พูดถึง Switzerland แล้ว หลายๆคนคุ้นเคยกับภูเขาดังๆอย่าง Jungfrau, Matterhorn, หรือ ขึ้นเขาดังๆอย่าง Titlis
แต่เชื่อว่าหลังจากดูละครเรื่อง ลิขิตรัก The Crown Princess ไปแล้ว เชื่อว่า เขา First จะต้องมาเป็นอีกภูเขาที่เป็นที่นิยมของคนไทยแน่นอนค่ะ
(ภูเขานี้เป็นที่ๆขิมชอบมากที่สุดใน Switzerland ค่ะ จากที่ไปๆมาหลายภูเขา ชอบวิวและลักษณะของที่นี่มาก แบบว่าเป็นสวิสในอุดมคติ ที่มีภูเขาหิมะ ทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ น้องวัว และบ้านในหุบเขา ครบทุกสิ่งอย่างจริงๆ)
ปีที่เราไปเป็นปีที่เค้ามาถ่ายละครพอดี ทราบข่าวทีหลังว่าหลังจากที่เราไปไม่นาน กองถ่ายเค้าก็มาถ่ายกันที่นี่ เสียดายเลย ><
ช่วงที่เราไปดอกไม้ยังบานไม่มากนะคะ พอเห็นบ้างแต่ไม่สวยงามเท่าในละคร ถ้าอยากเห็นดอกไม้เยอะๆฟูๆ ต้องมาช่วงกลางๆหรือปลายๆเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือน ก.ค.ค่ะ (แต่อากาศก็คงร้อนน่าดูเหมือนกัน)
อยากแนะนำกิจกรรมเล่น Trotti bike ลงเขา ซึ่งเป็นอะไรที่ฟินมาก และไม่เหนื่อยเท่าเดินลงค่ะ
เอาบันทึกเดินทางที่เคยเขียนไว้มาแบ่งปันนะคะ เผื่อใครสนใจก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ : )
7 มิถุนายน 2017
8:00 อากาศแจ่มใส เครื่องบินสายการบินแห่งชาติที่เรานั่งหลับๆตื่นๆมาสิบชั่วโมงกว่าๆจากเมืองไทย ก็เริ่มลดระดับลงจอดที่สนามบิน Zurich
พอลงจากเครื่องก็เดินไปต่อคิวเข้าแถวผ่าน ตม. ออกจากเครื่องแล้วขิมก็เดินเร็วๆหน่อยจะได้ไม่ต้องต่อแถวยาว ตม.ที่นี่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย มองหน้าทีนึงแล้วถามว่ารอบที่แล้วไปเนเธอร์แลนด์มาเหรอ ไปไหนมาบ้าง คิดว่าเนื่องจากวีซ่าเชงเก้นแบบ1ปีของขิมออกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ไม่มีตราปั้มของ เนเธอร์แลนด์เลย เพราะครั้งที่แล้วลงที่ Vienna แล้วเค้าปั้มที่นั่น แล้วกลับจาก Zurich (แต่ไปเนเธอร์แลนด์มานานสุดจริงๆน๊า ><) แต่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ออกแนวชวนๆคุยมากกว่าคงเพราะเห็นว่ามาคนเดียวด้วย ผ่านตม.แล้ว ก็เดินไปรับกระเป๋าก็ใช้เวลาไม่นานค่ะ ที่นานคือรอคิวซื้อสวิสพาสค่ะ
ทริปนี้ ขิมซื้อ Swiss Travel Pass แบบ flexible 3 วัน 2nd class ราคา 248CHF (ประมาณ 8700 บาท) ใช้ได้ 3 วันแบบไม่ต่อเนื่อง สามารถใช้วันไหนก็ได้ภายใน 1 เดือน และในวันที่เปิดใช้บัตรจะสามารถใช้นั่งเรือ เข้าพิพิธภัณฑ์บางแห่ง และขึ้นเขาที่ Rigi, Pilatus, Schynige Platte ได้ฟรี (ข้อมูลเก่า ของปี 2018 นี้เปลี่ยนเป็นขึ้น Rigi, Stanserhorn, และ Schilthorn ฟรีแทนค่ะ) / ใช้ลดครึ่งราคาสำหรับกระเช้าและภูเขาอื่นๆค่ะ โดยบัตรที่เค้าให้มาจะมีช่องว่างให้เราใส่วันที่ๆต้องการใช้บัตรได้เอง อย่างไรห้ามลืมหรือเนียนไม่เขียนนะคะ บนรถไฟข้ามเมือง มีเจ้าหน้าที่คอยมาตรวจตั๋วแทบทุกครั้งที่ขึ้น
