คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
อ้างอิงจากพงศาวดารพม่า จะระบุว่าเมื่อกองทัพพม่าบุกมาถึงหัวเมืองต่างๆ ก็จะขอให้หัวเมืองต่างๆ ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีก่อน โดยให้คำมั่นว่าจะไม่ทำร้าย แล้วบังคับให้ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแสดงความจงรักภักดี นอกจากนี้ยังออกคำสั่งไม่ให้ทหารทั้งปวงไปขูดรีดทรัพย์จากราษฎรที่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีมิฉะนั้นจะถูกลงโทษตามอาญาทัพ (แต่ในทางปฏิบัติก็มีการปล้นชิงอยู่ทั่วไป) นอกจากนี้ยังกล่าวด้วพม่าให้การดูแลเชลยที่ยอมสวามิภักดิ์อย่างดี
ด้วยเหตุนี้ส่วนใหญ่แล้วหัวเมืองต่างๆ ถ้าไม่หลบหนีเข้าป่าก็ยอมแต่โดยดีเพราะเกรงในอำนาจ ซึ่งพิจารณาหัวเมืองหรือชุมชนต่างๆ ก็ไม่ได้มีกำลังและอาวุธต้านทานกองทัพข้าศึกศัตรูได้ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เมืองก็เป็นเพียงชุมชนหรือหมู่บ้านเท่านั้น ก็ต้องยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีเพราะกลัวจะถูกทำร้าย แต่ถ้าไม่ยอมก็จะถูกพม่าโจมตีจนแตกกวาดต้อนผู้คนแล้วริบทรัพย์สมบัติ แล้วพม่าก็จะตั้งคนที่ยอมอ่อนน้อมให้มาปกครองแทน และเพื่อป้องกันการตลบหลัง พม่าจะนำบุตรของเจ้าเมืองต่างๆ มาเป็นตัวประกันด้วย
ในพงศาวดารไทยก็ระบุว่ามีหัวเมืองหลายเมืองที่เข้า "เกลี้ยกล่อม" หรือยอมให้ความร่วมมือกับพม่า เช่น ผู้คนหัวเมืองในบริเวณแม่น้ำน้อยอย่าง วิเศษไชยชาญ สิงห์บุรี สรรคบุรี ยอมเข้ากับกองทัพพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด่านเมืองอุทัยธานีซึ่งประจำอยู่ที่วิเศษไชยชาญ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมตลอด พอถูกพม่าเร่งรัดเอาเงินทองกับผู้หญิงก็เปลี่ยนใจมาต่อต้านพม่า แล้วไปรวมตัวกันตั้งค่ายบ้านระจันครับ
การควบคุมคนก็ไม่น่าจะยากครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะต้านทานได้อยู่แล้ว และเป็นอย่างที่คุณ zodiac28 กล่าวคือในเวลานั้นคนส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงไพร่ชาวบ้านที่ไม่ได้มีสำนึกเรื่องรัฐชาติและไม่ได้มีความผูกพันอย่างชัดเจนกับส่วนกลาง แต่ผูกพันกับมูลนายที่ปกครองตนเองมากกว่า หากมูลนายยอมอ่อนน้อมต่อพม่าแล้วก็สามารถชักจูงได้ง่าย จึงปรากฏในพงศาวดารพม่าว่ามีการเกณฑ์พลจากหัวเมืองที่สวามิภักดิ์หลายเมืองให้มารบกับอยุทธยาด้วย แต่ตั้งให้แม่ทัพพม่าเป็นผู้ควบคุม พงศาวดารพม่ายังอ้างว่าเจ้าเมืองสุพรรณบุรียอมเข้ากับพม่าและนำทหารมาช่วยตีอยุทธยาจนตัวตายในสนามรบด้วย
เรื่องเสบียงไม่น่าเป็นปัญหา เพราะกองทัพพม่ามีฐานเสบียงจากเมืองในปกครองคือล้านนาและหัวเมืองมอญส่งมาอยู่แล้ว ซึ่งก็มีกองทัพจากล้านนาและหัวเมืองมอญติดตามมาด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีจากหัวเมืองรายทางที่ตีได้อีก ซึ่งปรากฏว่าพม่าเองก็มีกำลังประจำอยู่ที่หัวเมืองด้วย เช่น ค่ายที่วิเศษไชยชาญไม่ได้ล้อมอยุทธยาเพียงที่เดียว รวมถึงมีหัวเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์เพื่อเอาตัวรอด การลำเลียงเสบียงจากหัวเมืองจึงไม่น่าเป็นปัญหา โดยมีบันทึกว่ากองทัพพม่าสามารถทำนาจากเมืองต่างๆ รวมถึงในพื้นที่รอบกรุงศรีอยุทธยา เพื่อใช้เป็นเสบียงในฤดูน้ำหลากได้
