นี่กระทู้แรก และอยากระบายความในใจบ้างนะครับ
นี่ก็แค่ "ส่วนหนึ่งจากชีวิตจริง"เท่านั้น
((แก้ไขส่วนนี้เรื่องเพศสภาพที่ไม่ได้แจ้งนะจ๊ะ
จขกท.เป็นหญิงรักหญิงจ้า))
เรากับแฟนอายุห่างกัน1รอบ
แรกเลยคือคบกับแฟนคนนี้มาตั้งแต่เค้ายังเรียนหนังสืออยู่(ปีสุดท้าย)
ช่วงนั้นทางบ้านแฟนก็ลำบากอยู่เหมือนกัน เลยพูดกับแฟนว่า
ไม่เป็นไร แฟนคนเดียวเลี้ยงได้ สบายมาก!
จากวันนั้น แฟนไม่เคยขอเงินทางบ้านอีกเลยแม้แต่บาทเดียว
คบกันปีแรก แฟนยังอยู่ตจว.ใช้รถยนต์ของแม่
ค่าน้ำมัน+บำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายส่วนตัวแฟน
(เราออกทั้งหมด แฟนใช้อยู่ที่ตจว.)
++คบกันปีที่1++
พอเค้าเรียนจบ(3ปีที่แล้ว) เราก็พาเค้ามาหางานที่กรุงเทพ
ตอนนั้นเรามีปัญหาด้านการเงินอยู่พอสมควร ที่ทำงานแฟนก็ไกลมาก
เป็นห่วงไม่อยากให้นั่งรถแท็กซี่หรือรถเมล์ จึงให้แฟนขอรถยนต์จากแม่มาใช้
ส่วนตัวเองก็ขับมอเตอร์ไซด์ได้ ไม่มีปัญหา
แม่แฟนบอกว่า "กลัวมัน...(เราเอง) มาหลอก เอารถไปใช้ ไม่ให้!!!
((และเป็นความรู้สึกอย่างนี้มาตลอด4ปีที่คบกันมา เราเจอมาตลอด))
--เงิบไปสิคร่าาาา...ก็เอาวะ กัดฟันดาวน์ "อีโค่คาร์ป้ายแดง" คันเล็กๆให้
ชื่อแฟน เพราะตั้งใจว่าถ้าเค้าดูแลเราตลอด 6 ปีหรือนานกว่านั้น ที่อยู่ด้วยกัน
นี่คือของขวัญที่แฟนควรได้ แต่ถ้าเขาจะทิ้งเราไปก่อน ก็ต้องไปดิ้นรนเอาเน๊าะ แฟร์ๆ
---รถป้ายแดงคันนี้ แม่แฟนไม่เคยเอามาพูดถึงว่าเราดูแลแฟน ณ.จุดนี้ยังไง
เดี๋ยวจะเอาประเด็นป้ายแดงมาพูดเพิ่มตอนท้าย--
++ปีที่2-3++
เป็นปีที่เราผลักดันให้แฟนสอบเข้าเป็นข้าราชการสำเร็จ เรากล้าพูดได้เต็มปาก
ว่าทุกวันนี้เค้ามีบั้งประดับบ่า มาจากเราล้วนๆที่พาติว พาตระเวนสนามสอบ
งานบ้านไม่ให้เคยให้หนัก ทุกอย่างรับเองหมด (แต่ก็ชิวๆนะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองลำบากกายอะไร)
ตลอดเวลาที่คบกัน เราพาแฟนไปเยี่ยมบ้านที่ตจว.ของเค้า
ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรายังจ่ายทั้งหมดเหมือนเดิม
ช๊อตบ้าง บางทีบางเดือนยอดไม่เข้าเป้าแต่ก็พยายามประคอง
(เช่นค่าผ่อนรถ) บ้านแฟนไม่มีใครเอ่ยปากถามแฟนและเราเลยว่า
ไหวมั๊ยลูก เหนื่อยมั๊ย มีแต่แม่เราที่เข้าข้างแต่แฟนเวลาเสียงดังกันบ้าง
ไม่มีแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวซักชาม เวลาที่เราพาแฟนไปเยี่ยมครอบครัวตจว.
+++เราจ่ายคนเดียวทั้งหมด ทุกอย่าง...