ราคา Swiss Travel Pass แบบต่างๆของปี 2017
ที่เลือก pass แบบนี้ ที่จริงทริปนี้ขิมจะใช้รถไฟน้อยมาก เพราะว่าตามไปแจมกับญาติๆที่ไปเที่ยวสวิสกันโดยเช่ารถขับ ใช้รถไฟจริงๆแค่วันแรกที่จะตามไปเจอญาติที่ Zermatt กับวันว่างอีกวันเดียวก่อนกลับเท่านั้นเอง แต่คิดๆดูแล้ว ค่ารถไฟเที่ยวเดียวไป Zermatt แบบไม่มีพาสอะไรก็ 130chf แล้วค่ะ แล้วยังต้องซื้อ half fare card อีก 120 เพื่อใช้ขึ้นเขาต่างๆอีก นับๆดูแล้วก็พอๆกัน เลยซื้อเป็น pass ไปเลยดีกว่าเผื่อใช้เที่ยวที่อื่นได้อีกด้วย และ สุดท้ายได้ใช้คุ้มมาก เพราะมีไปนั่งเรือ Lake Lucern / Lake thun / เข้าปราสาท Thun / ขึ้นเขาฟรีที่ Rigi Kulm และ Schynige Platte ด้วย คุ้มสุดๆ
หลังจากขึ้นรถได้ ก็นั่งสบายๆ รถขบวนที่เราเลือกขึ้น จะวิ่งยาวไป Visp แล้วเปลี่ยนรถครั้งเดียวไปลงที่ Zermatt โดยผ่านเมือง Zurich, Bern, Thun, Spiez รวมๆแล้วนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึง Zermatt แล้วค่ะ
เดิมทีวันแรกเรานัดกับน้องและญาติๆที่จะไปเจอว่าจะถึง Zermatt ประมาณบ่ายโมงหรือบ่ายสอง แต่พอถึงวันจริงตอนนั่งรถใกล้ๆถึงสถานี Thun ไลน์คุยกันแล้วน้องบอกมาไม่ทันเนื่องจากวันนั้นน้องไป Chamonix Montblanc กระเช้าขัดข้องช่วงเช้าต้องรอคิวนานมาก น่าจะไปถึง Zermatt เย็นๆค่ำๆเลย
ขิมแพลนไว้ว่าจะไปขึ้นภูเขา First เล่น Trotti bike หลังจากวันที่ญาติๆกลับกันแล้วค่อยมาคนเดียวอีกที แต่เห็นวันนี้อากาศดี เวลาก็พอมีอยู่น่าจะเที่ยวทัน ก็เลยเปลี่ยนแผนกระทันหัน คิดอยู่สักพักเพราะเวลาน้อย แต่ก็คิดเผื่อว่าวันหลังที่กะจะมาอากาศไม่ดี วันนี้อากาศดีฟ้าสวยมาก แถมน้องก็จะมาถึงค่ำๆเลยไปถึง Zermatt เร็วก็คงไม่ได้ทำอะไรเพราะจะรอไปเที่ยวพร้อมกัน เลยเปลี่ยนใจไป First วันนี้ซะเลยก็แล้วกัน ตัดสินใจได้ก็รีบลงที่สถานี Spiez เลย
จัดแจงลากกระเป๋าเดินทางไปเก็บไว้ในตู้ลอคเกอร์ ที่นี่มีลอคเกอร์หยอดเหรียญใบใหญ่ๆเลย สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ แล้วต่อรถไปสถานี Grindelwald (เปลี่ยนรถไฟ 1 ครั้งที่สถานี Interlaken) ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะฝากกระเป๋าที่ Interlaken หรือ Spiez ดี แต่ขากลับไป Zermatt ต้องมาเปลี่ยนรถที่ Spiez อยู่แล้ว และจำได้ว่าครั้งก่อนแวะผ่านๆมาที่ Interlaken ดูคนเยอะมากๆ กลัวลอคเกอร์เต็ม เลยฝากที่ Spiez เนี่ยแหละ ค่าฝากกระเป๋าถ้าจำไม่ผิดประมาณ 8chf ค่ะ (ตอนแรกก็มีความพยายามจะยัดลงไปในตู้เล็กเพราะมันถูกกว่า แต่ไม่สามารถค่ะ ><)
