อย่างที่เกริ่นนำไปนั่นแหละค่ะ คือ เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ต้องทำงานไปด้วย เลี้ยงลูกไปด้วย
โดยทำงานเป็นเสมียนบริษัทฯ รับเหมาก่อสร้างแถว ๆ พระราม ๓ ก็เอาลูกไปทำงานด้วย และก็เลี้ยงลูกใต้โต๊ะทำงานมันนั่นแหละค่ะ
พอโตมาเราก็ให้เข้าเรียนอนุบาลโดยให้เรียนที่โรงเรียนเอกชน อาจจะจ่ายแพงหน่อย
แต่ก็คิดว่ามันจะเป็นผลดีกับลูกในอนาคต เพราะเป็นการปูพื้นฐานในการเรียนให้แก่เค้าตั้งแต่ต้น
อีกอย่างโรงเรียนก็ใกล้กับที่ทำงานเราด้วย และความที่เค้าอยู่กับเราตลอด ทำให้เรามีเวลาสอนให้เค้าอ่าน
หรือ ผสมคำได้ คุณครูก็เลยให้ผ่านขึ้นไปเรียนอนุบาล ๒ เลย
และเมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ทำให้ต้องย้ายสถานที่ก่อสร้างแห่งใหม่ โดยย้ายไปอยู่แถวพระราม ๒
ก็พอดีกับที่เค้าจบชั้นอนุบาลพอดี ต้องขึ้น ป.๑ ต้องหาที่เรียนกันใหม่ โรงเรียนที่ใกล้กับที่ทำงานที่สุด ก็คือ โรงเรียนวัดยายร่ม
อืม.... เราก็คิดว่า เอาว่ะ โรงเรียนวัดก็โรงเรียนวัด ในใจก็รู้สึกผิดนะคะ เพราะเราเองได้เรียนโรงเรียนเอกชนมาตลอด
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ณ.ตอนนั้น ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำให้ดีที่สุด
แต่เค้าก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวังเลย เค้าเรียนดี ได้ทุน ได้ไปประกวด โน้น นี่ สารพัด ภูมิใจสุด ๆ กับสิ่งที่เค้าทำ
โดยเราใช้ก็เวลาสอนลูกบนรถเมล์นั่นแหละ และก็เวลาเดินเข้าซอยจากป้ายรถเมล์มาโรงเรียน เดินจูงมือกัน หัวเราะกันบ้าง
ทะเลาะกันบ้าง และเถียงกันบ้าง ตามประสาแม่ – ลูก
เมื่อจบ ป.๖ ก็ต้องหาที่เรียนใหม่อีก คราวนี้ก็ต้องหาที่เรียนในพื้นที่แถวบ้าน โรงเรียนที่คิดว่าดีที่สุด
ก็คือโรงเรียนทวีธาภิเศก ก็ไปสมัครสอบ ผลปรากฏว่าสอบเข้าได้ ได้ที่เรียนสมใจ แรก ๆ ผลการเรียนก็เป็นที่น่าพอใจ
ได้ที่ 1 ที่ 2 สลับกัน จนมาขึ้น ม.2 เทอม 2 ผลการเรียนเริ่มตกลง ด้วยความที่เค้าเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น และแม่ก็ต้องทำงานเยอะ
เพื่อนก็เลยเข้ามามีอิทธิพล เราก็เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง มีทะเลาะกันบ้าง
ช่วงนั้นยอมรับว่าเครียดมาก เมื่อจบ ม.3 ก็เลยอยากให้ลูกเรียนสายอาชีพ เพราะเราเองก็เรียนสายอาชีพ
คิดว่ามันหางานง่าย และอีกอย่างเราก็ไม่เคยผ่านชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย ก็เลยคิดว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปบอก ไปสอนลูก
ก็เลยให้ลูกเรียนสายอาชีวะ และโรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุด ก็คือ โรงเรียนช่างกลสยาม เราก็เลยให้ลูกเรียนที่นั่น
เมื่อไปสมัครเรียน เราสองคนก็งง ๆ ว่า จะเลือกเรียนอะไรดี เมื่อคุณครูดูผลการเรียนและให้ไปลอง
ทดสอบความรู้ จึงแนะนำให้เรียนสาขาไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ลูกก็เลือกเรียนสาขานี้ โดยเราให้เรียนรอบเช้า
เพื่อที่จะได้กลับบ้านไว และไม่อันตราย ผลปรากฏว่า เราคิดผิด ด้วยความที่โรงเรียนอยู่ใกล้บ้านและเราต้องออกจากบ้าน
ไปทำงานก่อนลูก ลูกก็เลยตื่นสาย แถมกลับก็ดึก เพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมในการเป็นรุ่นน้อง แต่เราก็ยังคอยสอดส่อง
พฤติกรรมเค้าตลอดว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร กับใคร
เค้าก็เป็นวัยรุ่นปกติตามประสาเด็กช่างทั่ว ๆ ไป ไปเรียน กินเหล้า มีกิจกรรมโลดโผนบ้าง แต่ก็ด้วยที่เราสนิทกัน
และเราจะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด และจากประสบการณ์การเรียนสายอาชีพ ทำให้เรารู้ทันและรับมือกับลูกได้
แต่อย่างว่าแหละ เรียนช่างกลมันก็จะเสียว ๆ หน่อย แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ เค้าจบ ปวช. แล้ว ก็ ปวส.