ส่วนเงินเดือนของแฟน เราบอกเค้าว่า เก็บเอาไว้เรียนหนังสือป.โท
อย่าเพิ่งให้พ่อกับแม่ เพราะถ้าแขนขาปีกเปิกยังไม่แข็งแรงจะดูแลใครได้
แฟนเห็นด้วย จึงให้เงินเฉพาะเทศกาลใหญ่ เช่นสงกรานต์หรือวันเกิดประมาณครั้งละ2000
++สาเหตุที่เราให้แฟนจ่ายค่าเทอมเอง เพราะเราไม่โอเคกับความอคติของทางบ้านแฟน
ที่ยังคิดตลอดเวลาว่า เรามาเกาะลูกเค้าแDก++
++ตลอดเวลาที่คบกัน เราดูแลแฟนเต็มที่ อยากไปไหนไป!!!
อยากกินไรกิน!!! ตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ จัดสรรเงินให้ดีแล้วลุยเลย
จากเด็กตจว.ที่เคยพูดกับเราว่า
"...ถ้าหนูไม่เจอพี่ จบป.ตรีมา น่าจะยังทำงานเซเว่นอยู่บ้านนอกแน่เลย.."
กลายเป็นข้าราชการชั้นตรีที่ใครๆก็ต้องยกนิ้วให้
++ช่วงปี 4++
เราปลดล็อคภาระใหญ่ได้ (มีบ้าน) ทำบ้านไปหลายเงิน
ก็คิดว่าจะทำธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น แต่ทางบ้านแฟนกลับทวงถาม
ถึงเรื่องการแต่งงาน เราเองก็ทบทวนนะ ว่าตลอดเวลา4ปีที่ผ่านมา
แฟนเราได้รับจากเราตีมูลค่าเป็นเงินเท่าไหร่(ตรงนี้ไม่เอามาคิด)
เราคำนวณจากสิ่งที่เขาควรได้ และสิ่งที่เราจะให้แฟนในอนาคต
ลดทอนกับสิ่งที่ทางบ้านแฟนทรีตเรา คำตอบค่าสินสอดมีในใจแล้ว
เราก็แย้บๆถามกับญาติแฟนที่พอจะคุยได้บ้าง เขาตอบว่า
+++ทางบ้านแฟนขอ 1 ล้าน ทองเจ้าสาวไม่ยุ่ง
และบ้านหลังที่เพิ่งจบให้โอนเป็นชื่อแฟนคนเดียว!!!+++
โอ๊ยเน๊าะ.......เราก็ยิ้มอ่อนๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
นี่เป็นเรื่องจริงที่เราเจอมาทั้งหมดแค่บางส่วนเท่านั้น
ตลอดเวลา4ปี มีเรื่องราวต่างๆนานาเข้ามาเยอะมากๆ
แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกสะอึกได้เท่ากับคำที่แม่แฟนพูดกับแฟน(เรารู้เพราะรีกล้อง)
แม่แฟน++"...นั่นก็ทำงานเยอะ รวยหนิ ทำไมหนูไม่ให้เงินแม่ใช้บ้าง..."
แฟนเรา++ "..หนูจะให้ได้ไงแม่ นั่นเงินของพี่เค้า หนูเองยังต้องเก็บไว้ใช้เรียน"
แม่แฟน++ "หนูไม่เห็นเหมือนลูกคนอื่น ที่เค้าให้เงินทองพ่อกับแม่"
แฟนเรา++ "...((เงิบ))..ถ้าแม่อยากให้หนูเป็นเหมือนลูกคนอื่น นั่นแปลว่า
หนูจะกลับบ้านเฉพาะสงกรานต์เท่านั้น เทศกาลอื่นไม่ไปเพราะการไปครั้งหนึ่ง
มันมีค่าใช้จ่ายมากมายที่หนูต้องจ่าย มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูไม่มีเงินให้แม่
แม่แฟน++"คบกับมันมานานขนาดนี้ ไปอยู่กับมันในฐานะอะไร (เกริ่นเรื่องแต่งงาน)
แฟนเรา++"แม่พูดตรงๆดีกว่า"
แม่แฟน++ "ไม่พูด ให้มันมาคุย"
แฟนเรา++ "ไม่อ่ะแม่ หนูรู้เรื่องสินสอดหมดแล้ว เป็นล้านๆใครเค้าจะให้
หนูก็ไม่โทษใคร ไม่บังคับให้ใครมาชอบแฟนหนู แต่ขอแบบนั้นมันเกินไปมาก
หนูอยู่กับพี่เค้า บาทสลึงไม่เคยต้องจ่าย ขอแค่เก็บเงินไว้เรียนก่อน
หนูแข็งแรงเมื่อไหร่จะส่งเงินไปเลี้ยงแม่ แต่ตอนนี้หนูเงินเดือนหมื่นกว่า เห้อแม่..
