เราอยู่จังหวัดทางภาคใต้มีวันนึงเราได้ไปเที่ยวสถานที่แห่งหนึ่งแนวโฮมสเตร์บนเขาไม่มีไฟฟ้าในป่าติดน้ำตกสูงจะขึ้นไปพักต้องให้เจ้าของลงมารับเพราะเข้ายาก...เราไปกันปิกอัพ2คันไปกะคนที่บริษัทแฟนทำอยู่รวมกันก็9คน...เกริ่นก่อนแต่ที่จะเล่าคือ
ก่อนขึ้นเขาเราได้รวมพลกันที่ร้านกาแฟมีชื่อก่อนขึ้นเขาร้านนี้จะมีนั่งร้านตาข่ายริมหน้าผาให้ลูกค้าไปนั่งเซลฟี่กัน
ช่วงเวลาที่เรากะลังรอนั้นได้มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งถือถาดกาแฟและขนมมัลฟินมาคนเดียวแล้วนางก็ไปตรงตาขายเพื่อจะเซลฟี่แต่เก่ๆกังๆแบบไม่ง้อใครมือนึงถือถาดมือนึงถือมือถืออยู่แล้วปีนไปตรงตาข่ายเพื่อจะถ่ายรูปเราเห็นแล้วกลัวมือถือจะร่วงตาข่ายลงไปเลยบอกน้องให้ช่วยไรไหมน้องยิ้มให้บอกไม่เป็นไรค่ะเราเลยแนะนำให้เอาหมอนรองถาดพอถ่ายเสร็จ...หลังจากนั้นนางก็ลงไปแล้วหายไปในร้าน...
เราก็เข้าสู่โหมดกลุ่มเราต่อทีนี้รวมตัวเสร็จเราก็มากันที่โฮมสเตร์กว่าจะขึ้นมาได้ทุลักทุเลเพราะเค้าทำสวนทุเรียนมังคุดและไม่ค่อยมีรถใหญ่ขึ้นมาเลยมีเลนเดียวแต่ถ้ารถสวนกันคงไม่ได้และไม่มีรถขึ้นมาด้วยเพราะส่วนใหญ่เค้าใช้มอเตอไซกันพอเราเข้าที่พักก็คุยกะเจ้าของรีสอทว่ามีคนมาพักไหมเค้าบอกมีคนนึงไปเที่ยวเดี๋ยวกลับมาเป็นผู้หญิง
พอใกล้จะมืดเรากะลังจะกินข้าวกันพอเดินผ่านเต็นที่ว่ามีคนพักเจอน้องผู้หญิงคนที่ร้านกาแฟที่ถ่ายรูปคนเดียว
น้องๆบอกว่าพี่...คนนี้ที่เจอที่ร้านกาแฟไง
เอาสรุปๆเลยขี้เกียจพิมพ์แระ
1.นางเดินทางคนเดียวเป้ใบเดียวเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยไม่กลัวอะไร
2.จากที่คุยนางล่องลอยและอายุก็ประมาณ27-28..หน้าตาจัดว่าน่ารักขาวสะอาดตัวบอบบาง
3.คุยกะนางบางอย่างความเข้าใจนางก็แบบผิดๆเช่นถามว่ากลับกรุงเทพอย่างไรนางบอกรถทัวร์(ที่ถามเพราะห่วง)ปลอดภัยสุด...พวกเราบอกไม่ใช่แล้วปลอดภัยสุดรถไฟจ้ะและแนะนำน้องไปว่ามันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วสะดวกด้วย
4.เราแปลกใจว่านางมั่นใจได้อย่างไรว่าตัวเองจะปลอดภัยในการท่องเที่ยวครั้งนี้
5.ใครคิดว่าน้องเค้าทำไมถึงเที่ยวแบบนี้มีความคิดเห็นอะไรไหม
ส่วนเราแค่คิดว่าน้องต้องเจออะไรมาหนักมากๆถึงได้ทำแบบนี้หายากน่ะที่สาวตัวเล็กๆบอบบางจะเที่ยวแบบนี้(มาพักที่โฮมสเตดีว่าติดต่อกะเจ้าของแล้วเค้าเป็นแนวผัวเมียใจดีและป้าเจ้าของเค้าก็ห่วงนางมากเวลานางออกไปเที่ยวแล้วกลับมาที่พักและมาเจอพวกเราก็ห่วงนางทำอะไรกินกันก็เรียกนางมาร่วมวงด้วย)...
