ตรัง มันห่างไกลจากบ้านเกิดของผมร่วม 1300 กว่ากิโลเมตร การจะเดินทางไปมั่นง่ายโคตร(555ใช่ไม๊เนี่ย) ผมเพิ่งร่วมปั่น Audax 200 เมื่อปี 2561 นี้เองโดยปกติผมปั่นจักรยานเพื่อการแข่งขันเสียมากกว่าแต่มาปีนี้เองเริ่มมีความรู้สึกว่าการเดินทางไปแข่งขันที่ต่างๆ ใช้เวลาเดินทางยาวนาน แต่ไปแข่งขันแค่ 2-3 ชั่วโมงเริ่มรู้สึกว่ามันไม่คุ้มค่ากับเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปร่วมแข่งขัน เลยคิดเปลี่นมาร่วมปั่น AUdax แล้วถูกใจมากเพราะได้ใช้เวลาในการปั๋นคุ้มค่ามากคุ้มทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาที่เสียไปถึง ถึงแม้ Audax จะไม่มีการมอบรางวัลต่างๆ แต่รางวัลที่ผมได้รับคือวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ไมตรีที่คนร่วมรายการได้หยิบยื่นให้กันและความทรมาน รวมๆแล้วมันสนุกมาก
8 มิ.ย.61 ผมเดินทางมาพร้อมครอบครัวมายังจังหวัดตรัง ถึงแม้จะถึงช่วงบ่ายแต่ได้ไกด์ท่องถิ่นดีทำให้ได้ไปเที่ยวที่ทำให้ประทับใจมากกกกก แค่เปิดวันแรกก็โคตรคุ้มกับการตัดสินใจแล้ว

9 มิ.ย.61 ผมตื่นแต่ตีห้าเพื่อมาเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการปั่นทางไกล 200 กิโลเมตร ผมปั่นจักรยานมาจุดสตาร์ทตอน 6:30 มาถึงก็ประทับใจกับโบสถ์คริสที่เทห์และมีความคลัง อีกทั้งทีมงานตรังได้เตรียมอาหารการกินมื้อเช้าเอาไว้ให้คนร่วมปั่น แต่เสียดายผมทานมาแล้วแต่ขอบอกว่าจัดเตรียมได้ครบถ้วยครับ ประทับใจมาก

7:00 น. ทีมงานเริ่มนับถอยหลังและผู้ดร่วมปั่นก็เริ่มออกตัวกัน ผมปั่นแบบเบาๆที่สุดๆเกาะกลุ่มไปเรื่อยเพราะไม่ค่อยรู้เส้นทาง แต่ก็ปริ้น Cuesheet มาติดไว้แล้ว ปั่นไปปั่นมาก็เลื่อนลำดับมาอยู่กลุ่มที่สอง เจอพี่ๆอายุพอสมควรเยอะทีเดียวคุยกันขโมงโฉงเฉงเชียวเรื่องการปั่นในวันนี้ผมนี้แอบชื่นชมในใจ
ปั่นมาได้สัก 20 กิโลเมตร บรรยากาศขมุกขมัวก็เริ่มตั้งเค้าและในที่สุดฝนก็เริ่มเทลงมา ในที่สุดผมก็ได้ใช้อาวุธลับเสียทีซื้อมาเตรียมไว้ตั้งแต่ Audax ระยอง นั่นคือเสื้อกันฝนนั่นเอง ฝนเทกระหน่ำมาอย่างนักหลายคนหยุดพักหลายคนแต่ผมปั่นต่อไปเป็นข้อมดีที่มีเสื้อกันฝน ไม่ใช่ว่าไม่เปียก