เพื่อน ๆ ลูก ก็กลายมาเป็นเพื่อนเรา แรก ๆ ทุกคนก็จะ งง ๆ ที่ เอ๊ะ.... ทำไมไอ้นี่ต้องพาแม่ไปไหน – มาไหนด้วยตลอด
แต่นานไปทุกคนก็จะชิน แรก ๆ ก็ถามเค้าว่า ไม่อายเหรอครับที่พาแม่ไป โน้น นี่ นั่น ด้วย เค้าบอกว่า ไม่อายหรอก
คนอื่นน่าจะอายเค้ามากกว่า ที่ไม่ยอมพาแม่ไปไหน – มาไหนด้วย
วันนี้เค้าได้ทำงานแล้ว บวชเรียนแล้ว และก็ถือศีล ๕ เลิกกินเหล้าแล้ว
ส่วนเราตอนนี้ก็ออกจากงาน มาเป็นแม่บ้าน ดูแลบ้าน ดูแลคุณแม่ ชีวิตก็ happy ดีค่ะ
แล้วเพื่อน ๆ ของลูก ก็กลายมาเป็น เพื่อน ๆ ของเรา ( ซะงั้น )
ต้องขอขอบคุณเค้านะคะ ที่ไม่เคยทอดทิ้งแม่ ถ้ามีเวลาว่าง เค้าก็จะพาเราไปเที่ยว
เอาจริง ๆ แค่เค้าพาเราไปเดินห้าง เราก็มี “ความสุข” แล้วล่ะ จนทำให้เราคิดว่า
เรามีเพื่อนเป็นลูก หรือ มีลูกเป็นเพื่อนกันแน่
ถ้ามีเวลาเราก็จะไปหาพระอาจารย์ ไปนั่งสมาธิบ้าง
ก็บอกแล้วว่า ตั้งแต่เรามีลูก เราก็ทำแต่งาน แล้วก็เลี้ยงลูกไปด้วย ชีวิตมีแค่นี้จริง ๆ
ไปไหน ก็ไปด้วยกันตลอด พอมารู้สึกตัวอีกที ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้แล้ว แต่กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้
เราสองคนก็ผ่านอะไร ๆ มาเยอะ เสียน้ำตาด้วยกันมาก็มาก ทะเลาะกันก็บ่อย แต่ก็นะ ความเป็นแม่
ขอบคุณมาก ๆ นะครับผม ที่ทำให้แม่ มีความสุข และเป็นแม่ที่โชคดีคนนึงเลย ที่มีโอกาส
ได้ทำอะไร ๆ แบบนี้กับลูก มันสุดยอดมาก ๆ เลยครับผม ขอบคุณจริง ๆ ครับลูก
เราคิดว่า คำว่า "ครอบครัว" นั้น มันจะสมบูรณ์หรือขาดหายไป มันไม่ได้มีผลอะไรกับการ
เลี้ยงลูกเลย ปัญหาในการเลี้ยงลูกนั้น มันเกิดขึ้นได้ทุกวัน และทุกเวลา และปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็จะ
เปลี่ยนแปลงตลอด แค่คุณมีสติ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ไข มันก็จะทำให้คุณผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ไปได้
และไม่ใช่แต่เฉพาะคุณเท่านั้น ลูกของคุณก็จะผ่านพ้นกับปัญหาที่จะผ่านเข้ามาในแต่ละช่วงชีวิตของเค้า
ด้วยเช่นกัน
อ่อ..... นาง มี แฟน นะคะ ไม่ใช่ ไม่มี
****** ขอแก้ไขข้อความ เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิก แนะนำให้เซ็นเซอร์ ชื่อ - นามสกุล เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ *******
"ชีวิต" มีแต่ ทำงาน ๆ ๆ แล้วก็เลี้ยงลูก มารู้สึกตัวอีกที...... ชีวิตก็เป็นแบบนี้แล้ว !!!!
