[DEK62] ลังเลเรื่องคณะที่จะเข้า ขอคำแนะนำหน่อยได้ไหมคะ? (ยาว)

สวัสดีค่ะ เราเป็นเด็ก ม.6 แผนการเรียนคณิต-อังกฤษ (ศิลป์ภาษา) อยากขอคำแนะนำเรื่องคณะ ประกอบการตัดสินใจค่ะ
    ตั้งแต่ขึ้น ม.ปลายมา แน่นอนว่าคำถามที่เด็กๆรุ่นนี้เจอก็คงไม่พ้น “อยากเรียนอะไร?” “จบไปอยากทำงานอะไร?” ที่มีปัญหาอยู่นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยคิดเรื่องอนาคตหรอกนะคะ เราคิดถึงมันบ่อยมากๆ แต่ประเด็นก็คือคำตอบที่ได้มาแต่ละครั้งมันไม่เคยตรงกัน เดี๋ยวก็เอนไปทางนู้น เดี๋ยวก็เอนไปทางนี้ เราคิดว่ามันคงเป็นเพราะเป้าหมายชีวิตของเราที่ดูไม่มีอะไรค้ำประกันได้

    เป้าหมายของเราก็คือ “การได้ทำงานที่มั่นคง เลี้ยงปากท้องตัวเองและพ่อแม่ได้แบบที่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ขอแค่ได้ดูแลชีวิตของพวกท่านไม่ให้ลำบากตลอดรอดฝั่ง” เป้าหมายชีวิตของเด็ก ม.6 อย่าเราก็มีเท่านี้เองล่ะค่ะ
    ความจริงลึกๆ แล้วเราฝันไว้ว่าอยากเป็นนักธุรกิจ อยากทำธุรกิจของตัวเอง ถ้ามีลูกมีหลานเขาจะได้มาสานต่อ ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใคร แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เราต้องพับเก็บไว้ให้เป็นเรื่องของอนาคต เพราะครอบครัวเราไม่ได้มีต้นทุนสูงส่งอะไร ที่จะสามารถลงทุนแล้วรับผลที่ร้ายแรงได้
    กลับมาเข้าเรื่องการเรียนอีกครั้ง ผลการเรียนตลอดสี่เทอมที่ผ่านมาเราค่อนค้างพอใจค่ะ (ถึงใจจริงจะอยากได้สูงมากกว่านี้ก็ตาม) ตอนนี้เกรดเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 3.57 ค่ะ และคิดว่าเทอมนี้จะไม่ตกแน่นอน กิจกรรมที่ทำอยู่ตอนนี้ก็มีวงโยฯ วงประสานเสียง เลยไม่ค่อยกังวลเรื่องทำพอร์ตเท่าไรค่ะ แต่เห็นเราทำกิจกรรมเกี่ยวกับด้านนี้ ก็ใช่ว่าเราจะอยากสานต่อมันไปในอนาคตค่ะ เรานั่งคิดทบทวนกับตัวเองหลายครั้ง และทุกครั้งก็ได้ข้อสรุปที่ว่า “เราไม่ได้อยากทำสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต” แน่นอนว่ามันจะยังคงเป็นงานอดิเรก แต่ถ้าจะให้ทุ่มเทเอามันมาเป็นอนาคต มันไม่ใช่ทางของเราจริงๆค่ะ