แต่เสื้อกันฝนมันทำให้ฝนไม่ถูกช่วงบนของตัวทำให้ไม่รู้สึกหนาวทำให้ปั่นไปได้เรื่อยๆถึงแม้เจอนำ้ฝนมากระทบหน้าอย่างหนักก็ตาม จุดพักแรกอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้รู้กแต่ว่าฝนตกหนักมากคนเช็คก็ออกไปยืนกลางฝนคอยปั๊มไห้แต่หารู้ไม่ว่าใบบันทึกเลอะหมด 555 เลยต้องบอกให้เขาไปอยู่ในรถและให้คนปั่นเข้ามาปั๊มตรางยางทีละคนไม่งั้นเละแน่
จุดแวะที่สอง Andaman Gateway อยู่บนเขาปั่นจากตีนเขาขึ้นไปราว 5กิโลเมตร ฝนตกหนักแต่ต้องปั่นขึ้นเขาเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก ทางที่ตรังกว้างมากรถก็ไม่เยอะ ทำให้ปั่นขึ้นเขาไม่มีอะไรต้องกังวลมาก แต่ต้องบอกว่ามาถึงจุดพักแบบทุลักทุเลพอควร เพาะฝนเท 555 ขนาดนเช็คระยะยังต้องหลบไปในรถเพื่อปั๊มตรายางให้ผู่ร่วมปั่น หลังจากนั้นผมก็ปั่นไปแบบงงเพราะไม่รู้เส้นทางอาศัยดูตาม Cuesheet ที่ให้มาแต่มันเริ่มเลอะเลือนเพราะฝนที่ตกอีกทั้งก็อธิบายเยอะไปเลยงง 555 ดีได้พี่ๆที่เขาปั่นเลยตามเขาไป ซึ่งจะบอกว่าบรรยายกาศและเส้นทางจักรยานที่ Andaman gateway สวยมากแม้ฝนจะตกก็ตาม

หลังจากออกจากจุดแวะที่สอง Andaman Gateway ผมปั่นแบบล็อคแรงของตัวเองที่ Zone3 ซึ่งเริ่มตั้งความเร็วในระดับหนึ่งเพราะเห็นว่าต้องปั่นอีก 52 กิโลจะถึงจุดแวะที่ 3 ซึ่งเป็น Check point แรกช่วงนี้ฝนตกเบาลงสองข้างทางมีป่าต้นยาง อีกด้านก็เป้นวิวภูเขามีหมอกคลุมบนภูเขาให้เห็นตลอดจากที่ฝนตก แต่เส้นทางช่วงนี้มีการทำสะพานหลายสะพานและถนนอยู่หลายช่วงมากทำให้ต้องปั่นทางเบีย่งบ่อยๆ ซึ่งเป็นทางดินและไม้ทำสะพานซึ่งก็เป็นช่วงที่ฝนยังตกมาอีก ไม่ต้องบอกครับว่าเป็นอย่างไรเริ่มเละครับ 555 โคลนเริ่มเกาะตามเฟรมจักรยานและดูสภาพอาจจะดูไม่ค่อยได้ แต่ก็ได้ฝนห่าใหญ่มาเป็นระยะมาช่วยชำระล้างเศษดินที่ติดเฟรมออกไปได้ โชคดีที่ผมมีเสื้อกันฝนทำให้เวลาปั่นแม้ฝนจะตกเลยไม่รู้สึกหนาวทำให้ปั่นได้คงที่ แล้วก็ปั่นมาทันกลุ่มพี่ๆที่มาจากหาดใหญ่เลยมากับเขาเสียเลยดีจัง 555
