร้จแล้ว จากนั้นเย็บไหม
หมอให้พยาบาลมาฉีดโบท็อกประมาณ 2 นาทีเสร็จ แต่หมอไม่ได้ทำเอง จากนั้นเก็บประวัติบอก
จะขอให้เป็น Presenter ให้ เราก็แบบบอกว่า ไม่อยากให้ที่บ้านรู้
ความผิดส่วนนึง เพราะเอใจง่ายด้วย คิดว่าหมอเป็น Dr. ไปเรียนวิธีการศัลยกรรมมาเรียบร้อย
ผ่านไปประมาณ 3 วัน เข้าวันที่ 4 แกะเฝือกดู ตกใจเลย จมูกมีตรงฮั้มนูนมากกว่าเดิมอีก
คุยไปคุยมาหลังจากไปทำ ผมเริ่มไปหาข้อมูลเพิ่ม โอ้ว หมอ N คนนี้ไม่ค่อยได้ทำจมูกเลย
แต่เรามีไลน์หมอ N ก็เลยคุยกัน
ตอนนั้นบอกเลย รู้แก่ใจแล้วว่าต้องแก้ เพราะเอไปปรึกษาน้องคนนึงที่ทำคลีนิคเสริมความงาม
สนิทกับน้องคนนั้น น้องบอกว่า เค้าคงใส่ซิลิโคนแมนติสให้ ต้นทุนจริงไม่ถึง 1 พันบาท * ที่เหลือค่าแรงค่าห้อง ยาชา
น้องก็ทักเราว่า ทำไมไม่มาปรึกษาก่อน เราก็ใจเสียละ
หลังจากนั้นเราบอกหมอ N ไป เค้าบอกให้เราพยายามกดที่ยุบไป ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ลง
แล้วหลังจากไปเจอหมอหลังนัดดูแผล เค้าบอกเลือดคลั่ง ซึ่งเราไม่สามารถตอบได้ว่า จริงไหม?
ในห้องผ่าตัด ตอนที่เราไปรอบ 2 มีหมออยู่ 2 คน
หมอ N เป็นเจ้าของคลีนิค ซึ่งเค้าจะชอบแทนตัวคนไข้ว่าน้องเอ
เดี๋ยวพี่แก้แล้วใส่ให้ทรงเดิมเลยนะ 5000 แต่หมอจะคิดเรา 2500-
ซึ่งครั้งแรกได้หลอกขายยา Amoxi ให้เราแผงละ 100 เป็น 500 มาแล้ว แต่เราซื้อมาแล้วก็ไม่ว่าอะไร
ครั้งนี้ความผิดเป็นของคลีนิค แต่เราก็เลยคิดว่ามีค่ายามั๊ง แต่เราจะขอปรึกษาน้องอีกคนก่อนซึ่งชำนาญ
น้องบอกว่า หมอใส่มาไม่ดีขนาดนี้ทำไมถึงยังจะคิด เราคิดว่ามีค่ายาค่าห้อง แล้วอยากแก้ให้จบ
สักพัก หมอเดินเข้ามาบอกทำได้เลยนะ พยาบาลบอก "คนไข้ หมอเค้ารีบไปรับลูก"
เราเลยถามว่า ครั้งนี้หน้าตาไม่ต่างจากเดิมเลย ขอเปลี่ยนความโด่งได้ไหม
(หมอไม่รู้ว่าเราได้ถามพยาบาลครั้งที่แล้วก่อนกลับ ขอดู เค้าเรียกแมนติส ซึ่งครั้งแรกคิดเราแค่ 10,000-
พอมาครั้งนี้หมอเห็นเราเลือกทรง หมอบอกว่า จะเอาดั้งโด่งหน่อยต้องใช้ซิลิโคนแมนติสอเมริกา
ขอคิดราคา 30,000 บาท แล้วถามพยาบาลประมาณว่า ราคานี้ไหม หรือพี่ N จำผิด
พยาบาลบอก ค่ะ 30,000 แต่เหมือนมีโปรลดให้ 20% หมอบอก งั้นลดให้น้องเค้าเลย แล้วทำให้เลยนะ
30,000 เหลือ 24,000 ผมเลยบอกหมอ N ว่า ก็ครั้งที่แล้วผมใส่ Mantis มา พี่ N จำไม่ได้หรอ ผมเช็คราคา
กับทางคลีนิคอื่นๆมาทั้งหมดแล้ว ปกติพี่ควรแก้ฟรี แต่ผมก็เข้าใจ มีค่ายาค่าห้อง
หมอบอก งั้นพี่ขอ 8,000 ละกัน <<< คือ ยังยืนยันให้เราจ่ายราคานี้ ไม่งั้นต้องทรงเดิม