คือรู้อยู่สังคมเราสมัยนี้ยากที่จะทำแบบนี้แล้วพ้นมือมิจฉาชีพหรือพวกใจบาปเลยอยากมาเล่าให้ฟังว่านางใจเด็ดมากกกกและแปลกใจว่านางมาได้ไงเป็นเราแค่ไปเดินห้างคนเดียวยังมองแล้วมองอีก...กลัว
นางกล้าน่ะ. ...
ก่อนขึ้นเขาเราได้รวมพลกันที่ร้านกาแฟมีชื่อก่อนขึ้นเขาร้านนี้จะมีนั่งร้านตาข่ายริมหน้าผาให้ลูกค้าไปนั่งเซลฟี่กัน
ช่วงเวลาที่เรากะลังรอนั้นได้มีน้องผู้หญิงคนหนึ่งถือถาดกาแฟและขนมมัลฟินมาคนเดียวแล้วนางก็ไปตรงตาขายเพื่อจะเซลฟี่แต่เก่ๆกังๆแบบไม่ง้อใครมือนึงถือถาดมือนึงถือมือถืออยู่แล้วปีนไปตรงตาข่ายเพื่อจะถ่ายรูปเราเห็นแล้วกลัวมือถือจะร่วงตาข่ายลงไปเลยบอกน้องให้ช่วยไรไหมน้องยิ้มให้บอกไม่เป็นไรค่ะเราเลยแนะนำให้เอาหมอนรองถาดพอถ่ายเสร็จ...หลังจากนั้นนางก็ลงไปแล้วหายไปในร้าน...
เราก็เข้าสู่โหมดกลุ่มเราต่อทีนี้รวมตัวเสร็จเราก็มากันที่โฮมสเตร์กว่าจะขึ้นมาได้ทุลักทุเลเพราะเค้าทำสวนทุเรียนมังคุดและไม่ค่อยมีรถใหญ่ขึ้นมาเลยมีเลนเดียวแต่ถ้ารถสวนกันคงไม่ได้และไม่มีรถขึ้นมาด้วยเพราะส่วนใหญ่เค้าใช้มอเตอไซกันพอเราเข้าที่พักก็คุยกะเจ้าของรีสอทว่ามีคนมาพักไหมเค้าบอกมีคนนึงไปเที่ยวเดี๋ยวกลับมาเป็นผู้หญิง
พอใกล้จะมืดเรากะลังจะกินข้าวกันพอเดินผ่านเต็นที่ว่ามีคนพักเจอน้องผู้หญิงคนที่ร้านกาแฟที่ถ่ายรูปคนเดียว
น้องๆบอกว่าพี่...คนนี้ที่เจอที่ร้านกาแฟไง
เอาสรุปๆเลยขี้เกียจพิมพ์แระ
1.นางเดินทางคนเดียวเป้ใบเดียวเที่ยวไปเรื่อยเปื่อยไม่กลัวอะไร
2.จากที่คุยนางล่องลอยและอายุก็ประมาณ27-28..หน้าตาจัดว่าน่ารักขาวสะอาดตัวบอบบาง
3.คุยกะนางบางอย่างความเข้าใจนางก็แบบผิดๆเช่นถามว่ากลับกรุงเทพอย่างไรนางบอกรถทัวร์(ที่ถามเพราะห่วง)ปลอดภัยสุด...พวกเราบอกไม่ใช่แล้วปลอดภัยสุดรถไฟจ้ะและแนะนำน้องไปว่ามันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วสะดวกด้วย
4.เราแปลกใจว่านางมั่นใจได้อย่างไรว่าตัวเองจะปลอดภัยในการท่องเที่ยวครั้งนี้
5.ใครคิดว่าน้องเค้าทำไมถึงเที่ยวแบบนี้มีความคิดเห็นอะไรไหม
ส่วนเราแค่คิดว่าน้องต้องเจออะไรมาหนักมากๆถึงได้ทำแบบนี้หายากน่ะที่สาวตัวเล็กๆบอบบางจะเที่ยวแบบนี้(มาพักที่โฮมสเตดีว่าติดต่อกะเจ้าของแล้วเค้าเป็นแนวผัวเมียใจดีและป้าเจ้าของเค้าก็ห่วงนางมากเวลานางออกไปเที่ยวแล้วกลับมาที่พักและมาเจอพวกเราก็ห่วงนางทำอะไรกินกันก็เรียกนางมาร่วมวงด้วย)...
คือรู้อยู่สังคมเราสมัยนี้ยากที่จะทำแบบนี้แล้วพ้นมือมิจฉาชีพหรือพวกใจบาปเลยอยากมาเล่าให้ฟังว่านางใจเด็ดมากกกกและแปลกใจว่านางมาได้ไงเป็นเราแค่ไปเดินห้างคนเดียวยังมองแล้วมองอีก...กลัว