และแล้วก็มาถึง CP1 ที่เป็นจุดแวะที่สามอยู่ในปั๊มปตท.ทุ่งยาว มาถึงก็เป็นเวลา 11 นาฬิกานิดนิด ทีนี้ได้พักแล้วตั้งใจว่าจะพักเพียงครึ่งชั่วโมง เลยรีบจอดจักรยานแล้วลงบันทึกเวลาแล้วรีบเดินดิ่งไปเซเว่นเพื่อหาอะไรมาเติมพลังซึ่งผมไม่แวะทานข้าวมื้อกลางวันเพราะหลายครั้งที่ปั่นแวะทานข้าวแล้วรู้สึกมันจุกเหมือนอาหารมันไม่ย่อยแม้ว่าจะทิ้งเวลาให้อาหารย่อยแล้ว จึงเข้าเซเว่นเลือกแต่ขนมปังกับน้ำหวานเพื่อมาเติมพลังซึ่งทำไม่ค่อยให้จุก นั่งทานไปก็นั่งคิดว่าจะยังไปกับกลุ่มที่มากับเขาเมื่อกี้ดีไมีแต่นึกถึงแผนที่วางแล้วเลยไปต่อเลยดีกว่า พอเดินไปถึงจักรยาน ไมล์ดันดับเองตอนแรกนึกว่าโดนใครมาเล่นไมค์เสียแล้วแต่เปิดแล้วกดสตาร์ทใหม่ถึงรู้ว่าไมล์มันกลายเป็นบันทึก Lap เองแล้วดับไป เลยต้องสตาร์ทเลขไมล์ที่ กม.0 ใหม่ 555 ยุ่งหละต้องมาบวกเลขไมค์งงเลย

ปั่นออกจาก CP1 มาสักพักก็มาทันคนปั่นอยู่คนหนึ่ง เห็นเขาหันหลังมาดูผมอยู่ลิบๆหลายครั้ง จึงได้ชวนกับร่วมขบวนไปด้วยกัน 2 คนสักพักก็มีคนเข้ามาสมทบด้วยอีก 2 คน กลายเป็นผมมีแก๊งปั่นแล้ว 4 คนเดินทางไปด้วยกัน คุยไปคุยมาก็ได้รู้จักคนนึงเป็นคนตรังแต่ไปทำงานที่หลังสวน แถมอายุเท่ากับผมอีกเลยปั่นไปคุยไปกันสนุกสนานกันเลยทีเดียว ได้คนท้องถิ่นนำทางมันดีอย่างนี้เองถึงแม้จะเปลี่ยนผมขึ้นลากก็ไม่ต้องกลัวหลงแล้ว
มาถึงจุดแวะที่ 5 สถานีรถไฟกันตัง สถานีสุดท้ายของทางรถไฟเส้นอันดามันมีอายุร้อยกว่าปี นึกไปถ้าไม่ได้มาออ-คงไม่ได้มีโอกาศมาเยือนอ.กันตังและสถานีรถไฟแห่งนี้แน่ คงแค่ได้จำชื่อสถานีนี้อย่างเดียว หลังจากมาถึงสถานีรถไฟกันตังผมรู้สึกตื่นเต้นพอลงบันทึกตราประทับเสร็จผมก็ถ่ายรูปเล่นที่สถานี้หลายมุมทีเดียว และก็สังเกตุเห็นนอกจากนักปั่นแล้วก็มีคนทั่วไปมาถ่ายรูปที่สถานี้กันหลากหลายพอควรอาจจะอารมณ์เดียวกันที่คงอาโอกาสมาสถานที่แห่งนี้แทบไม่ได้เลยนอกจากมาปั่นจักรยานนี่หละ นักปั่นหลายๆคนนำจักรยานมาล้างดินเศษโคลนที่มาเกาะจักรยานและเกียร์ที่สถานีนี้ ผมเองไม่ได้ล้างเพราะคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเดี๋ยวปั่นเสร็จค่อยเอากลับไปล้างทีเดียวแต่นั่นหละแล้วปัญหาก็ตามมา