ซึ่งคิดในใจว่า เราไม่มีช้อยส์อื่นเลยหรอจากที่ถามและโดนรุมจากหมอพยาบาล
เราเห็นหมอ M ตอนแรกเดินออกไป สีหน้าแปลกๆ แต่เคยเจอทีนึงตอนก่อนเจอหมอ N
ซึ่งเค้าได้เดินกลับมา บอกคนไข้เตรียมตัวเลยนะครับ
ผมเลยบอกหมอ M ว่า อันนี้ผมพูดตรงๆ ขอจรรยาบรรณหมอนะครับ ผมจำเป็นต้องทำใช่ไหม
หมอบอก " ใช่ " ผมเลยถามว่า ผมควรต้องจ่ายเงินอีก 8,000 หรอครับหมอ M เพราะผมไม่น่าใช่คนผิด
หมอ M บอก " เอ้า ผมคิดว่า หมอ N ให้คนไข้เปลี่ยนฟรีซะอีก"
ผมเลยบอกว่า งั้นผมจ่ายได้เต็มที่ 2,500 ค่ายาชา ค่าห้อง ไม่ใช่เห็นว่า ผมเป็นคนมีเงินแล้วจะมาขูดรีดหลายๆหมื่นได้
หมอบอก งั้นเดี๋ยวหมอไปคุยให้ ก็สรุปกัน หมอ M ทำให้ครั้งที่ 2 จ่ายไป 2500 พร้อมเปลี่ยน
แต่หลังจากทำเรารู้สึกระบมมากๆ ถามว่า ชอบไหม ก็โอเค แต่รู้สึกปลายตึงๆ หลายๆอย่าง
แต่ใจของหมอ M ผมรู้สึกขอบคุณจนทุกวันนี้ ไม่คิดว่า คนที่สนิทกัน แล้วบอกจะพาผมมาทำหล่อ..
กลับหลอกผม ยังกับจะขโมยเงินผม ผมเห็นคุณเป็นเจ้าของคลีนิค คุยกันสนิทใจ เลยไว้ใจ
เพราะงั้น ผมจึงอยากแชร์ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนที่คิดอยากทำศัลยกรรม
1. คุณควรคิดและใช้เวลาศึกษาข้อมูล ผลดีผลเสีย 1 ปี ก่อนจะทำ
2. หลังทำคุณต้องใช้เวลาพักการกินอาหารทะเล ขั้นต่ำ 1 เดือน ถ้าให้ดี 2 เดือน ขึ้นไป อย่าทานไข่
แผลบางทีด้านในไม่แห้ง และถ้าคุณออกกำลังกาย คุณต้องรับได้ที่ต้องหยุดเล่นขั้นต่ำ 1 เดือน
(หมอ N แนะนำผม 7 วันก็เล่นได้เลย และถ้าคุณทำมาควรพัก 3 วัน อย่าพูดเยอะ แปรงฟันแรง)
3. เลือกหมอที่ดี ซึ่งยากมากที่คุณจะเจอ ก็ต้องอาศัยรีวิวจากเพื่อนที่เว็บ Dungdong.com
ซึ่งหลายครั้งก็เจอพวกเมครีวิว
(อย่างเคสของผม หมอ N ยังขอให้ผมช่วยชมเลย ทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง)
4. ทุกคลีนิคต้องการเงิน แต่ต้องเลือกคลีนิคที่รับประกันฟรี หรือจ่ายน้อย
อย่างคลีนิคที่ผมทำคิดทุกเคส 5,000 ค่ายาแพงขึ้นอีก 500 (โดนต้ม) รวมถึงเคสแก้ก็ต้องจ่ายด้วย
5. ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิด รวมถึงอาจจะมีค่าใช้จ่ายตามหลัง เพราะงั้นคิดให้ดีๆครับ
Tag หมอ N เจ้าของคลีนิคย่านฝั่งธน, คลีนิคฉีดผิว , วัยรุ่นชอบไปดูหนังกัน
สุดท้ายนี้ ขออโหสิกรรมให้กับหมอ แต่ที่เข้ามาโพสเพราะอยากให้ทุกคนรู้และตระหนักให้ดี
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับเอ ขอให้ไม่ไปเกิดกับคนอื่น และขอบคุณที่รับฟัง