ด้วยความเอ๋อจากการนอนไม่พอ ก็รื้อๆของที่คาดว่าจำเป็นจะใช้ เช่นหมวก กล้องถ่ายรูป เสื้อหนาว (เผื่อขึ้นไปด้านบนแล้วลมแรง) น้ำและขนมนิดหน่อย ออกมาเสร็จปิดลอคเกอร์เรียบร้อย ถึงนึกออกว่ายังไม่ได้หยิบไม้ selfie และ ขาตั้งกล้องแบบหนวดปลาหมึก ที่หมายมั่นปั้นมือไปถอยมากว่าจะเอาไปติด go pro หน้าจักรยาน Trotti bike รวมทั้งครีมกันแดดและอุปกรณ์แต่งหน้าทุกอย่าง ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ด้วยความขี้เกียจรื้อกระเป๋าและความงก 8chf ที่จะต้องเปิดลอคเกอร์มาใหม่ ผลสรุปคือหน้าดำมากตั้งแต่วันแรก เพราะแดดแรงสุดๆเลยค่ะ
ระหว่างรอรถไฟมีเวลาอยู่เกือบยี่สิบนาที เลยเดินข้ามถนนไปถ่ายรูปทะเลสาบและปราสาท Spiez (ครั้งที่แล้วที่มาได้เข้าปราสาท แต่อากาศไม่ดีฝนตก) ครั้งนี้มาฟ้าใส ทะเลสาบสีสวยมากเป็นหนังคนละม้วนกับที่มาเจอฝนตกครั้งก่อนเลยทีเดียว
พอนั่งไปถึงที่ Interlaken แล้วก็เปลี่ยนรถไฟ นั่งต่อไปที่ Grindelwald ระหว่างทางจะผ่านช่วงที่เห็นเนินเขาและหมู่บ้าน สวยจริงๆ
ช่วงที่มาครั้งที่แล้ว เมื่อต้นเดือน พ.ค. ยังมีหิมะอยู่บนเนินเขาด้านบนๆ แต่เดือน มิถุนาไม่เห็นแล้ว อากาศไม่หนาว เย็นสบาย ถ้าเดินกลางแดดก็เข้าขั้นร้อนเลยทีเดียว
ช่วงนี้คนเปิดหน้าต่างชมวิวกันหมด เพราะไม่หนาวแล้ว อากาศดีมาก สดชื่นๆ
พอถึงสถานี Grindelwald ก็เดินผ่านหมู่บ้านไปขึ้นเขา First กันค่ะ จริงๆมีสวิสพาส ขึ้นรถบัสฟรี แต่เราเห็นว่าไม่ไกลมาก อยากแวะถ่ายรูประหว่างทางด้วยก็เลยเดินไป
ระยะทางเดิน ก็เกือบๆกิโลนึงค่ะ เราเดินประมาณ 15-20 นาที เพราะแวะถ่ายรูปนิดหน่อยด้วย
เดินมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปไปด้วย สักสิบกว่านาทีก็ถึงสถานี cable (อยู่ทางด้านซ้ายมือ เดินขึ้นเนินไปเลยจ้า)
จัดการซื้อตั๋วก่อน ถ้ามี Swiss travel pass ก็ลดค่าขึ้นเขาได้ 50% ค่ะ
แต่ค่าเช่าจักรยาน trotti bike ไม่ได้ลดนะคะ
ของเราแจ้งไปแต่แรกตอนซื้อตั๋วเลยว่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว ลงจากสถานี Bort ด้วย Trotti bike เค้าก็จะออกตั๋วขากลับถึง Bort ให้ ซึ่งถูกกว่าซื้อไป-กลับ แล้วไปแยกซื้อตั๋วจักรยานข้างบนค่ะ
ค่าcable ลดราคาแล้วเหลือ 24chf (ถ้าซื้อแบบไปกลับถ้าจำไม่ผิด 29chf ค่ะ ประหยัดไป 5chf โนะ ^^) ส่วนค่าเช่า trotti bike 19chf ค่ะ ตอนเช่าก็จะมีใบมาให้กรอกพวกเกี่ยวกับที่อยู่และเซ็นยินยอมต่างๆด้วยค่ะ