ออกจากสถานีรถไฟกันตังเราตรงไปที่แพขนานยนต์ต้องข้ามฝั่งไปทุกคนก็ต้องไปซื้อตั๋วข้ามฝาก ราคา 2 บาทว่าไปผมก็ตื่นเต้นแเพราะที่บ้านผมไม่มีพอลงแพขนานยนต์ไปแน่นอนถ่ายรูปอีก 555 หลังจากแพเทียบท่าอีกฝั่งนึงพวกเราก็เริ่มปั่นต่อไปเป็นกลุ่มใหญ่จุดหมายคือบ่อน้ำพุร้อนกันตัง ปั่นมาสักพักปัญหาของเผมเริ่มมาเยือนเสียงจักรยานผมเริ่มดังมากขึ้น เรามาถึงทางแยกซึ่งเป็นทางเข้าด้านหลังของน้ำพุพอเลี้ยวแค่นั้นหละมีเนินให้เล่นเลยผมไม่พยายามใส่แรงเข้าไปมากเพราะไม่รู้ระยะทางที่ต้องไต่ยาวแค่ไหน่แต่เสียงที่น่ารำคาญก็ดังขึ้นเรื่อยซึ่งเหมือนว่าต้องใช้แรงมากกว่าปกติ แต่โชคดีไต่เนินไปแค่ 6-700 เมตรก็ถึงที่หมาย CP2 วนอุทยานบ่อน้ำพุร้อนกันตัง เข้าไปเจอบ่อน้ำพุร้อนหลายบ่อ แต่ละบ่อมีความร้อนแตกต่างกันออก ตอนแรกว่าจะแช่ให้กล้ามเนื้อหายปวดแต่จำเป้นเร่งด่วนที่ต้องล้างจักรยานเสียแล้วไม่งั้นเหนื่อยแน่เพราะดูเหมือนเศษโคลนมันทำให้เสียงดัง พอล้างจักรยานเสร็จก็มาสำรวที่บ่อน้ำพุร้อนนี้มีทั้งนวด และยังมีมัคคุเทศน์น้อยที่มาให้บริการแนะนำนักท่องเที่ยวด้วย ผมว่าพรุ่งนี้ผมจะพอครอบครัวมาเที่ยวที่นี้อีกวันละกันน่าจะสนุกวันนี้รีบไปดีกว่า

พวกเราออกปั่นจากบ่อน้ำพุร้อนกันมา 4 คนโดยมีพี่คนตรังคนนึงแกอาสาลากตลอดเลยพอผมจะพลัดขึ้นไปช่วยนำสักครู่เดียวก็ก็แซงขึ้นมานำตลอดด ดีเลยแบบนี้ลงไปข้างหลังก็ได้ชอบเลย ปั่นไปสักพักสมาชิกก็เหลือแค่ 3 คนอีกคนเริ่มไม่ไหวเป็นคนตรังเเหมือนกับอีก 2 คน เลยชลอความเร็วรอคนที่หลุดไปสักพักก็กลับเขามารวมกลุ่ม ถามไปถามมาก็บอกว่าปั่นครั้งสุดท้ายก่อนหน้าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แล้วก็มาปั่น Audax 200 นี่เลย มิน่าละ แกเลยบอกว่าถ้าหลุดไปก่อนเลยเพราะจะไปเรื่อยตามแรงแล้ว แต่ในกลุ่มก็ยังบอกไปด้วยกันก็ปั่นลงเบาหน่อย พอปั่นมาสักพักก็แวะจอด เพื่อเติมน้ำมัน ไม่ผิดครับแวะเติมน้ำมัน แต่เป็นน้ำมันโซ่ เพราะโซ่มันดังเหลือเกินเพราะผ่านฝนมาซะขนาดนั้น พี่ขาลากแกชำนาญเส้นทางเจอร้านซ่อมมอเตอร์ไซด์แกแวะทักเลย บอกหยอดโซ่ให้หน่อยฟรีด้วยเลย 555

ปั่นมาอีกสักพักนึงเราก็เข้าสู่ถนนเรียบชายหาดมุ่งไปสู่หาดปากเมง ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สุดของเส้นทางนี้เลยวิวทะเลตัดกับเกาะแกด่งที่เราสามารถมองเห็นได้จากฝี่งมันทำให้บรรยากาศในการปั่นสุดแสนจะวิเษษ อีกทั้งยังเจอกับอุโมงต้นสนที่ปกลุ่มให้ความร่มรื่น กลุ่มปั่นมาทันพี่ท่านนึงถามพี่เขาตอนนี้อายุ 63 สนุกกับปั่นจักรยานมาก ตรงบริเวณนี้ผมแวะถ่ายรูปบ่อยมากเลยให้กลุ่มไปก่อนไปเจอกันที่จุดเช็คพ้อย เพราะวิวมันสวยเกินห้ามใจ เพราะพรุ่งนี้ผมก็จะพาครอบครัวมาพักแถวนี้พอดี