อย่าทำจมูก ถ้ายังไม่อ่านกระทู้นี้ โดนเรียกเงินค่าแก้จมูก 30,000 บาท ซิลิโคนแมนติส ***เตือนภัยคลีนิคฉีดผิวย่านฝั่งธน***
เคยเข้าไปดูรีวิวเค้า ว่าหมอคนนี้เก่ง ดี มีแก้ศัลยกรรมบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะไม่มีจรรยาบรรณขนาดนี้
สืบเนื่องจากการทำโดยไม่ได้คิดให้ดี ไม่ถี่ถ้วน จึงอยากแชร์ประสบการณ์
แค่เพราะคนเป็นหมอให้ข้อมูลผิด จึงขอเขียนข้อมูลใหม่ให้เพื่อนๆ คิดให้ดีก่อนจะทำ
(ไม่เคย Anti ศัลยกรรม , ไม่ได้มีความรู้สึกแอนตี้แต่อย่างใด)
เอเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งได้เจอลูกค้ารายนึงซึ่งเจอกัน 3 ครั้ง มารู้ครั้งล่าสุดว่าเค้าเป็นหมอศัลยกรรม
พี่เค้าเปิดคลีนิคอยู่แถวฝั่งธน ใกล้ห้างดัง ติดๆกัน เดินทะลุถึงกันได้ วัยรุ่นผมก็ชอบไปดูหนังที่นี่
ผมเลยถามว่า ถ้าให้พี่ N (ขออนุญาติเรียกหมอ,ลูกค้า นามสมมติว่า N) ว่า ถ้าเลือกได้ผมควรทำอะไรเพิ่ม
พี่ N แนะนำว่า ควรทำจมูก แล้วก็แนะนำให้ฉีดผิว ทำโบท็อกซ์
ซึ่งพี่เค้าก็ให้ราคาพิเศษ (จริงๆ คือ ราคาถูกกว่าปกติของเค้าสักหน่อย) แต่ก็ยังหลักหมื่น พี่ N ซึ่งเป็นหมอ บอกว่าคลีนิคพี่เปิดมาเป็น 10 ปีแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องหลอกน้องหลอก สุดท้ายเอก็เลยให้ไลน์ไป
ซึ่งการทำครั้งนั้นก็ได้ส่งผลถึงความผิดพลาดต่อมา
เอถามหมอว่า พี่ N ครับ ผมสามารถมาทำงานได้เลยไหมหลังทำเสร็จ
หมอ N : ทำงานต่อได้เลยค่ะไม่บวม อยากกินอะไรได้หมด เน้นกินไข่นะ
ส่วนฟิตเนส น้องเอ สามารถเล่นได้เลยหลัง 7 วัน
เราก็แบบ เออ ปกติเนอะ ไม่ได้ลำบากอะไร ในเวลานั้นคิดว่า ถ้ามีปัญหา หมอ N เป็นเจ้าของคลีนืคก็น่าจะดูแล
ไม่น่ามีอะไร พี่เค้าก็เป็น Doctor < ตามชื่อ Line เราก็แบบ ยังไงคงไม่มีอะไรหรอก
ผ่านวันไปเค้าก็ชวนเราบอกว่า เดี๋ยวพี่ทำให้น้องเอนะ หล่อเลย มาตอนไหนกี่โมง
ต่อจากนี้จะขอใช้ภาพผสมกับการใส่รูปข้อความในไลน์นะครับ
ภาพสุดท้ายเหมือนหมอห่วง แต่จริงๆจนป่านนี้ยังไม่ตอบ
วันที่มีปัญหาหมอยังจะชาร์จเงินเรา 30000
ไปทำครั้งแรกไม่รู้ข้อมูลมา เลยขอบรรยายตอนทำ
หมอ N ทำประวัติ เรียกเก็บเงิน ให้ล้างหน้า
เรื่มด้วยการฉีดยาชา 3 เข็ม
จากนั้นเราจะชา หมอก็เอาซิลิโคนสำเร็จรูปมายัด ไม่มีการอธิบายลักษณะของซิลิโคน กับทรง
จากนั้นหมอบอก ทำของเรานานมาก 45 นาที เคสคนอื่น 30 นาทีจบ และเรียกพยาบาลช่วยดู
ตรงไหม ?? หล่อยัง ?? เราก็ใจชื้น แต่หมอมีพูดในตอนแรกว่า ของเรานี่แทบไม่เสริมเลย
