สมุติวัดมีเงินบริจากเข้าวัด 20 ล้าน
ข้อสังเกตุที่ 1
วัดนำเงินไปผลิตกระเป๋า 20 ล้าน อาจเป็นบริษัท ญาติ หรือ ลูกศิษย์ บริษัทพวกนี้ได้เงินไปเต็มๆ
จากเงินบริจาก กลายเป็นเงินถูกกฏหมายทันที
ข้อสังเกตที่ 2
ส่วนเงินที่ขายได้ สมุติ ขายได้ 30 ล้าน แล้วนำไปชื้อสินค้าไปบริจาก ชื้อที่บริษัท ญาติ หรือ ลูกศิษย์ อีกหรือป่าว บางทีลูกศิษย์
อาจเป็นsale ได้ค่าคอมด้วย จากเงินบริจาก กลายเป็นเงินถูกกฏหมายทันที เด้งที่ 2
ข้อสังเกตที่ 3
จ่ายภาษีกำไรสุทธิ หรือ vat ไหม
ข้อสังเกตที่ 4
ใช้เงินบริจากของญาติโยม ขาดทุนก็ชิวๆไม่เสียหาย แต่บริษัทได้กำไรเต็มๆ
ข้อสังเกตที่ 5
มีข้อได้เปรียบมากกว่าประชาชลทั้วไปในด้านกฏหมาย
และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมวลชลหรือผู้สัทธาคอยคุ้มกันเข้าไปตรวจสอบยากและหาหลักฐานเอาผิดยาก (ก็ผู้ที่ได้ผลประโยชน์หรือบอดี้กาจจ้างมา)
ข้อสังเกตุที่ 6
พระที่เห็นลูกศิษย์เยอะๆ บางพวกนี้เข้าไปหากินกับวัดไปประจบประแจงพระ แล้วโกยเอาผลประโยชน์
บางที่พระเองก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย คิดว่าตนทำดีแล้ว ทำเพื่อชาติ เพื่อสังคม
แต่กลับโดนลูกศิษย์หากินกับผลประโยชน์ของวัด และ ความเชื่อของคน
(ขอยกเว้นพวกที่เข้าไปศึกษาธรรมจริงๆ) (พระบางท่านก็มีเอี่ยวกับลูกศิษย์หาผลประโยชน์ร่วมกัน)
สิ่งที่กระทบต่อผู้คน
1. ชาวบ้านผู้ประกอบการยอดขายตก เพราะสินค้าที่ชาวบ้านขายไม่ได้ทำพิธีหรือ ปลุกเสก ขายได้ยากกว่า
2. สินค้าของวัดมีการอ้างศาสนาและความเชื่อคนเข้ามาเกียวข้อง ทำให้ได้เปรียนในการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการหรือพ่อค้าแม่ค้า
3. วัดสามารถขายสินค้าได้ในราคาต่ำกว่าชาวบ้าน เพราะไม่ต้องเสียภาษีหรือป่าว
4. เป็นตัวอย่างให้มิฉาชีพนำไปแสวงหาผลประโยชน์
สรุป
1. หน้าที่ของพระคือการเผยแพร่พุทธศาสนา หรือ สร้างโรงพยาบาลกันแน่?
2. ถ้ามีเงินบริจากของชาวบ้านเหลือเยอะการที่วัดจะนำไปสร้างสิ่งต่างๆเช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าวัดมีเงินไม่มากหรือไม่พอ มันใช่หน้าที่หลักของพระไหม ช่วยตามกำลังทรัพย์ดีกว่าไหม ?