ตอนนี้แม่เองก็ใช้เงิน(เกษียณ)จนหมดภายในปีเดียว พี่เค้าต้องจ่าย
ให้กับครอบครัวเราจนถึงเมื่อไหร่แม่ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาเลี้ยงนะ"
แม่แฟน++ (หัวเราะ หรือเงียบ ไม่แน่ใจ เพราะรีกล้อง)
เราได้ยินไพ่ใบนี้แล้วเรารู้สึกเหมือนมีใครเยี่ยวรดหน้าเรากลางไฟแดง
ไม่รักเรา ไม่เอ็นดูเรา ไม่ว่ากันของแบบนี้เน๊าะ
แต่ทำท่าจะมาขอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกับสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา
หักลบไปกับอคติและความคิดแย่ ๆ ของเค้าว่าเงินคนอื่นใช้ง่าย
เราหมดศรัทธากับพวกเค้ามาก บอกเลย
เราไปคุยกับแม่ตัวเอง แม่ตัวถามว่าจะแต่งงานเหรอ (ทำหน้าดีใจ)
เราบอกยังก่อน บ้านอะไรๆยังไม่เรียบร้อย ธุรกิจยังไม่แน่นเลย
อยากจะค่อยๆพูดให้เค้าฟังทีละน้อยว่า แม่ผัวรักลูกสะใภ้น่ะใช่ โคตรโชคดี
แต่แม่จะรู้มั๊ยว่าลูกตัวเองน่ะ โดนหาว่าลูกแม่มาเกาะเค้าแDก
เราก็ไม่กล้าพูดกับแม่ตัวตรงๆ ได้แต่พูดว่า
แม่ๆบ้านยังไม่เรียบร้อย ธุรกิจยังไม่โตดี ให้ชะลอไปก่อน
ตอนนี้เราหดหู่มาก เรารู้ว่าครอบครัวมันคือสิ่งที่ตัดไม่ขาด
คงได้แต่รอวันเลิก ปล่อยวาง ไม่อยากจะมีอะไรบั่นทอนอะไรในใจเลย
แต่พอทบทวนตัวเองหนักๆหลายๆรอบ ความรู้สึกเดิมๆก็ยังอยู่
"ถาม"..ว่าทำใจให้มองข้ามๆความ...อะไรไม่รู้ของครอบครัวแฟนได้มั๊ย
"ตอบ"..ทำได้!!!!!!!!! ก็แค่ห่างๆไม่ต้องไปรับรู้เรื่องความเดือดร้อน
แต่พอทางนั้นเร่งมา ไอ้เราก็กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนละครน้ำเน่า
ที่ครอบครัวเอาแฟนสุดที่รักไปแนะนำให้กับคนอื่น5555
ให้แต่งก็ไม่อยาก เพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรลึกๆของครอบครัวแฟน
((เราไม่ขอพูดมากในนี้)) ให้มองหาคนใหม่ก็ไม่ใช่ทางออก
เพราะแฟนเราไม่ได้ทำอะไรผิด และแฟนเป็นคนดีมากๆอันนี้เป็นเหตุผลใหญ่
ที่ทำให้เราและแฟนยังประคองกันต่อไปได้
เอาเป็นว่า แฟนเรา เราดูแลได้ แบกภาระได้แค่เขาคนเดียว
แต่สำหรับการต้อนรับ"อย่างอบอุ่น"ของครอบครัวแฟนนั้น
เราไม่ขอรับรู้ ขออยู่ในที่ของเราและภาระของพวกเค้า เราไม่สน
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกเขาดูแลกันเอง
ญ.ญ.อย่างเราไม่มีข้อกฏหมายอะไรมารองรับการแต่งงาน เรารู้ดี
เราอ่านมาพอสมควรและพอจะจัดการอะไรๆกับทรัพย์สินของเราได้
แต่การขอสินสอด 1 ล้านบ้านหนึ่งหลัง กับการต้อนรับแบบนี้
ถามจริงๆ....เอาอะไรมาคิดน๊ออออ
ก๋วยเตี๋ยวชามเดียวยังไม่เคยเลี้ยง บ้านแฟนเรียกสินสอด1ล้าน
นี่ก็แค่ "ส่วนหนึ่งจากชีวิตจริง"เท่านั้น
((แก้ไขส่วนนี้เรื่องเพศสภาพที่ไม่ได้แจ้งนะจ๊ะ
จขกท.เป็นหญิงรักหญิงจ้า))
เรากับแฟนอายุห่างกัน1รอบ
แรกเลยคือคบกับแฟนคนนี้มาตั้งแต่เค้ายังเรียนหนังสืออยู่(ปีสุดท้าย)
ช่วงนั้นทางบ้านแฟนก็ลำบากอยู่เหมือนกัน เลยพูดกับแฟนว่า
ไม่เป็นไร แฟนคนเดียวเลี้ยงได้ สบายมาก!