แล้วผมก็ปั่นตามมาสมทบที่จุดแวะที่ 7 เป็นจุดเช็คพ้อย CP3 หาดปากเมง อยู่ใกล้กับวงเวียนที่จะเลี้ยวไปตัวเมืองตรังกลุ่มก็รอผมอยู่ตรงบริเวณนี้ เราพักกันนานพอควรผมรีบหาร้านของชำเพื่อหาอะไรมาเติมพลังเพื่ออีก 30กว่ากิโลเมตรที่เหลือ จุดนี้ผู้จัดเตรียมสัปรดมาไว้ให้ต้องบอกว่าอร่อยมากกกกกก เพราะมันหวานถูกใจจริงๆ พอเริ่มหายเหนื่อยและก็เห็นกลุ่มใหญ่เชามาที่จุดเช็คพ้อยแล้วพวกเราก็ตัดสินใจปั่นออกไปดีกว่า พอปั่นเลี้ยวผ่านวงเวียนไปสักพักก็ได้ยินเสียงพี่คนที่เจออายุ 63 ทานข้าวอยู่แล้วแกยกแก้วเบียร์ชวนมาร่วมวงกันก่อน 5555 นับถือพี่แกจริงๆแกคงไม่ซะใจเลยขอเติมยาชูกำลังก่อนปั่น กำลังคิดว่าแกปั่นกลับไปจะถึงกี่โมงนะ

เส้นทางกลับสู่ตรังจากอำเภอสิเกา เป็นเนินขึ้นๆลงๆกินแรงเอาเรื่องจนสมาชิกในกลุ่มหลุดออกไปเลยตัดสินใจแวะพักที่ปั๊มน้ำมันที่อีก 20 กิโลเมตรที่จะถึงจุด Finish คนที่หลุดเริ่มเป็นตะคริวเลยเอาน้ำเย็นมาราดเสียขนานใหญ่ ว่าไปโดยปกติผมก็เป็นตะคริวที่ต้นขาแต่วันนี้แปลกไม่มีอาการเลยแม้จะใช้แรงพอควรในการไต่ขึ้นเนิน อาจจะเพราะฝนที่ตกมาเกือบทั้งวันทำให้ขาผมเย็นอยู่ตลอดก้เป็นได้ ตะคริวถึงไม่ถามหาผมเลยในวันนี้ พอปั่นออกจากปั๊มมาได้สักระยะคนเดิมก็เริ่มหลุมกลุ่มไปแล้ว ผมและอีกสองคนก็ตัดสินใจไม่รอแล้วเพราะเขาเองบอกว่าไม่เป็นไรจะค่อยๆไป ทีนี้เลยตั้งคราวเร็ว 33-35 ตลอดทางเป็นะระยะทางราว 15 กิโลเมตรจนมาถึงไฟแดงสุดท้ายที่เจ้าสู่ตัวเมืองตรังถึงได้ค่อยผ่อนค่อยๆปั่นเบาๆคลายกล้ามเนื้อก้นและแล้วเราก็มาถึงจุด Finish ที่โบศถ์คริสตรังกันเวลา 17:30 น. เป็นการปั่นที่สนุกมากเลยที่เดียวสำหรับตัวผม

มาปั่นที่ตรังรอบนี้แม้จะเสียค่าใช้จ่ายเยอะแต่ผมว่ามันคุ้มค่มากได้ความสนุกจากกันปั่นจักรยาน ได้พาครอบครัวมาเที่ยว ได้เจอเพื่อนใหม่ ได้เจอมิตรภาพของคนใต้ มันทำให้ผมประทับใจกับรายการ Audax Trang มากเลยที่เดียวมีพี่ๆหลายท่านชวนไปปั่น Audax หาดใหญ่-มาเลย์ สงสัยคงต้องมาแน่แล้วทีนี้ ขอขอบคุณผู้จัด
