JSP ทิ้งสำเพ็ง โดย อีหล่าน้อย เว็บ share2trade

กระทู้ข่าว
www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=2935
    หลังจากเงียบหายไปเพราะเรื่องในบ้านยังไม่เรียบร้อย และผลประกอบการที่ทรงตัวซึมต่อเนื่อง ล่าสุดทีมผู้บริหารชุดใหม่ ภายใต้กลุ่มทุนใหม่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ก็พร้อมเปิดตัวใหม่แถลงแผนธุรกิจว่าจากนี้ไป หุ้นเจ๊สำเพ็ง"จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
    ที่ไม่เหมือนเดิมคือ กลยุทธ์ธุรกิจ ส่วนราคาหุ้นที่ต่ำติดพื้นนั้น ไม่ทราบ และไม่อาจการันตีว่าเมื่อใดจะพ้นจองเสียที
  หุ้น JSP ถือเป็นหุ้นที่นับตั้งแต่เปิดเทรดมาวันแรกจนถึงล่าสุด ไม่เคยมีราคาเหนือราคาจองเลย ถือว่าน่าผิดหวังอย่างมาก
    ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเพราะเหตุผลนี้หรือไรที่ทำให้ ตระกูลมโนธรรมรักษา นำโดยนายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษาขาย JSP 6.19% ให้กลุ่ม สวาทยานนท์ แห่งบริษัทผลิต แห อวน รายใหญ่ สยาม บราเดอร์ และได้ซุ่มทำอสังหาริมทรัพย์มายาวนาน เข้ามาแทนที่ เสมือนการเทกโอเวอร์"เข้าประตูหลัง"
    ในเชิงยุทธศาสตร์ เท่ากับกลุ่มมโนธรรมรักษา ยอมรับว่าเกมธุรกิจของพวกเขาใน JSP จบสิ้นลงโดยปริยาย เพราะ"เข็นไม่ขึ้น"
    ความจริงแล้วน่าเห็นใจไม่น้อย เพราะ JSP เมื่อแรกเข้ามาระดมทุนในตลาดนั้น มีองค์ประกอบทางธุรกิจที่น่าสนใจด้วยไอเดียกับโครงการ "สำเพ็ง" ที่รวมเอาบ้านจัดสรรชานเมืองและตลาดเอาไว้ที่เดียวกัน ด้วยสายตาแหลมคม สามารถซื้อที่ดินมาทำโครงการด้วยต้นทุนที่ไม่แพงกว่าคู่แข่ง
    โครงการแรกขายได้หมดเกลี้ยงรวดเร็ว ทำให้เกิดโครงการใหม่ๆตามมา ก่อนจะพบว่า การขายโครงการแรก แม้จะหมดเกลี้ยง แต่ตลาดซึ่งเป็นพื้นที่เช่าทำรายได้ระยะยาวต่อเนื่องที่เป็นจุดขาย กลับ"ไม่ขึ้น" เหตุผลเพราะคนซื้อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มาจาก"สำเพ็ง"ไม่ยอมย้ายไปอยู่ กลายเป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรเสียมากกว่า
              เมื่อตลาดขึ้นไม่ได้เพราะคนซื้อที่อยู่ไม่มีหรือมีน้อยเกิน จุดขายที่คิดว่าเป็นโอกาสจึงกลายเป็นภาระไป ทำให้หลังจากเข้ามาในตลาด การบันทึกด้อยค่าที่เข้มงวด ทำให้กำไรของ JSP ถดถอยลงและบางไตรมาสถึงขั้นขาดทุน ไม่เป็นผลดีเลยสำหรับราคาหุ้นที่ซึมลงต่อเนื่อง แทบหาโอกาสเป็นจังหวะขาขึ้นไม่ได้เลย
             ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลู สะท้อนความเสื่อมศรัทธาของนักลงทุนชัดเจน ความหวังที่จะให้ราคากลับไปยืนเหนือราคาจอง ยิ่งกว่า"เข็นครกขึ้นภูเขา"เลยทีเดียว
    ความพยายามพลิกฟื้นสถานการณ์ของผู้บริหารและกรรมการบริษัท ทำให้ 2 ปีมานี้ JSP พลิกเกมดึงตัวผู้บริหารโครงการมือเก๋าจากกลุ่มควอลิตี้เฮ้าส์ นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม หรือ"พี่แจ้" มาเป็นกรรมการผู้จัดการเพื่อผลักดันยอดขาย ซึ่งก็ได้ผลในด้านรายได้ แต่สวนทางกับกำไรจากปัญหาภายในที่พอกพูนอยู่
    อาการ"ถอดใจ"ของนายทนงศักดิ์และตระกูลมโนธรรมรักษา ทั้งที่ JSP ยังมีกำไรสะสมมากกว่า 540 ล้านบาท จึงเกิดขึ้น และเป็นที่มาของปฏิบัติการ "สมบัติผลัดกันชม" ที่ส่งมอบภาระกิจให้กับคณะกรรมการชุดใหม่ดำเนินการต่อ แม้จะยังคงมีหุ้น JSP อยู่ต่อไป ก็เป็นได้แค่รายย่อยที่ไม่มีอำนาจอีกต่อไป
    สำหรับกลุ่มสวาทยานนท์ นอกจากมีธุรกิจหลักเก่าแก่มายาวนาคือสยามบราเดอร์ ผลิตแหอวนและอุปกรณ์ประมงมายาวนาน ยังได้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาควบคู่ไปด้วย โดยอาศัยแบรนด์"บ้านสุขนิเวศน์"เป็นหลัก ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร ถือว่าไม่ใช่มือใหม่
    การเข้ามาถือหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ของกลุ่มสวาทยานนท์ โดยการเปลี่ยนแปลงบอร์ดเท่านั้น แต่ยังคงให้มืออาชีพอย่าง"พี่แจ้"ดำเนินการต่อไป จึงเป็นการเปิดศักราชใหม่ ของ JSP ที่ตั้งเป้ากลับมาทำกำไรสวยงามครั้งใหม่ ไม่ขายฝันต่อไป