วันที่เราไปว่างมาก ไม่มีแถวเลยค่ะ กระเช้าก็ขึ้นกันได้สบายๆ คันนึงนั่งคนเดียวได้เลย
แต่ตอนเราจะขึ้นมาสาวออสเตรเลียคนนึงมาพอดี เค้าถามเราว่าขึ้นด้วยกันได้ไหม หรือเราอยากนั่งคนเดียว เราบอกว่ายังงัยก็ได้ก็ได้ไม่มีปัญหา เค้าเลยมาขึ้นกับเราด้วย จะได้มีเพื่อนคุย
คุยกันเค้ามาคนเดียวเหมือนกัน เที่ยวไปเรื่อยๆ 2 อาทิตย์ แต่วันนี้เค้าจะลงแค่ที่ Bort แล้วก็เดินลงไป Grindelwald (ถึกพอควรเลย ในความรู้สึกเราว่ามันไกลมาก ขนาดเราไถ Trotti bike ลงยังใช้เวลาเป็นชั่วโมง นี่เดินลง ><) ระหว่างทางก็มีแซวเพราะทางที่ลง เราไม่เห็นคนเล่น trotti bike เลย โล่งมาก แทบเป็นทางร้าง แอบกลัวนิดหน่อยมาคนเดียวด้วย แต่เค้าบอกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไปเจอกันกลางทางเพราะเค้าก็เดินลงทางเดียวกันเนี่ยแหละ
ชมวิวระหว่างขึ้นกระเช้าวนไปค่ะ
กระเช้าขึ้นไปช้าๆ เห็นบ้านเรือนละทุ่งหญ้าค่อยๆเล็กลง สวยมาก เป็นสวิสในอุดมคติเลยทีเดียว
ภูเขาด้านบนยังมีหิมะอยู่ ตัดกับหญ้าเขียวๆ สวยจริงจัง
มีน้ำตกที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนภูเขาด้วย
คุณฝรั่งดูชิวมาก นอนอาบแดดรับแสงอาทิตย์สบายใจเฉิบ เราคนไทย ใส่ทั้งหมวก ทั้งอยากจะกางร่ม แต่ไม่กล้า 5555
สถานีนี้จะสามารถเล่น First Flyer คล้ายๆโรยตัวลงไปได้ แต่รอบนี้เราไม่ได้เล่น ไว้มาหลายๆคนก่อนนะ กลัวหัวใจวายแล้วไม่มีคนช่วย 5555
วิวระหว่างทาง วัวที่นี่ดูมีความสุขมาก นอนอาบแดดกันสบายใจ ตัวอ้วนพี
บนเขา First จะมีจุดชมวิวริมหน้าผา และทางเดิน treking ไปดูทะเลสาบบนเขาซึ่งสวยงามมากๆด้วย รวมถึง cliff walk และวิวม้านั่งแบบในละคร
แต่วันนั้นขิมไม่ได้เดินไปเพราะ
1. คือคิดว่าเวลาไม่พอ กลัวใช้เวลานานเกินไปแล้วไปถึง Zermatt มืดเกินไป
2. มีอาการแพ้ที่สูง
ซึ่งแปลกดีเพิ่งเคยเป็น เพราะเคยไปทั้งจิ่วไจ้โกว หวงหลง ขึ้น Jungfrau ซึ่งสูงกว่าที่ First มากแต่ก็ไม่เคยเป็น ครั้งนี้พอขึ้นไปสูงปรากฎว่าหัวใจเต้นเร็ว รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนหายใจไม่ค่อยออกเวียนๆหัว เดินๆไปนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว หัวใจเต้นแรงมากจนเดินไม่ไหว เลยคิดว่าลงดีกว่า ร่างกายอาจจะรับไม่ทันเพราะเพิ่งลงเครื่องมา + นอนไม่ค่อยพอด้วย กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นเยอะ (เสียดายค่าขึ้นกระเช้าเลย รู้งี๊ซื้อมาถึงแค่ Bort ดีกว่า ><)
(ขอต่อข้อความถัดไปนะคะ ตัวหนังสือเกิน ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ หากพิมพ์หรือผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยนะคะ ><)