มีส่วนของฮั้มที่เอาออกไปได้นิดหน่อย แล้วก็บอกว่าเสร้จแล้ว จากนั้นเย็บไหม
หมอให้พยาบาลมาฉีดโบท็อกประมาณ 2 นาทีเสร็จ แต่หมอไม่ได้ทำเอง จากนั้นเก็บประวัติบอก
จะขอให้เป็น Presenter ให้ เราก็แบบบอกว่า ไม่อยากให้ที่บ้านรู้
ความผิดส่วนนึง เพราะเอใจง่ายด้วย คิดว่าหมอเป็น Dr. ไปเรียนวิธีการศัลยกรรมมาเรียบร้อย
ผ่านไปประมาณ 3 วัน เข้าวันที่ 4 แกะเฝือกดู ตกใจเลย จมูกมีตรงฮั้มนูนมากกว่าเดิมอีก
คุยไปคุยมาหลังจากไปทำ ผมเริ่มไปหาข้อมูลเพิ่ม โอ้ว หมอ N คนนี้ไม่ค่อยได้ทำจมูกเลย
แต่เรามีไลน์หมอ N ก็เลยคุยกัน
ตอนนั้นบอกเลย รู้แก่ใจแล้วว่าต้องแก้ เพราะเอไปปรึกษาน้องคนนึงที่ทำคลีนิคเสริมความงาม
สนิทกับน้องคนนั้น น้องบอกว่า เค้าคงใส่ซิลิโคนแมนติสให้ ต้นทุนจริงไม่ถึง 1 พันบาท * ที่เหลือค่าแรงค่าห้อง ยาชา
น้องก็ทักเราว่า ทำไมไม่มาปรึกษาก่อน เราก็ใจเสียละ
หลังจากนั้นเราบอกหมอ N ไป เค้าบอกให้เราพยายามกดที่ยุบไป ทั้งที่ความเป็นจริงไม่ลง
แล้วหลังจากไปเจอหมอหลังนัดดูแผล เค้าบอกเลือดคลั่ง ซึ่งเราไม่สามารถตอบได้ว่า จริงไหม?
ในห้องผ่าตัด ตอนที่เราไปรอบ 2 มีหมออยู่ 2 คน
หมอ N เป็นเจ้าของคลีนิค ซึ่งเค้าจะชอบแทนตัวคนไข้ว่าน้องเอ
เดี๋ยวพี่แก้แล้วใส่ให้ทรงเดิมเลยนะ 5000 แต่หมอจะคิดเรา 2500-
ซึ่งครั้งแรกได้หลอกขายยา Amoxi ให้เราแผงละ 100 เป็น 500 มาแล้ว แต่เราซื้อมาแล้วก็ไม่ว่าอะไร
ครั้งนี้ความผิดเป็นของคลีนิค แต่เราก็เลยคิดว่ามีค่ายามั๊ง แต่เราจะขอปรึกษาน้องอีกคนก่อนซึ่งชำนาญ
น้องบอกว่า หมอใส่มาไม่ดีขนาดนี้ทำไมถึงยังจะคิด เราคิดว่ามีค่ายาค่าห้อง แล้วอยากแก้ให้จบ
สักพัก หมอเดินเข้ามาบอกทำได้เลยนะ พยาบาลบอก "คนไข้ หมอเค้ารีบไปรับลูก"
เราเลยถามว่า ครั้งนี้หน้าตาไม่ต่างจากเดิมเลย ขอเปลี่ยนความโด่งได้ไหม
(หมอไม่รู้ว่าเราได้ถามพยาบาลครั้งที่แล้วก่อนกลับ ขอดู เค้าเรียกแมนติส ซึ่งครั้งแรกคิดเราแค่ 10,000-
พอมาครั้งนี้หมอเห็นเราเลือกทรง หมอบอกว่า จะเอาดั้งโด่งหน่อยต้องใช้ซิลิโคนแมนติสอเมริกา
ขอคิดราคา 30,000 บาท แล้วถามพยาบาลประมาณว่า ราคานี้ไหม หรือพี่ N จำผิด
พยาบาลบอก ค่ะ 30,000 แต่เหมือนมีโปรลดให้ 20% หมอบอก งั้นลดให้น้องเค้าเลย แล้วทำให้เลยนะ
30,000 เหลือ 24,000 ผมเลยบอกหมอ N ว่า ก็ครั้งที่แล้วผมใส่ Mantis มา พี่ N จำไม่ได้หรอ ผมเช็คราคา
กับทางคลีนิคอื่นๆมาทั้งหมดแล้ว ปกติพี่ควรแก้ฟรี แต่ผมก็เข้าใจ มีค่ายาค่าห้อง
