ถ้าใครชอบหนังสยองขวัญแบบ The Conjuring หนังผีไทย หนังผีซอมบี้ ผีไล่ล่า หนังผีทั่วไป หรือผีละครไทย อาจต้องข้ามไปเลย ข้ามไปแบบเยอะ ๆ ไม่ต้องไปดูเลย เพราะมันไม่น่ากลัวแบบสรา้งความตกใจขณะรับชม หนักไปกว่านั้นมันมีความไม่เมคเซ้นอะไรเต็มไปหมด
ไม่แปลกเลยที่พอหนังจบ หลายคนในโรงหนังจะบ่นว่า "หนังเ-ี้ยไรวะ ไม่เข้าใจ ไอ้นั้นทำไอนี้ได้ไง ทำไมไอ้นั้นทำแบบนี้ ทำไมไอ้คนนั้นโดนไฟเผาแทน" หนักไปกว่านั้นคือ "หนังไรเนี่น พากูมาดูทำไม น่าจะไปกินเหล้าดีกว่า"
คือเราได้ยินเสียงบ่นแบบนี้เยอะมากหลังจากออกจากโรงภาพยนตร์
..........................
แต่สำหรับใครชอบดูหนังของค่ายนี้ ตื่นตากับ The vvitch A ghost story Get out ถือว่าเป็นหนังน่าสนใจยิ่ง
คำโปรโมตที่ว่า "เป็นหนังสยองขวัญรูปแบบใหม่" สำหรับถือว่า โปรโมตได้แบบนี้เลย เพราะมันเป็นหนังสยองขวัญที่ข้ามรูปแบบหนังสยองขวัญแบบเดิม ๆ ไป
และนั่นจึงไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน หากเป็นคนยึดติดสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญ
............
เราคงไม่สปอยส์เนื้อหาอะไรอยู่แล้ว แต่จะมาพูดถึงสิ่งที่ได้รับหรือสิ่งที่ยกระดับจิตใจและความบันเทิง
หนังทำงานได้ดีมาก มันทำให้เรา "รู้สึกกังวล" กับบ้านตัวเอง เวลาขับรถและมองหลัง รวมถึงเวลานอนหลับ มันชวนให้เกิดภาพจำแบบใหม่เกี่ยวกับ บ้าน กระจกมองหลังและเวลานอนหลับ
เพราะหนังมันเล่นกับประสบการณ์ "ร่วม" ของคนดูโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อุบัติเหตุจากการขับรถ ภาวะความสูญเสียคนรัก การนอนการหลับฝันและละเมอ รวมถึงภาวะกังวลใจกับคนในครอบครัวและบ้านที่เราอยู่
หนังทำลายไอเดียที่ว่า "ครอบครัวและบ้าน" คือความสุขและพื้นที่ปลอดภัยไป และกลับกลายเป็นพื้นที่อันตรายสำหรับคุณไป
...........
ที่ชอบอีกประเด็นคือ ภาวะการนอนและหลับฝัน ในประเด็นทั้งหมดในเรื่องเราชอบประเด็นนี้สุด เพระามันเพิ่งเกิดกับเราเองด้วย นั่นคือ เวลาเราฝัน ความรู้สึกที่ได้จากความฝันมันคือ การชดเชยหรือปรับสมดุลความรู้สึกที่ได้รับจากโลกของความจริง
นึกแบบนี้ก็ได้ว่า ในโลกของความจริงเราเพิ่งอกหัก เสียใจมาก ความรู้สึกแย่มาก สมองมันก็จะจดจำความรู้สึกนี้ไว้ แต่สมองมนุษย์มีกลไกที่แมร่งเราก็เพิ่งรู้เลย คือ มันมีกลไกชดเชยเพื่อบาลานซ์ความรู้สึกไม่ให้มนุษย์คนนั้นอกแตกตายไปเสียก่อน นั่นคือ เราจะฝันว่า ได้อยู่กับคนรัก เพื่อให้สมองหลั่งสารความรู้สึก "ดี"
และแน่นอนว่า ท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น เพราะความจริงเราก็รู้ว่า เราเลิกกับแฟนไปแล้ว แต่เวลาก็จะทำให้ความรู้สึกนั้นค่อยๆ จางลงไป จนทำให้เรา "อยู่ร่วมกับมันได้" นั้นเอง
......
เป็นหนังที่มีประเด็นเยอะมากและชวนให้สมองทำงานเยอะด้วย
เดี่ยวมาต่อเรื่อง ภาวะจิตของมนุษย์ที่มันอัศจรรย์มาก สมองคนเรานี้มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ จนโคตรจะน่ากลัวไปเลย
Hereditary คือ หนังที่ทำให้สมองทำงาน......