เที่ยว Switzerland - ตามรอยละคร ลิขิตรัก ตามหาเจ้าชายอลันบนภูเขา First แล้วอย่าลืมเล่น Trotti Bike ลงเขาด้วยน๊า
พูดถึง Switzerland แล้ว หลายๆคนคุ้นเคยกับภูเขาดังๆอย่าง Jungfrau, Matterhorn, หรือ ขึ้นเขาดังๆอย่าง Titlis
แต่เชื่อว่าหลังจากดูละครเรื่อง ลิขิตรัก The Crown Princess ไปแล้ว เชื่อว่า เขา First จะต้องมาเป็นอีกภูเขาที่เป็นที่นิยมของคนไทยแน่นอนค่ะ
(ภูเขานี้เป็นที่ๆขิมชอบมากที่สุดใน Switzerland ค่ะ จากที่ไปๆมาหลายภูเขา ชอบวิวและลักษณะของที่นี่มาก แบบว่าเป็นสวิสในอุดมคติ ที่มีภูเขาหิมะ ทุ่งหญ้า ทุ่งดอกไม้ น้องวัว และบ้านในหุบเขา ครบทุกสิ่งอย่างจริงๆ)
ปีที่เราไปเป็นปีที่เค้ามาถ่ายละครพอดี ทราบข่าวทีหลังว่าหลังจากที่เราไปไม่นาน กองถ่ายเค้าก็มาถ่ายกันที่นี่ เสียดายเลย ><
ช่วงที่เราไปดอกไม้ยังบานไม่มากนะคะ พอเห็นบ้างแต่ไม่สวยงามเท่าในละคร ถ้าอยากเห็นดอกไม้เยอะๆฟูๆ ต้องมาช่วงกลางๆหรือปลายๆเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือน ก.ค.ค่ะ (แต่อากาศก็คงร้อนน่าดูเหมือนกัน)
อยากแนะนำกิจกรรมเล่น Trotti bike ลงเขา ซึ่งเป็นอะไรที่ฟินมาก และไม่เหนื่อยเท่าเดินลงค่ะ
เอาบันทึกเดินทางที่เคยเขียนไว้มาแบ่งปันนะคะ เผื่อใครสนใจก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ : )
7 มิถุนายน 2017
8:00 อากาศแจ่มใส เครื่องบินสายการบินแห่งชาติที่เรานั่งหลับๆตื่นๆมาสิบชั่วโมงกว่าๆจากเมืองไทย ก็เริ่มลดระดับลงจอดที่สนามบิน Zurich
พอลงจากเครื่องก็เดินไปต่อคิวเข้าแถวผ่าน ตม. ออกจากเครื่องแล้วขิมก็เดินเร็วๆหน่อยจะได้ไม่ต้องต่อแถวยาว ตม.ที่นี่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย มองหน้าทีนึงแล้วถามว่ารอบที่แล้วไปเนเธอร์แลนด์มาเหรอ ไปไหนมาบ้าง คิดว่าเนื่องจากวีซ่าเชงเก้นแบบ1ปีของขิมออกจากประเทศเนเธอร์แลนด์ แต่ไม่มีตราปั้มของ เนเธอร์แลนด์เลย เพราะครั้งที่แล้วลงที่ Vienna แล้วเค้าปั้มที่นั่น แล้วกลับจาก Zurich (แต่ไปเนเธอร์แลนด์มานานสุดจริงๆน๊า ><) แต่เค้าก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร ออกแนวชวนๆคุยมากกว่าคงเพราะเห็นว่ามาคนเดียวด้วย ผ่านตม.แล้ว ก็เดินไปรับกระเป๋าก็ใช้เวลาไม่นานค่ะ ที่นานคือรอคิวซื้อสวิสพาสค่ะ