จากวันนั้น แฟนไม่เคยขอเงินทางบ้านอีกเลยแม้แต่บาทเดียว
คบกันปีแรก แฟนยังอยู่ตจว.ใช้รถยนต์ของแม่
ค่าน้ำมัน+บำรุงรักษา และค่าใช้จ่ายส่วนตัวแฟน
(เราออกทั้งหมด แฟนใช้อยู่ที่ตจว.)
++คบกันปีที่1++
พอเค้าเรียนจบ(3ปีที่แล้ว) เราก็พาเค้ามาหางานที่กรุงเทพ
ตอนนั้นเรามีปัญหาด้านการเงินอยู่พอสมควร ที่ทำงานแฟนก็ไกลมาก
เป็นห่วงไม่อยากให้นั่งรถแท็กซี่หรือรถเมล์ จึงให้แฟนขอรถยนต์จากแม่มาใช้
ส่วนตัวเองก็ขับมอเตอร์ไซด์ได้ ไม่มีปัญหา
แม่แฟนบอกว่า "กลัวมัน...(เราเอง) มาหลอก เอารถไปใช้ ไม่ให้!!!
((และเป็นความรู้สึกอย่างนี้มาตลอด4ปีที่คบกันมา เราเจอมาตลอด))
--เงิบไปสิคร่าาาา...ก็เอาวะ กัดฟันดาวน์ "อีโค่คาร์ป้ายแดง" คันเล็กๆให้
ชื่อแฟน เพราะตั้งใจว่าถ้าเค้าดูแลเราตลอด 6 ปีหรือนานกว่านั้น ที่อยู่ด้วยกัน
นี่คือของขวัญที่แฟนควรได้ แต่ถ้าเขาจะทิ้งเราไปก่อน ก็ต้องไปดิ้นรนเอาเน๊าะ แฟร์ๆ
---รถป้ายแดงคันนี้ แม่แฟนไม่เคยเอามาพูดถึงว่าเราดูแลแฟน ณ.จุดนี้ยังไง
เดี๋ยวจะเอาประเด็นป้ายแดงมาพูดเพิ่มตอนท้าย--
++ปีที่2-3++
เป็นปีที่เราผลักดันให้แฟนสอบเข้าเป็นข้าราชการสำเร็จ เรากล้าพูดได้เต็มปาก
ว่าทุกวันนี้เค้ามีบั้งประดับบ่า มาจากเราล้วนๆที่พาติว พาตระเวนสนามสอบ
งานบ้านไม่ให้เคยให้หนัก ทุกอย่างรับเองหมด (แต่ก็ชิวๆนะ ไม่ได้คิดว่าตัวเองลำบากกายอะไร)
ตลอดเวลาที่คบกัน เราพาแฟนไปเยี่ยมบ้านที่ตจว.ของเค้า
ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเรายังจ่ายทั้งหมดเหมือนเดิม
ช๊อตบ้าง บางทีบางเดือนยอดไม่เข้าเป้าแต่ก็พยายามประคอง
(เช่นค่าผ่อนรถ) บ้านแฟนไม่มีใครเอ่ยปากถามแฟนและเราเลยว่า
ไหวมั๊ยลูก เหนื่อยมั๊ย มีแต่แม่เราที่เข้าข้างแต่แฟนเวลาเสียงดังกันบ้าง
ไม่มีแม้แต่ก๋วยเตี๋ยวซักชาม เวลาที่เราพาแฟนไปเยี่ยมครอบครัวตจว.
+++เราจ่ายคนเดียวทั้งหมด ทุกอย่าง...