ส่วนเรื่องภาษา น่าเชื่อว่าก็คงมีพม่าที่รู้ภาษาไทยอยู่ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็น่าจะใช้คนมอญหรือคนล้านนาซึ่งมีจำนวนมากในกองทัพมาช่วย จนเมื่อภายหลังกวาดต้อนคนไทยมามากขึ้น ก็อาจจะสั่งการกับคนไทยที่เป็นหัวหน้าแทน แล้วให้ไปบอกกล่าวต่อเชลยต่อไปครับ
ด้วยเหตุนี้ส่วนใหญ่แล้วหัวเมืองต่างๆ ถ้าไม่หลบหนีเข้าป่าก็ยอมแต่โดยดีเพราะเกรงในอำนาจ ซึ่งพิจารณาหัวเมืองหรือชุมชนต่างๆ ก็ไม่ได้มีกำลังและอาวุธต้านทานกองทัพข้าศึกศัตรูได้ ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่เมืองก็เป็นเพียงชุมชนหรือหมู่บ้านเท่านั้น ก็ต้องยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีเพราะกลัวจะถูกทำร้าย แต่ถ้าไม่ยอมก็จะถูกพม่าโจมตีจนแตกกวาดต้อนผู้คนแล้วริบทรัพย์สมบัติ แล้วพม่าก็จะตั้งคนที่ยอมอ่อนน้อมให้มาปกครองแทน และเพื่อป้องกันการตลบหลัง พม่าจะนำบุตรของเจ้าเมืองต่างๆ มาเป็นตัวประกันด้วย
ในพงศาวดารไทยก็ระบุว่ามีหัวเมืองหลายเมืองที่เข้า "เกลี้ยกล่อม" หรือยอมให้ความร่วมมือกับพม่า เช่น ผู้คนหัวเมืองในบริเวณแม่น้ำน้อยอย่าง วิเศษไชยชาญ สิงห์บุรี สรรคบุรี ยอมเข้ากับกองทัพพม่าที่ยกทัพเข้ามาทางด่านเมืองอุทัยธานีซึ่งประจำอยู่ที่วิเศษไชยชาญ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะยอมตลอด พอถูกพม่าเร่งรัดเอาเงินทองกับผู้หญิงก็เปลี่ยนใจมาต่อต้านพม่า แล้วไปรวมตัวกันตั้งค่ายบ้านระจันครับ
การควบคุมคนก็ไม่น่าจะยากครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะต้านทานได้อยู่แล้ว และเป็นอย่างที่คุณ zodiac28 กล่าวคือในเวลานั้นคนส่วนใหญ่ก็เป็นเพียงไพร่ชาวบ้านที่ไม่ได้มีสำนึกเรื่องรัฐชาติและไม่ได้มีความผูกพันอย่างชัดเจนกับส่วนกลาง แต่ผูกพันกับมูลนายที่ปกครองตนเองมากกว่า หากมูลนายยอมอ่อนน้อมต่อพม่าแล้วก็สามารถชักจูงได้ง่าย จึงปรากฏในพงศาวดารพม่าว่ามีการเกณฑ์พลจากหัวเมืองที่สวามิภักดิ์หลายเมืองให้มารบกับอยุทธยาด้วย แต่ตั้งให้แม่ทัพพม่าเป็นผู้ควบคุม พงศาวดารพม่ายังอ้างว่าเจ้าเมืองสุพรรณบุรียอมเข้ากับพม่าและนำทหารมาช่วยตีอยุทธยาจนตัวตายในสนามรบด้วย
เรื่องเสบียงไม่น่าเป็นปัญหา เพราะกองทัพพม่ามีฐานเสบียงจากเมืองในปกครองคือล้านนาและหัวเมืองมอญส่งมาอยู่แล้ว ซึ่งก็มีกองทัพจากล้านนาและหัวเมืองมอญติดตามมาด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีจากหัวเมืองรายทางที่ตีได้อีก ซึ่งปรากฏว่าพม่าเองก็มีกำลังประจำอยู่ที่หัวเมืองด้วย เช่น ค่ายที่วิเศษไชยชาญไม่ได้ล้อมอยุทธยาเพียงที่เดียว รวมถึงมีหัวเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์เพื่อเอาตัวรอด การลำเลียงเสบียงจากหัวเมืองจึงไม่น่าเป็นปัญหา โดยมีบันทึกว่ากองทัพพม่าสามารถทำนาจากเมืองต่างๆ รวมถึงในพื้นที่รอบกรุงศรีอยุทธยา เพื่อใช้เป็นเสบียงในฤดูน้ำหลากได้
ส่วนเรื่องภาษา น่าเชื่อว่าก็คงมีพม่าที่รู้ภาษาไทยอยู่ แต่ถ้าหาไม่ได้ก็น่าจะใช้คนมอญหรือคนล้านนาซึ่งมีจำนวนมากในกองทัพมาช่วย จนเมื่อภายหลังกวาดต้อนคนไทยมามากขึ้น ก็อาจจะสั่งการกับคนไทยที่เป็นหัวหน้าแทน แล้วให้ไปบอกกล่าวต่อเชลยต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
สมัยโบราณพม่ามีวิธีคุมไพร่พลที่กวาดต้อน มีคนคุมกี่คน หรือสามารถสั่งการได้อย่างไรครับ?