ทริปนี้ ขิมซื้อ Swiss Travel Pass แบบ flexible 3 วัน 2nd class ราคา 248CHF (ประมาณ 8700 บาท) ใช้ได้ 3 วันแบบไม่ต่อเนื่อง สามารถใช้วันไหนก็ได้ภายใน 1 เดือน และในวันที่เปิดใช้บัตรจะสามารถใช้นั่งเรือ เข้าพิพิธภัณฑ์บางแห่ง และขึ้นเขาที่ Rigi, Pilatus, Schynige Platte ได้ฟรี (ข้อมูลเก่า ของปี 2018 นี้เปลี่ยนเป็นขึ้น Rigi, Stanserhorn, และ Schilthorn ฟรีแทนค่ะ) / ใช้ลดครึ่งราคาสำหรับกระเช้าและภูเขาอื่นๆค่ะ โดยบัตรที่เค้าให้มาจะมีช่องว่างให้เราใส่วันที่ๆต้องการใช้บัตรได้เอง อย่างไรห้ามลืมหรือเนียนไม่เขียนนะคะ บนรถไฟข้ามเมือง มีเจ้าหน้าที่คอยมาตรวจตั๋วแทบทุกครั้งที่ขึ้น
ราคา Swiss Travel Pass แบบต่างๆของปี 2017
ที่เลือก pass แบบนี้ ที่จริงทริปนี้ขิมจะใช้รถไฟน้อยมาก เพราะว่าตามไปแจมกับญาติๆที่ไปเที่ยวสวิสกันโดยเช่ารถขับ ใช้รถไฟจริงๆแค่วันแรกที่จะตามไปเจอญาติที่ Zermatt กับวันว่างอีกวันเดียวก่อนกลับเท่านั้นเอง แต่คิดๆดูแล้ว ค่ารถไฟเที่ยวเดียวไป Zermatt แบบไม่มีพาสอะไรก็ 130chf แล้วค่ะ แล้วยังต้องซื้อ half fare card อีก 120 เพื่อใช้ขึ้นเขาต่างๆอีก นับๆดูแล้วก็พอๆกัน เลยซื้อเป็น pass ไปเลยดีกว่าเผื่อใช้เที่ยวที่อื่นได้อีกด้วย และ สุดท้ายได้ใช้คุ้มมาก เพราะมีไปนั่งเรือ Lake Lucern / Lake thun / เข้าปราสาท Thun / ขึ้นเขาฟรีที่ Rigi Kulm และ Schynige Platte ด้วย คุ้มสุดๆ
หลังจากขึ้นรถได้ ก็นั่งสบายๆ รถขบวนที่เราเลือกขึ้น จะวิ่งยาวไป Visp แล้วเปลี่ยนรถครั้งเดียวไปลงที่ Zermatt โดยผ่านเมือง Zurich, Bern, Thun, Spiez รวมๆแล้วนั่งรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็จะถึง Zermatt แล้วค่ะ
เดิมทีวันแรกเรานัดกับน้องและญาติๆที่จะไปเจอว่าจะถึง Zermatt ประมาณบ่ายโมงหรือบ่ายสอง แต่พอถึงวันจริงตอนนั่งรถใกล้ๆถึงสถานี Thun ไลน์คุยกันแล้วน้องบอกมาไม่ทันเนื่องจากวันนั้นน้องไป Chamonix Montblanc กระเช้าขัดข้องช่วงเช้าต้องรอคิวนานมาก น่าจะไปถึง Zermatt เย็นๆค่ำๆเลย
ขิมแพลนไว้ว่าจะไปขึ้นภูเขา First เล่น Trotti bike หลังจากวันที่ญาติๆกลับกันแล้วค่อยมาคนเดียวอีกที แต่เห็นวันนี้อากาศดี เวลาก็พอมีอยู่น่าจะเที่ยวทัน ก็เลยเปลี่ยนแผนกระทันหัน คิดอยู่สักพักเพราะเวลาน้อย แต่ก็คิดเผื่อว่าวันหลังที่กะจะมาอากาศไม่ดี วันนี้อากาศดีฟ้าสวยมาก แถมน้องก็จะมาถึงค่ำๆเลยไปถึง Zermatt เร็วก็คงไม่ได้ทำอะไรเพราะจะรอไปเที่ยวพร้อมกัน เลยเปลี่ยนใจไป First วันนี้ซะเลยก็แล้วกัน ตัดสินใจได้ก็รีบลงที่สถานี Spiez เลย