    หลายอาชีพที่เราศึกษามา มันแทบจะไม่มีอาชีพไหนที่เราอยากทำเลยค่ะ จะมีแว้บมาบ้างก็พวกวิศวะหรือแม้กระทั่งแพทย์ แต่ก็ต้องพับเก็บไปแน่นอนอยู่แล้ว(กะ..ก็แกเรียนแผนภาษานี่ยะ!!) ที่จริงแล้วสาเหตุที่เราไม่ค่อยรู้สึกสนใจในการอาชีพต่างๆเลยก็คงเพราะเราเคยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือตอนนี้ยังเป็นอยู่แต่ดีขึ้นมากแล้ว จุดนี้เราอยากขอพูดดักไว้ก่อนนะคะว่าเราไม่ได้จะเอาโรคทางจิตมาเรียกคะแนนสงสารหรือใช้มาเป็นข้ออ้างแต่อย่างใด แค่อยากอธิบายให้เห็นว่าที่เราคิดแบบนั้นแบบนี้ เป็นเพราะอะไรเท่านั้นค่ะ
    ตอนนั้นเรามักคิดกับตัวเองว่า “อยู่ไปก็เป็นภาระ” เราเบื่อที่จะใช้ชีวิต เบื่อที่จะต้องทำนู่นทำนี่ตามกฏเกณฑ์ที่โลกใบนี้สร้างไว้ เบื่อที่จะเป็นคน แต่พอเรามองไปรอบกาย เห็นครอบครัวยืนอยู่ แค่คิดว่าพวกเขาจะรู้สึกยังไงตอนที่เราจากไปเราก็ทำไม่ลง “จะตายก็ตายไม่ได้ จะทนอยู่ก็ทรมาน” นั่นเป็นสิ่งที่เราคิดค่ะ กว่าจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ก็หนักหนาสาหัสเอาการ ถึงตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้วแต่ความนึกคิดที่ยังหลงเหลือกังมีค่ะ ที่ประมาณว่าไม่อยากใช้ชีวิตอะไรประมาณนั้น
    แต่ในเมื่อยังอยู่ก็ต้องเดินต่อ เวลาไม่เคยหยุดให้เรานั่งทำใจ ก็เลยต้องนั่งงกๆเครียดเรื่องคณะที่ไม่ว่าจะยังไง หัวมันก็ไม่เปิดรับซักที(วร้อย!!)

    จากที่เราเกริ่น(แบบยาวมากๆ)มา ผู้อ่านหลายท่านคงจะมีคำถามอยู่ในหัวว่า “แล้วสรุปแกจะเรียนอะไรกันแน่ห้ะ?” ใจเย็นๆนะคะ กำลังจะเข้าเรื่องเน้นๆแล้วค่ะ!

    คณะที่เราจะเขียนต่อไปนี้เป็นคณะที่เราลองไตร่ตรองกับตัวเองมาหลายเดือนว่าน่าจะพอเข้าไปโลดแล่นได้ค่ะ เราจะเขียนบอกเหตุและผลของการเลือกคณะนั้นๆเป็นข้อๆนะคะ ขอความกรุณาผู้อ่านทุกท่านด้วยค่ะ เริ่มได้!

1.    คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ใครเห็นชื่อคณะก็ต้องถลึงตามองเราเป็นทิวแถว แต่เราคิดว่าคณะนี้ถึงจะไม่ใช่คณะที่มีไว้รองรับเด็กจากแผนการเรียนของเราโดยตรงก็ตาม แต่ก็ถือว่าไม่เสียหายถ้าได้ลองทำค่ะ เพราะมีบางมหาลัยฯที่เปิดรับเด็กจากแผนการเรียนอื่นนอกเหนือจากสายวิทย์-คณิตอยู่ อย่างน้อยเราก็แค่ต้องอดทนอ่านวิชาฟิสิกส์เพิ่มอีกก็น่าจะมีโอกาสค่ะ (ตัดของ มช. ออกจากหัวไปเรียบร้อยค่ะ พอเห็นเกณฑ์ที่เอามันทั้งฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น) แต่เราก็ยังมีอีกปัญหา ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ก็คือเรื่อง การวาด ค่ะ ปกติแล้วเราเป็นคนหัวศิลป์อยู่บ้าง งานศิลป์ในห้องมักจะโดดเด่นเป็นอันดับต้นๆเมื่อเทียบกับเพื่อนๆในห้อง แต่ส่วนตัวเราคิดว่ายังไม่ดีพอที่จะทำให้สอบติดคณะนี้ ถึงศิลปะจะไม่มีกฎตายตัว แต่ในหลายๆอย่างก็มีกฎของมันอยู่ ไม่ได้แตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ นั่นทำให้เราเป็นกังวลค่ะ ถ้าจะให้เรียนตอนนี้ เราไม่อยากให้ทางบ้านเสียเงินรายเดินเพิ่มขึ้น ถึงจะบอกว่าการศึกษาคือการลงทุน แต่ถ้าให้พ่อแม่ลงทุนมากกว่านี้ เราเล็งเห็นว่าพวกท่านคงไม่ไหวค่ะ ตอนนี้เลยพยายามเรียนรู้ด้วยตัวเอง อาศัยข้อมูลและฝึกเอาตามอินเตอร์เน็ต กังวลว่าจะสู้คนที่เขามุ่งมาด้านนี้ไม่ได้เหมือนกัน(ซึ่งมันแหงอยู่แล้ว)