ไม่แปลกเลยที่พอหนังจบ หลายคนในโรงหนังจะบ่นว่า "หนังเ-ี้ยไรวะ ไม่เข้าใจ ไอ้นั้นทำไอนี้ได้ไง ทำไมไอ้นั้นทำแบบนี้ ทำไมไอ้คนนั้นโดนไฟเผาแทน" หนักไปกว่านั้นคือ "หนังไรเนี่น พากูมาดูทำไม น่าจะไปกินเหล้าดีกว่า"
คือเราได้ยินเสียงบ่นแบบนี้เยอะมากหลังจากออกจากโรงภาพยนตร์
..........................
แต่สำหรับใครชอบดูหนังของค่ายนี้ ตื่นตากับ The vvitch A ghost story Get out ถือว่าเป็นหนังน่าสนใจยิ่ง
คำโปรโมตที่ว่า "เป็นหนังสยองขวัญรูปแบบใหม่" สำหรับถือว่า โปรโมตได้แบบนี้เลย เพราะมันเป็นหนังสยองขวัญที่ข้ามรูปแบบหนังสยองขวัญแบบเดิม ๆ ไป
และนั่นจึงไม่แปลกที่จะมีคนไม่ชอบหนังเรื่องนี้แน่นอน หากเป็นคนยึดติดสูตรสำเร็จของหนังสยองขวัญ
............
เราคงไม่สปอยส์เนื้อหาอะไรอยู่แล้ว แต่จะมาพูดถึงสิ่งที่ได้รับหรือสิ่งที่ยกระดับจิตใจและความบันเทิง
หนังทำงานได้ดีมาก มันทำให้เรา "รู้สึกกังวล" กับบ้านตัวเอง เวลาขับรถและมองหลัง รวมถึงเวลานอนหลับ มันชวนให้เกิดภาพจำแบบใหม่เกี่ยวกับ บ้าน กระจกมองหลังและเวลานอนหลับ
เพราะหนังมันเล่นกับประสบการณ์ "ร่วม" ของคนดูโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อุบัติเหตุจากการขับรถ ภาวะความสูญเสียคนรัก การนอนการหลับฝันและละเมอ รวมถึงภาวะกังวลใจกับคนในครอบครัวและบ้านที่เราอยู่
หนังทำลายไอเดียที่ว่า "ครอบครัวและบ้าน" คือความสุขและพื้นที่ปลอดภัยไป และกลับกลายเป็นพื้นที่อันตรายสำหรับคุณไป
...........
ที่ชอบอีกประเด็นคือ ภาวะการนอนและหลับฝัน ในประเด็นทั้งหมดในเรื่องเราชอบประเด็นนี้สุด เพระามันเพิ่งเกิดกับเราเองด้วย นั่นคือ เวลาเราฝัน ความรู้สึกที่ได้จากความฝันมันคือ การชดเชยหรือปรับสมดุลความรู้สึกที่ได้รับจากโลกของความจริง
นึกแบบนี้ก็ได้ว่า ในโลกของความจริงเราเพิ่งอกหัก เสียใจมาก ความรู้สึกแย่มาก สมองมันก็จะจดจำความรู้สึกนี้ไว้ แต่สมองมนุษย์มีกลไกที่แมร่งเราก็เพิ่งรู้เลย คือ มันมีกลไกชดเชยเพื่อบาลานซ์ความรู้สึกไม่ให้มนุษย์คนนั้นอกแตกตายไปเสียก่อน นั่นคือ เราจะฝันว่า ได้อยู่กับคนรัก เพื่อให้สมองหลั่งสารความรู้สึก "ดี"
และแน่นอนว่า ท้ายที่สุด มันก็เป็นเพียงความฝันเท่านั้น เพราะความจริงเราก็รู้ว่า เราเลิกกับแฟนไปแล้ว แต่เวลาก็จะทำให้ความรู้สึกนั้นค่อยๆ จางลงไป จนทำให้เรา "อยู่ร่วมกับมันได้" นั้นเอง
......
เป็นหนังที่มีประเด็นเยอะมากและชวนให้สมองทำงานเยอะด้วย
เดี่ยวมาต่อเรื่อง ภาวะจิตของมนุษย์ที่มันอัศจรรย์มาก สมองคนเรานี้มันเป็นอะไรที่มหัศจรรย์ จนโคตรจะน่ากลัวไปเลย