จัดแจงลากกระเป๋าเดินทางไปเก็บไว้ในตู้ลอคเกอร์ ที่นี่มีลอคเกอร์หยอดเหรียญใบใหญ่ๆเลย สามารถเก็บกระเป๋าเดินทางได้สบายๆ แล้วต่อรถไปสถานี Grindelwald (เปลี่ยนรถไฟ 1 ครั้งที่สถานี Interlaken) ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะฝากกระเป๋าที่ Interlaken หรือ Spiez ดี แต่ขากลับไป Zermatt ต้องมาเปลี่ยนรถที่ Spiez อยู่แล้ว และจำได้ว่าครั้งก่อนแวะผ่านๆมาที่ Interlaken ดูคนเยอะมากๆ กลัวลอคเกอร์เต็ม เลยฝากที่ Spiez เนี่ยแหละ ค่าฝากกระเป๋าถ้าจำไม่ผิดประมาณ 8chf ค่ะ (ตอนแรกก็มีความพยายามจะยัดลงไปในตู้เล็กเพราะมันถูกกว่า แต่ไม่สามารถค่ะ ><)
ด้วยความเอ๋อจากการนอนไม่พอ ก็รื้อๆของที่คาดว่าจำเป็นจะใช้ เช่นหมวก กล้องถ่ายรูป เสื้อหนาว (เผื่อขึ้นไปด้านบนแล้วลมแรง) น้ำและขนมนิดหน่อย ออกมาเสร็จปิดลอคเกอร์เรียบร้อย ถึงนึกออกว่ายังไม่ได้หยิบไม้ selfie และ ขาตั้งกล้องแบบหนวดปลาหมึก ที่หมายมั่นปั้นมือไปถอยมากว่าจะเอาไปติด go pro หน้าจักรยาน Trotti bike รวมทั้งครีมกันแดดและอุปกรณ์แต่งหน้าทุกอย่าง ไว้ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ด้วยความขี้เกียจรื้อกระเป๋าและความงก 8chf ที่จะต้องเปิดลอคเกอร์มาใหม่ ผลสรุปคือหน้าดำมากตั้งแต่วันแรก เพราะแดดแรงสุดๆเลยค่ะ
ระหว่างรอรถไฟมีเวลาอยู่เกือบยี่สิบนาที เลยเดินข้ามถนนไปถ่ายรูปทะเลสาบและปราสาท Spiez (ครั้งที่แล้วที่มาได้เข้าปราสาท แต่อากาศไม่ดีฝนตก) ครั้งนี้มาฟ้าใส ทะเลสาบสีสวยมากเป็นหนังคนละม้วนกับที่มาเจอฝนตกครั้งก่อนเลยทีเดียว
พอนั่งไปถึงที่ Interlaken แล้วก็เปลี่ยนรถไฟ นั่งต่อไปที่ Grindelwald ระหว่างทางจะผ่านช่วงที่เห็นเนินเขาและหมู่บ้าน สวยจริงๆ
ช่วงที่มาครั้งที่แล้ว เมื่อต้นเดือน พ.ค. ยังมีหิมะอยู่บนเนินเขาด้านบนๆ แต่เดือน มิถุนาไม่เห็นแล้ว อากาศไม่หนาว เย็นสบาย ถ้าเดินกลางแดดก็เข้าขั้นร้อนเลยทีเดียว
ช่วงนี้คนเปิดหน้าต่างชมวิวกันหมด เพราะไม่หนาวแล้ว อากาศดีมาก สดชื่นๆ
พอถึงสถานี Grindelwald ก็เดินผ่านหมู่บ้านไปขึ้นเขา First กันค่ะ จริงๆมีสวิสพาส ขึ้นรถบัสฟรี แต่เราเห็นว่าไม่ไกลมาก อยากแวะถ่ายรูประหว่างทางด้วยก็เลยเดินไป
ระยะทางเดิน ก็เกือบๆกิโลนึงค่ะ เราเดินประมาณ 15-20 นาที เพราะแวะถ่ายรูปนิดหน่อยด้วย
เดินมาเรื่อยๆ แวะถ่ายรูปไปด้วย สักสิบกว่านาทีก็ถึงสถานี cable (อยู่ทางด้านซ้ายมือ เดินขึ้นเนินไปเลยจ้า)
จัดการซื้อตั๋วก่อน ถ้ามี Swiss travel pass ก็ลดค่าขึ้นเขาได้ 50% ค่ะ
แต่ค่าเช่าจักรยาน trotti bike ไม่ได้ลดนะคะ
ของเราแจ้งไปแต่แรกตอนซื้อตั๋วเลยว่าจะขึ้นไปถึงยอดเขาแล้ว ลงจากสถานี Bort ด้วย Trotti bike เค้าก็จะออกตั๋วขากลับถึง Bort ให้ ซึ่งถูกกว่าซื้อไป-กลับ แล้วไปแยกซื้อตั๋วจักรยานข้างบนค่ะ
ค่าcable ลดราคาแล้วเหลือ 24chf (ถ้าซื้อแบบไปกลับถ้าจำไม่ผิด 29chf ค่ะ ประหยัดไป 5chf โนะ ^^) ส่วนค่าเช่า trotti bike 19chf ค่ะ ตอนเช่าก็จะมีใบมาให้กรอกพวกเกี่ยวกับที่อยู่และเซ็นยินยอมต่างๆด้วยค่ะ