2.    คณะศิลปกรรมศาสตร์ (หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง)
คณะนี้พูดเลยว่าเราคิดถึงมันเป็นอันดับแรกๆเลยค่ะ เพราะเราชอบสร้างสรรค์งานให้ออกมาเป็นรูปร่าง ชอบการที่สามารถนำสิ่งที่อยู่ในหัวมาตั้งไว้ตรงหน้าได้(เป็นเหตุผลที่ทำให้อยากเรียนสถาปัตย์เช่นกันค่ะ) มีช่วงนึงที่เราติดภาพยนตร์มากๆ เราเป็นคนชอบเก็บรายละเอียด ชอบมองให้ลึกยิ่งกว่าคนอื่นมอง เลยคิดว่าถ้าเราได้เป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง CG สวยๆพวกนี้ จะภูมิใจแค่ไหนนะ อยากลองทำซักครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้กังวลก็คือตลาดภาพยนตร์ในเมืองไทย ที่ดูจะไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เหล่านักกราฟิคได้แสดงตัวตนซักเท่าไร(ในความคิดเรานะคะ) เลยกลัวว่ามันจะไม่มั่นคง เรียนจบไปแล้วหาการงานทำยาก หรือไม่ก็เติบโตยากเกินไปอะไรเทือกนั้น เป็นความกลัวลึกๆน่ะค่ะ

3.    คณะจิตวิทยา (หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง)
คณะนี้เหมือนกำลังขับรถอยู่ดีๆแล้วมีรถบรรทุกปาดมาจอดด้านหน้าเลยค่ะ เพราะมันผ่านตามาระหว่างที่เรากำลังศึกษาเรื่องคณะอื่นๆอยู่ อย่าค่ะ อย่ามองเราแบบนั้น ถึงเราจะเป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็มั่นใจว่าไม่มีปัญหาค่ะ เพราะเราคิด(เข้าข้างตัวเอง)ว่าเราเป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีคนนึง อาจเป็นเพราะเราชอบอ่านหนังสือ(ที่ส่วนใหญ่ไม่ใช่หนังสือเรียน)หนังสือเหล่านั้นอ่านจะหล่อหลอมให้เราดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าวัยเดียวกันค่ะ(ผู้ใหญ่ทักหลายคนเลย) และเพราะเป็นคนชอบเก็บรายละเอียดเลยมักจะเข้าใจอารมณ์ของบางคนได้  อีกอย่างคณะนี้เราเห็นว่าเขาจะศึกษากันเรื่องอารมณ์ของมนุษย์ มันน่าสนใจดีก็เลยอยากลองค่ะ แต่ทว่า พี่ที่เรารู้จักคนนึงเขาแนะนำว่าเราน่าจะเรียนคณะสองคณะด้านบนมากกว่าคณะนี้ จริงอยู่ที่จบไปแล้วมีงานมีการทำ อย่างจะเป็น HR ก็ได้ แต่มันจะไม่มีอิสระเท่าไร ประมาณว่าถ้าทำให้ที่ไหนแล้วก็ต้องทำที่นั่นอยู่ร่ำไป จะไปทำให้คนของที่อื่นไปทั่วไม่ได้ เรามองว่าเรื่องนี้เป็นอะไรไม่แน่นอนค่ะ เพราะเราเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานจริง แต่ก็ใช่ว่าไม่เก็บมาคิดเลย แล้วท่านผู้อ่านคิดยังไงกับเรื่องนี้หรือคะ?