โดยทำงานเป็นเสมียนบริษัทฯ รับเหมาก่อสร้างแถว ๆ พระราม ๓ ก็เอาลูกไปทำงานด้วย และก็เลี้ยงลูกใต้โต๊ะทำงานมันนั่นแหละค่ะ
แต่ก็คิดว่ามันจะเป็นผลดีกับลูกในอนาคต เพราะเป็นการปูพื้นฐานในการเรียนให้แก่เค้าตั้งแต่ต้น
อีกอย่างโรงเรียนก็ใกล้กับที่ทำงานเราด้วย และความที่เค้าอยู่กับเราตลอด ทำให้เรามีเวลาสอนให้เค้าอ่าน
หรือ ผสมคำได้ คุณครูก็เลยให้ผ่านขึ้นไปเรียนอนุบาล ๒ เลย
ก็พอดีกับที่เค้าจบชั้นอนุบาลพอดี ต้องขึ้น ป.๑ ต้องหาที่เรียนกันใหม่ โรงเรียนที่ใกล้กับที่ทำงานที่สุด ก็คือ โรงเรียนวัดยายร่ม
อืม.... เราก็คิดว่า เอาว่ะ โรงเรียนวัดก็โรงเรียนวัด ในใจก็รู้สึกผิดนะคะ เพราะเราเองได้เรียนโรงเรียนเอกชนมาตลอด
แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ณ.ตอนนั้น ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำให้ดีที่สุด
โดยเราใช้ก็เวลาสอนลูกบนรถเมล์นั่นแหละ และก็เวลาเดินเข้าซอยจากป้ายรถเมล์มาโรงเรียน เดินจูงมือกัน หัวเราะกันบ้าง
ทะเลาะกันบ้าง และเถียงกันบ้าง ตามประสาแม่ – ลูก
ก็คือโรงเรียนทวีธาภิเศก ก็ไปสมัครสอบ ผลปรากฏว่าสอบเข้าได้ ได้ที่เรียนสมใจ แรก ๆ ผลการเรียนก็เป็นที่น่าพอใจ
ได้ที่ 1 ที่ 2 สลับกัน จนมาขึ้น ม.2 เทอม 2 ผลการเรียนเริ่มตกลง ด้วยความที่เค้าเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น และแม่ก็ต้องทำงานเยอะ
เพื่อนก็เลยเข้ามามีอิทธิพล เราก็เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง มีทะเลาะกันบ้าง
คิดว่ามันหางานง่าย และอีกอย่างเราก็ไม่เคยผ่านชีวิตการเรียนในมหาวิทยาลัย ก็เลยคิดว่าไม่รู้ว่าจะเอาอะไรไปบอก ไปสอนลูก
ก็เลยให้ลูกเรียนสายอาชีวะ และโรงเรียนที่ใกล้บ้านที่สุด ก็คือ โรงเรียนช่างกลสยาม เราก็เลยให้ลูกเรียนที่นั่น
ทดสอบความรู้ จึงแนะนำให้เรียนสาขาไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ ลูกก็เลือกเรียนสาขานี้ โดยเราให้เรียนรอบเช้า
เพื่อที่จะได้กลับบ้านไว และไม่อันตราย ผลปรากฏว่า เราคิดผิด ด้วยความที่โรงเรียนอยู่ใกล้บ้านและเราต้องออกจากบ้าน
ไปทำงานก่อนลูก ลูกก็เลยตื่นสาย แถมกลับก็ดึก เพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมในการเป็นรุ่นน้อง แต่เราก็ยังคอยสอดส่อง
พฤติกรรมเค้าตลอดว่า อยู่ที่ไหน ทำอะไร กับใคร
และเราจะคอยดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด และจากประสบการณ์การเรียนสายอาชีพ ทำให้เรารู้ทันและรับมือกับลูกได้
เพื่อน ๆ ลูก ก็กลายมาเป็นเพื่อนเรา แรก ๆ ทุกคนก็จะ งง ๆ ที่ เอ๊ะ.... ทำไมไอ้นี่ต้องพาแม่ไปไหน – มาไหนด้วยตลอด
แต่นานไปทุกคนก็จะชิน แรก ๆ ก็ถามเค้าว่า ไม่อายเหรอครับที่พาแม่ไป โน้น นี่ นั่น ด้วย เค้าบอกว่า ไม่อายหรอก
คนอื่นน่าจะอายเค้ามากกว่า ที่ไม่ยอมพาแม่ไปไหน – มาไหนด้วย
เอาจริง ๆ แค่เค้าพาเราไปเดินห้าง เราก็มี “ความสุข” แล้วล่ะ จนทำให้เราคิดว่า
เรามีเพื่อนเป็นลูก หรือ มีลูกเป็นเพื่อนกันแน่
ไปไหน ก็ไปด้วยกันตลอด พอมารู้สึกตัวอีกที ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้แล้ว แต่กว่าจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้
เราสองคนก็ผ่านอะไร ๆ มาเยอะ เสียน้ำตาด้วยกันมาก็มาก ทะเลาะกันก็บ่อย แต่ก็นะ ความเป็นแม่
ได้ทำอะไร ๆ แบบนี้กับลูก มันสุดยอดมาก ๆ เลยครับผม ขอบคุณจริง ๆ ครับลูก
เลี้ยงลูกเลย ปัญหาในการเลี้ยงลูกนั้น มันเกิดขึ้นได้ทุกวัน และทุกเวลา และปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็จะ
เปลี่ยนแปลงตลอด แค่คุณมีสติ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ไข มันก็จะทำให้คุณผ่านพ้นปัญหาต่าง ๆ ไปได้
และไม่ใช่แต่เฉพาะคุณเท่านั้น ลูกของคุณก็จะผ่านพ้นกับปัญหาที่จะผ่านเข้ามาในแต่ละช่วงชีวิตของเค้า
ด้วยเช่นกัน
****** ขอแก้ไขข้อความ เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิก แนะนำให้เซ็นเซอร์ ชื่อ - นามสกุล เพื่อความเป็นส่วนตัวค่ะ *******