หมอบอก งั้นพี่ขอ 8,000 ละกัน <<< คือ ยังยืนยันให้เราจ่ายราคานี้ ไม่งั้นต้องทรงเดิม
ซึ่งคิดในใจว่า เราไม่มีช้อยส์อื่นเลยหรอจากที่ถามและโดนรุมจากหมอพยาบาล
เราเห็นหมอ M ตอนแรกเดินออกไป สีหน้าแปลกๆ แต่เคยเจอทีนึงตอนก่อนเจอหมอ N
ซึ่งเค้าได้เดินกลับมา บอกคนไข้เตรียมตัวเลยนะครับ
ผมเลยบอกหมอ M ว่า อันนี้ผมพูดตรงๆ ขอจรรยาบรรณหมอนะครับ ผมจำเป็นต้องทำใช่ไหม
หมอบอก " ใช่ " ผมเลยถามว่า ผมควรต้องจ่ายเงินอีก 8,000 หรอครับหมอ M เพราะผมไม่น่าใช่คนผิด
หมอ M บอก " เอ้า ผมคิดว่า หมอ N ให้คนไข้เปลี่ยนฟรีซะอีก"
ผมเลยบอกว่า งั้นผมจ่ายได้เต็มที่ 2,500 ค่ายาชา ค่าห้อง ไม่ใช่เห็นว่า ผมเป็นคนมีเงินแล้วจะมาขูดรีดหลายๆหมื่นได้
หมอบอก งั้นเดี๋ยวหมอไปคุยให้ ก็สรุปกัน หมอ M ทำให้ครั้งที่ 2 จ่ายไป 2500 พร้อมเปลี่ยน
แต่หลังจากทำเรารู้สึกระบมมากๆ ถามว่า ชอบไหม ก็โอเค แต่รู้สึกปลายตึงๆ หลายๆอย่าง
แต่ใจของหมอ M ผมรู้สึกขอบคุณจนทุกวันนี้ ไม่คิดว่า คนที่สนิทกัน แล้วบอกจะพาผมมาทำหล่อ..
กลับหลอกผม ยังกับจะขโมยเงินผม ผมเห็นคุณเป็นเจ้าของคลีนิค คุยกันสนิทใจ เลยไว้ใจ
เพราะงั้น ผมจึงอยากแชร์ไว้ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนที่คิดอยากทำศัลยกรรม
1. คุณควรคิดและใช้เวลาศึกษาข้อมูล ผลดีผลเสีย 1 ปี ก่อนจะทำ
2. หลังทำคุณต้องใช้เวลาพักการกินอาหารทะเล ขั้นต่ำ 1 เดือน ถ้าให้ดี 2 เดือน ขึ้นไป อย่าทานไข่
แผลบางทีด้านในไม่แห้ง และถ้าคุณออกกำลังกาย คุณต้องรับได้ที่ต้องหยุดเล่นขั้นต่ำ 1 เดือน
(หมอ N แนะนำผม 7 วันก็เล่นได้เลย และถ้าคุณทำมาควรพัก 3 วัน อย่าพูดเยอะ แปรงฟันแรง)
3. เลือกหมอที่ดี ซึ่งยากมากที่คุณจะเจอ ก็ต้องอาศัยรีวิวจากเพื่อนที่เว็บ Dungdong.com
ซึ่งหลายครั้งก็เจอพวกเมครีวิว
(อย่างเคสของผม หมอ N ยังขอให้ผมช่วยชมเลย ทั้งที่มันไม่ใช่ความจริง)
4. ทุกคลีนิคต้องการเงิน แต่ต้องเลือกคลีนิคที่รับประกันฟรี หรือจ่ายน้อย
อย่างคลีนิคที่ผมทำคิดทุกเคส 5,000 ค่ายาแพงขึ้นอีก 500 (โดนต้ม) รวมถึงเคสแก้ก็ต้องจ่ายด้วย
5. ต้องมีความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิด รวมถึงอาจจะมีค่าใช้จ่ายตามหลัง เพราะงั้นคิดให้ดีๆครับ
Tag หมอ N เจ้าของคลีนิคย่านฝั่งธน, คลีนิคฉีดผิว , วัยรุ่นชอบไปดูหนังกัน
สุดท้ายนี้ ขออโหสิกรรมให้กับหมอ แต่ที่เข้ามาโพสเพราะอยากให้ทุกคนรู้และตระหนักให้ดี
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับเอ ขอให้ไม่ไปเกิดกับคนอื่น และขอบคุณที่รับฟัง