ส่วนเงินเดือนของแฟน เราบอกเค้าว่า เก็บเอาไว้เรียนหนังสือป.โท
อย่าเพิ่งให้พ่อกับแม่ เพราะถ้าแขนขาปีกเปิกยังไม่แข็งแรงจะดูแลใครได้
แฟนเห็นด้วย จึงให้เงินเฉพาะเทศกาลใหญ่ เช่นสงกรานต์หรือวันเกิดประมาณครั้งละ2000
++สาเหตุที่เราให้แฟนจ่ายค่าเทอมเอง เพราะเราไม่โอเคกับความอคติของทางบ้านแฟน
ที่ยังคิดตลอดเวลาว่า เรามาเกาะลูกเค้าแDก++
++ตลอดเวลาที่คบกัน เราดูแลแฟนเต็มที่ อยากไปไหนไป!!!
อยากกินไรกิน!!! ตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ จัดสรรเงินให้ดีแล้วลุยเลย
จากเด็กตจว.ที่เคยพูดกับเราว่า
"...ถ้าหนูไม่เจอพี่ จบป.ตรีมา น่าจะยังทำงานเซเว่นอยู่บ้านนอกแน่เลย.."
กลายเป็นข้าราชการชั้นตรีที่ใครๆก็ต้องยกนิ้วให้
++ช่วงปี 4++
เราปลดล็อคภาระใหญ่ได้ (มีบ้าน) ทำบ้านไปหลายเงิน
ก็คิดว่าจะทำธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น แต่ทางบ้านแฟนกลับทวงถาม
ถึงเรื่องการแต่งงาน เราเองก็ทบทวนนะ ว่าตลอดเวลา4ปีที่ผ่านมา
แฟนเราได้รับจากเราตีมูลค่าเป็นเงินเท่าไหร่(ตรงนี้ไม่เอามาคิด)
เราคำนวณจากสิ่งที่เขาควรได้ และสิ่งที่เราจะให้แฟนในอนาคต
ลดทอนกับสิ่งที่ทางบ้านแฟนทรีตเรา คำตอบค่าสินสอดมีในใจแล้ว
เราก็แย้บๆถามกับญาติแฟนที่พอจะคุยได้บ้าง เขาตอบว่า
+++ทางบ้านแฟนขอ 1 ล้าน ทองเจ้าสาวไม่ยุ่ง
และบ้านหลังที่เพิ่งจบให้โอนเป็นชื่อแฟนคนเดียว!!!+++
โอ๊ยเน๊าะ.......เราก็ยิ้มอ่อนๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
นี่เป็นเรื่องจริงที่เราเจอมาทั้งหมดแค่บางส่วนเท่านั้น
ตลอดเวลา4ปี มีเรื่องราวต่างๆนานาเข้ามาเยอะมากๆ
แต่ไม่ทำให้เรารู้สึกสะอึกได้เท่ากับคำที่แม่แฟนพูดกับแฟน(เรารู้เพราะรีกล้อง)
แม่แฟน++"...นั่นก็ทำงานเยอะ รวยหนิ ทำไมหนูไม่ให้เงินแม่ใช้บ้าง..."
แฟนเรา++ "..หนูจะให้ได้ไงแม่ นั่นเงินของพี่เค้า หนูเองยังต้องเก็บไว้ใช้เรียน"
แม่แฟน++ "หนูไม่เห็นเหมือนลูกคนอื่น ที่เค้าให้เงินทองพ่อกับแม่"
แฟนเรา++ "...((เงิบ))..ถ้าแม่อยากให้หนูเป็นเหมือนลูกคนอื่น นั่นแปลว่า
หนูจะกลับบ้านเฉพาะสงกรานต์เท่านั้น เทศกาลอื่นไม่ไปเพราะการไปครั้งหนึ่ง
มันมีค่าใช้จ่ายมากมายที่หนูต้องจ่าย มันจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหนูไม่มีเงินให้แม่
แม่แฟน++"คบกับมันมานานขนาดนี้ ไปอยู่กับมันในฐานะอะไร (เกริ่นเรื่องแต่งงาน)
แฟนเรา++"แม่พูดตรงๆดีกว่า"
แม่แฟน++ "ไม่พูด ให้มันมาคุย"
แฟนเรา++ "ไม่อ่ะแม่ หนูรู้เรื่องสินสอดหมดแล้ว เป็นล้านๆใครเค้าจะให้
หนูก็ไม่โทษใคร ไม่บังคับให้ใครมาชอบแฟนหนู แต่ขอแบบนั้นมันเกินไปมาก
หนูอยู่กับพี่เค้า บาทสลึงไม่เคยต้องจ่าย ขอแค่เก็บเงินไว้เรียนก่อน
หนูแข็งแรงเมื่อไหร่จะส่งเงินไปเลี้ยงแม่ แต่ตอนนี้หนูเงินเดือนหมื่นกว่า เห้อแม่..