วันที่เราไปว่างมาก ไม่มีแถวเลยค่ะ กระเช้าก็ขึ้นกันได้สบายๆ คันนึงนั่งคนเดียวได้เลย
แต่ตอนเราจะขึ้นมาสาวออสเตรเลียคนนึงมาพอดี เค้าถามเราว่าขึ้นด้วยกันได้ไหม หรือเราอยากนั่งคนเดียว เราบอกว่ายังงัยก็ได้ก็ได้ไม่มีปัญหา เค้าเลยมาขึ้นกับเราด้วย จะได้มีเพื่อนคุย
คุยกันเค้ามาคนเดียวเหมือนกัน เที่ยวไปเรื่อยๆ 2 อาทิตย์ แต่วันนี้เค้าจะลงแค่ที่ Bort แล้วก็เดินลงไป Grindelwald (ถึกพอควรเลย ในความรู้สึกเราว่ามันไกลมาก ขนาดเราไถ Trotti bike ลงยังใช้เวลาเป็นชั่วโมง นี่เดินลง ><) ระหว่างทางก็มีแซวเพราะทางที่ลง เราไม่เห็นคนเล่น trotti bike เลย โล่งมาก แทบเป็นทางร้าง แอบกลัวนิดหน่อยมาคนเดียวด้วย แต่เค้าบอกไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวไปเจอกันกลางทางเพราะเค้าก็เดินลงทางเดียวกันเนี่ยแหละ
ชมวิวระหว่างขึ้นกระเช้าวนไปค่ะ
กระเช้าขึ้นไปช้าๆ เห็นบ้านเรือนละทุ่งหญ้าค่อยๆเล็กลง สวยมาก เป็นสวิสในอุดมคติเลยทีเดียว
ภูเขาด้านบนยังมีหิมะอยู่ ตัดกับหญ้าเขียวๆ สวยจริงจัง
มีน้ำตกที่เกิดจากการละลายของน้ำแข็งบนภูเขาด้วย
คุณฝรั่งดูชิวมาก นอนอาบแดดรับแสงอาทิตย์สบายใจเฉิบ เราคนไทย ใส่ทั้งหมวก ทั้งอยากจะกางร่ม แต่ไม่กล้า 5555
สถานีนี้จะสามารถเล่น First Flyer คล้ายๆโรยตัวลงไปได้ แต่รอบนี้เราไม่ได้เล่น ไว้มาหลายๆคนก่อนนะ กลัวหัวใจวายแล้วไม่มีคนช่วย 5555
วิวระหว่างทาง วัวที่นี่ดูมีความสุขมาก นอนอาบแดดกันสบายใจ ตัวอ้วนพี
บนเขา First จะมีจุดชมวิวริมหน้าผา และทางเดิน treking ไปดูทะเลสาบบนเขาซึ่งสวยงามมากๆด้วย รวมถึง cliff walk และวิวม้านั่งแบบในละคร
แต่วันนั้นขิมไม่ได้เดินไปเพราะ
1. คือคิดว่าเวลาไม่พอ กลัวใช้เวลานานเกินไปแล้วไปถึง Zermatt มืดเกินไป
2. มีอาการแพ้ที่สูง
ซึ่งแปลกดีเพิ่งเคยเป็น เพราะเคยไปทั้งจิ่วไจ้โกว หวงหลง ขึ้น Jungfrau ซึ่งสูงกว่าที่ First มากแต่ก็ไม่เคยเป็น ครั้งนี้พอขึ้นไปสูงปรากฎว่าหัวใจเต้นเร็ว รู้สึกเหนื่อยๆเหมือนหายใจไม่ค่อยออกเวียนๆหัว เดินๆไปนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว หัวใจเต้นแรงมากจนเดินไม่ไหว เลยคิดว่าลงดีกว่า ร่างกายอาจจะรับไม่ทันเพราะเพิ่งลงเครื่องมา + นอนไม่ค่อยพอด้วย กลัวว่าเดี๋ยวจะเป็นเยอะ (เสียดายค่าขึ้นกระเช้าเลย รู้งี๊ซื้อมาถึงแค่ Bort ดีกว่า ><)
(ขอต่อข้อความถัดไปนะคะ ตัวหนังสือเกิน ไม่ค่อยได้ตั้งกระทู้ หากพิมพ์หรือผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยนะคะ ><)