ถ้าอย่ากช่วยหรือสังคมจริงๆ มากกว่า เผยแพร่พุทธศาสนา ออกมาตั้งบริษัท หาเงินแล้วนำไปสร้างสิ่งต่างๆดีกว่าไหม กำไรดีกว่าเยอะไม่โดนสังคมว่าด้วย
รัฐได้ภาษี มีเงินบริจากให้โรงพยาบาลตรงๆไม่ต้องอ้อม ชาวบ้านมีงานทำจากการจ้างงาน
วัดขาย กระเป๋า เข้าข่ายฟอกเงินไหมครับ
ข้อสังเกตุที่ 1
วัดนำเงินไปผลิตกระเป๋า 20 ล้าน อาจเป็นบริษัท ญาติ หรือ ลูกศิษย์ บริษัทพวกนี้ได้เงินไปเต็มๆ
จากเงินบริจาก กลายเป็นเงินถูกกฏหมายทันที
ข้อสังเกตที่ 2
ส่วนเงินที่ขายได้ สมุติ ขายได้ 30 ล้าน แล้วนำไปชื้อสินค้าไปบริจาก ชื้อที่บริษัท ญาติ หรือ ลูกศิษย์ อีกหรือป่าว บางทีลูกศิษย์
อาจเป็นsale ได้ค่าคอมด้วย จากเงินบริจาก กลายเป็นเงินถูกกฏหมายทันที เด้งที่ 2
ข้อสังเกตที่ 3
จ่ายภาษีกำไรสุทธิ หรือ vat ไหม
ข้อสังเกตที่ 4
ใช้เงินบริจากของญาติโยม ขาดทุนก็ชิวๆไม่เสียหาย แต่บริษัทได้กำไรเต็มๆ
ข้อสังเกตที่ 5
มีข้อได้เปรียบมากกว่าประชาชลทั้วไปในด้านกฏหมาย
และมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นมวลชลหรือผู้สัทธาคอยคุ้มกันเข้าไปตรวจสอบยากและหาหลักฐานเอาผิดยาก (ก็ผู้ที่ได้ผลประโยชน์หรือบอดี้กาจจ้างมา)
ข้อสังเกตุที่ 6
พระที่เห็นลูกศิษย์เยอะๆ บางพวกนี้เข้าไปหากินกับวัดไปประจบประแจงพระ แล้วโกยเอาผลประโยชน์
บางที่พระเองก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย คิดว่าตนทำดีแล้ว ทำเพื่อชาติ เพื่อสังคม
แต่กลับโดนลูกศิษย์หากินกับผลประโยชน์ของวัด และ ความเชื่อของคน
(ขอยกเว้นพวกที่เข้าไปศึกษาธรรมจริงๆ) (พระบางท่านก็มีเอี่ยวกับลูกศิษย์หาผลประโยชน์ร่วมกัน)
สิ่งที่กระทบต่อผู้คน
1. ชาวบ้านผู้ประกอบการยอดขายตก เพราะสินค้าที่ชาวบ้านขายไม่ได้ทำพิธีหรือ ปลุกเสก ขายได้ยากกว่า
2. สินค้าของวัดมีการอ้างศาสนาและความเชื่อคนเข้ามาเกียวข้อง ทำให้ได้เปรียนในการแข่งขันในเชิงธุรกิจ ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการหรือพ่อค้าแม่ค้า
3. วัดสามารถขายสินค้าได้ในราคาต่ำกว่าชาวบ้าน เพราะไม่ต้องเสียภาษีหรือป่าว
4. เป็นตัวอย่างให้มิฉาชีพนำไปแสวงหาผลประโยชน์
สรุป
1. หน้าที่ของพระคือการเผยแพร่พุทธศาสนา หรือ สร้างโรงพยาบาลกันแน่?
2. ถ้ามีเงินบริจากของชาวบ้านเหลือเยอะการที่วัดจะนำไปสร้างสิ่งต่างๆเช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ก็เป็นเรื่องดี แต่ถ้าวัดมีเงินไม่มากหรือไม่พอ มันใช่หน้าที่หลักของพระไหม ช่วยตามกำลังทรัพย์ดีกว่าไหม ?
ถ้าอย่ากช่วยหรือสังคมจริงๆ มากกว่า เผยแพร่พุทธศาสนา ออกมาตั้งบริษัท หาเงินแล้วนำไปสร้างสิ่งต่างๆดีกว่าไหม กำไรดีกว่าเยอะไม่โดนสังคมว่าด้วย
รัฐได้ภาษี มีเงินบริจากให้โรงพยาบาลตรงๆไม่ต้องอ้อม ชาวบ้านมีงานทำจากการจ้างงาน