ตอนนี้แม่เองก็ใช้เงิน(เกษียณ)จนหมดภายในปีเดียว พี่เค้าต้องจ่าย
ให้กับครอบครัวเราจนถึงเมื่อไหร่แม่ มันไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาเลี้ยงนะ"
แม่แฟน++ (หัวเราะ หรือเงียบ ไม่แน่ใจ เพราะรีกล้อง)
เราได้ยินไพ่ใบนี้แล้วเรารู้สึกเหมือนมีใครเยี่ยวรดหน้าเรากลางไฟแดง
ไม่รักเรา ไม่เอ็นดูเรา ไม่ว่ากันของแบบนี้เน๊าะ
แต่ทำท่าจะมาขอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆกับสิ่งที่เราสร้างมันขึ้นมา
หักลบไปกับอคติและความคิดแย่ ๆ ของเค้าว่าเงินคนอื่นใช้ง่าย
เราหมดศรัทธากับพวกเค้ามาก บอกเลย
เราไปคุยกับแม่ตัวเอง แม่ตัวถามว่าจะแต่งงานเหรอ (ทำหน้าดีใจ)
เราบอกยังก่อน บ้านอะไรๆยังไม่เรียบร้อย ธุรกิจยังไม่แน่นเลย
อยากจะค่อยๆพูดให้เค้าฟังทีละน้อยว่า แม่ผัวรักลูกสะใภ้น่ะใช่ โคตรโชคดี
แต่แม่จะรู้มั๊ยว่าลูกตัวเองน่ะ โดนหาว่าลูกแม่มาเกาะเค้าแDก
เราก็ไม่กล้าพูดกับแม่ตัวตรงๆ ได้แต่พูดว่า
แม่ๆบ้านยังไม่เรียบร้อย ธุรกิจยังไม่โตดี ให้ชะลอไปก่อน
ตอนนี้เราหดหู่มาก เรารู้ว่าครอบครัวมันคือสิ่งที่ตัดไม่ขาด
คงได้แต่รอวันเลิก ปล่อยวาง ไม่อยากจะมีอะไรบั่นทอนอะไรในใจเลย
แต่พอทบทวนตัวเองหนักๆหลายๆรอบ ความรู้สึกเดิมๆก็ยังอยู่
"ถาม"..ว่าทำใจให้มองข้ามๆความ...อะไรไม่รู้ของครอบครัวแฟนได้มั๊ย
"ตอบ"..ทำได้!!!!!!!!! ก็แค่ห่างๆไม่ต้องไปรับรู้เรื่องความเดือดร้อน
แต่พอทางนั้นเร่งมา ไอ้เราก็กลัวว่ามันจะเป็นเหมือนละครน้ำเน่า
ที่ครอบครัวเอาแฟนสุดที่รักไปแนะนำให้กับคนอื่น5555
ให้แต่งก็ไม่อยาก เพราะไม่อยากจะรับรู้อะไรลึกๆของครอบครัวแฟน
((เราไม่ขอพูดมากในนี้)) ให้มองหาคนใหม่ก็ไม่ใช่ทางออก
เพราะแฟนเราไม่ได้ทำอะไรผิด และแฟนเป็นคนดีมากๆอันนี้เป็นเหตุผลใหญ่
ที่ทำให้เราและแฟนยังประคองกันต่อไปได้
เอาเป็นว่า แฟนเรา เราดูแลได้ แบกภาระได้แค่เขาคนเดียว
แต่สำหรับการต้อนรับ"อย่างอบอุ่น"ของครอบครัวแฟนนั้น
เราไม่ขอรับรู้ ขออยู่ในที่ของเราและภาระของพวกเค้า เราไม่สน
ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของลูกเขาดูแลกันเอง
ญ.ญ.อย่างเราไม่มีข้อกฏหมายอะไรมารองรับการแต่งงาน เรารู้ดี
เราอ่านมาพอสมควรและพอจะจัดการอะไรๆกับทรัพย์สินของเราได้
แต่การขอสินสอด 1 ล้านบ้านหนึ่งหลัง กับการต้อนรับแบบนี้
ถามจริงๆ....เอาอะไรมาคิดน๊ออออ