4.    คณะมนุษย์ศาสตร์
ตามแผนการเรียนแล้ว ด้านภาษาเราถึงจะไม่แข็งแรงแต่ก็ไม่ได้อ่อนด๋อยจนทำอะไรไม่ได้ค่ะ เราคิดว่าถ้าเรียนมนุษย์ก็จะได้พัฒนาภาษาขึ้นไปอีก เพราะปัจจุบันภาษาเป็นเหมือนใบเบิกทางของอนาคตที่ดียิ่งกว่าเลย แต่เพราะเราไม่มีเป้าหมายแน่ชัด เลยไม่รู้ว่าจบคณะนี้ไปจะทำอะไรดี แต่ก็ยังเก็บไว้ในลิสต์เพราะเรื่องภาษาค่ะ

5.    คณะรัฐศาสตร์
คณะนี้เป็นคณะที่พ่อของเราเรียนจบมาค่ะ(มาจากมช.ด้วยนา) เขาบอกจบมาทำงานได้เยอะ เราก็ดูๆไว้บ้าง แต่ใจจริงไม่ได้อยากเรียนขนาดนั้นค่ะ เป็นเพราะเราค่อนข้างไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมือง การอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับประเทศน่ะค่ะ... และไปดูที่บางคนแนะนำ เขาบอกว่าถ้าจบมาไม่เป็นราชการก็หางานยาก(อ่านเจอมานะคะ) แต่ไม่รู้ความจริงเป็นยังไงเพราะไม่มีประสบการณ์เช่นเดิมค่ะ เรื่องเป็นข้าราชการนั้น เราไม่ได้รังเกียจหรือดูถูกอะไรพวกเขานะคะ เพียงแต่ตัวเราแค่ไม่อยากเป็นข้าราชการเท่านั้น เราอยากทำงานที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งรัฐอย่างเคร่งครัดเท่านั้นเองค่ะ และถ้าจะให้พูดตรงๆเลยก็คือ เราว่าการเงินนั้นไม่ดีพอที่จะตอบสนองความต้องการของเราค่ะ!(ไฟลุกโชน)

6.    คณะนิติศาสตร์
อันนี้คุณพ่อก็แนะนำเหมือนกันค่ะ เรามองว่าคณะนี้ คนจะเรียนได้ต้องความจำดีในระดับนึง ไม่งั้นคงไม่อาจท่องประมวลกฏหมายได้... ซึ่งเราก็ว่าเราเป็นคนความจำดีคนนึงค่ะ การงานก็น่าสนใจอยู่เหมือนกัน แต่ติดตรงที่ว่าใจมันไม่อยากยุ่งกับประเทศชาติซักเท่าไร...(อย่าด่าหนูเลย...) แต่ลองพิจารณาพวกที่เรียนกฏหมายโลก(รึเปล่า?)อะไรทำนองนี้ค่ะ เราเองก็พูดได้ไม่มากนักเพราะยังไม่ได้ศึกษามากเท่าที่ควร

    ทั้งหมดนี้ก็เป็นคณะที่เราคัดเลือกมาด้วยตัวเองค่ะ อยากจะขอคำแนะนำจากท่านผู้อ่านในทุกๆด้านที่ทุกท่านพอจะแนะนำให้เราได้ ไม่ว่าจะช่วยส่งเสริมคณะข้างต้นนี้หรือจะแนะนำคณะอื่นๆ หรือแม้แต่แนะแนวในด้านต่างๆ ก็ได้ทั้งหมดค่ะ เพราะเราไม่ค่อยหาใครที่พอจะช่วยแนะนำได้เลยลองมาขอความช่วยเหลือจากในนี้
    ขอบพระคุณผู้อ่านทุกๆท่านที่อ่านจนจบ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าด้วยนะคะ เด็กตัวน้อยๆคนนี้ขอความกรุณาด้วยค่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่