    ในการแถลงข่าวล่าสุดพร้อมเปิดตัวยุคใหม่ของ JSP ที่จากนี้ไปจะไม่มีคำว่าสำเพ็งอีกแล้ว พี่แจ้ในฐานะเดิม กรรมการผู้จัดการยอมรับว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาของไตรมาสแรก JSP มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหม่เข้ามาบริหาร ได้แก่ นายลิขิต ลือสกุลกิจไพศาล เข้ามาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมกับวิสัยทัศน์ใหม่ในการขับเคลื่อนองค์กรให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยกำหนดเป้าหมาย 2 ระยะเอาไว้
    - เป้าหมายระยะสั้นในปีแรกนี้จะเป็นการปรับฐานให้มีความแข็งแรง มั่นคง และมีสภาพคล่องทางการเงินมากขึ้น
    - เป้าหมายระยะยาว ตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะสร้างอัตราการเติบโตให้กับบริษัทฯ ไม่ต่ำกว่า 25% และเน้นพัฒนาอสังหาฯ แนวราบเป็นหลัก ภายใต้หลักการดำเนินงาน 3 ทิศทาง ได้แก่ สร้างทรัพย์ ซื้อขายทรัพย์ และพัฒนาทรัพย์
    ภายใต้กรอบนี้ พี่แจ้ระบุว่า ในปี 2561 นี้จะเป็นปีของการ Keep Fighting กับ แบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่ลงมาชิงดำตลาดอสังหาฯ ที่ราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยสร้างรากฐานความเติบโตแบบยั่งยืน เน้นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น ด้วยการปรับสัดส่วนการดำเนินงานและสร้างรายได้จาก 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อขาย จะทำการปรับกำไรเบื้องต้นให้มากขึ้น ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์หรือธุรกิจให้เช่า มีการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเพื่อสร้างกำไรสุทธิให้เป็นบวก
    เป้าหมายสำคัญของปีนี้ จึงมุ่งดันกำไรสุทธิปี 61 พุ่งทะลุเป้า 15% พร้อมเผยแผนยุทธศาสตร์ ประกาศบุกตลาดแนวราบเต็มสูบ
    กลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย JSP ได้กำหนดแนวทางไว้ 4 มิติ ได้แก่
    1) ด้านการเงิน จะดำเนินการเปลี่ยนแปลงแหล่งเงินกู้ระยะสั้นให้เป็นระยะยาว ซึ่งที่ผ่านมา JSP ได้ทำการชำระหนี้ จำนวน 2,500 ล้านบาท จากหุ้นกู้จำนวน 1,100 ล้านบาท และตั๋วแลกเงินระยะสั้น Bill of Exchange (B/E) จำนวน 1,400 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงทำให้สถาบันการเงินพร้อมสนับสนุนสินเชื่อในการพัฒนาโครงการ
    2) เตรียมจัดหาต้นทุนทางการเงินให้ต่ำลง โดยในปีหน้าเตรียมออกหุ้นกู้ใหม่ที่มีอายุ 2-3 ปี ซึ่งวางแผนจะทำการออกหุ้นกู้ในไตรมาสที่ 3 จำนวน 1,000 ล้านบาท จึงทำให้เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับการพัฒนาโครงการที่บริษัทฯ มีกับสถาบันการเงิน
    3) แผนการขายทรัพย์สินบางส่วนที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ โดยจัดตั้งบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด (JPM) เข้ามาดูแลบริหารที่ดินในส่วนของพื้นที่เปล่าและพื้นที่ให้เช่า มุ่งเน้นการตลาดพื้นที่เช่าให้เป็นที่รู้จัก และพัฒนาตลาดให้เหมาะกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ (Trend Lifestyle) แต่อย่างไรก็ดี แนวทางการขายทรัพย์สิน
    4) ชะลอแผนดำเนินการสำหรับพื้นที่ธุรกิจให้เช่า เพื่อเปิดรับข้อเสนอจากนักลงทุนหรือผู้สนใจติดต่อเข้ามา ซึ่งในขณะนี้ก็มีนักลงทุนชาวต่างชาติที่ให้ความสนใจ
    แผนที่ชี้แจงมาเช่นนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีใครรับประกันว่าจะทำได้ทั้งหมด แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว ถือว่าเป็นทิศทาง"กลับสู่เส้นทางคืนกำไร"ที่มีเหตุผลรองรับ
    JSP ที่จากนี้ไป ไม่มีคำว่า"เจ๊สำเพ็ง"ที่ฟังแล้วโลว์คลาส น่าจับตาว่า จะสามารถทำกำไรจนทำให้ราคากลับมายืนเหนือบุ๊กแวลลูที่ 1.23 บาทเมื่อใดภายใต้กลุ่มสวาทยานนท์
//////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก www.facebook.com/Share2Trade/
http://www.share2trade.com

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่