Audax trang มากที่วางเส้นทางได้น่าประทับใจและดูแลดีมาก ประทับใจมากเลยครับ
พันกว่ากิโลฯ เพื่อ Audax Trang 200
8 มิ.ย.61 ผมเดินทางมาพร้อมครอบครัวมายังจังหวัดตรัง ถึงแม้จะถึงช่วงบ่ายแต่ได้ไกด์ท่องถิ่นดีทำให้ได้ไปเที่ยวที่ทำให้ประทับใจมากกกกก แค่เปิดวันแรกก็โคตรคุ้มกับการตัดสินใจแล้ว
7:00 น. ทีมงานเริ่มนับถอยหลังและผู้ดร่วมปั่นก็เริ่มออกตัวกัน ผมปั่นแบบเบาๆที่สุดๆเกาะกลุ่มไปเรื่อยเพราะไม่ค่อยรู้เส้นทาง แต่ก็ปริ้น Cuesheet มาติดไว้แล้ว ปั่นไปปั่นมาก็เลื่อนลำดับมาอยู่กลุ่มที่สอง เจอพี่ๆอายุพอสมควรเยอะทีเดียวคุยกันขโมงโฉงเฉงเชียวเรื่องการปั่นในวันนี้ผมนี้แอบชื่นชมในใจ
ปั่นมาได้สัก 20 กิโลเมตร บรรยากาศขมุกขมัวก็เริ่มตั้งเค้าและในที่สุดฝนก็เริ่มเทลงมา ในที่สุดผมก็ได้ใช้อาวุธลับเสียทีซื้อมาเตรียมไว้ตั้งแต่ Audax ระยอง นั่นคือเสื้อกันฝนนั่นเอง ฝนเทกระหน่ำมาอย่างนักหลายคนหยุดพักหลายคนแต่ผมปั่นต่อไปเป็นข้อมดีที่มีเสื้อกันฝน ไม่ใช่ว่าไม่เปียก แต่เสื้อกันฝนมันทำให้ฝนไม่ถูกช่วงบนของตัวทำให้ไม่รู้สึกหนาวทำให้ปั่นไปได้เรื่อยๆถึงแม้เจอนำ้ฝนมากระทบหน้าอย่างหนักก็ตาม จุดพักแรกอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้รู้กแต่ว่าฝนตกหนักมากคนเช็คก็ออกไปยืนกลางฝนคอยปั๊มไห้แต่หารู้ไม่ว่าใบบันทึกเลอะหมด 555 เลยต้องบอกให้เขาไปอยู่ในรถและให้คนปั่นเข้ามาปั๊มตรางยางทีละคนไม่งั้นเละแน่
จุดแวะที่สอง Andaman Gateway อยู่บนเขาปั่นจากตีนเขาขึ้นไปราว 5กิโลเมตร ฝนตกหนักแต่ต้องปั่นขึ้นเขาเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก ทางที่ตรังกว้างมากรถก็ไม่เยอะ ทำให้ปั่นขึ้นเขาไม่มีอะไรต้องกังวลมาก แต่ต้องบอกว่ามาถึงจุดพักแบบทุลักทุเลพอควร เพาะฝนเท 555 ขนาดนเช็คระยะยังต้องหลบไปในรถเพื่อปั๊มตรายางให้ผู่ร่วมปั่น หลังจากนั้นผมก็ปั่นไปแบบงงเพราะไม่รู้เส้นทางอาศัยดูตาม Cuesheet ที่ให้มาแต่มันเริ่มเลอะเลือนเพราะฝนที่ตกอีกทั้งก็อธิบายเยอะไปเลยงง 555 ดีได้พี่ๆที่เขาปั่นเลยตามเขาไป ซึ่งจะบอกว่าบรรยายกาศและเส้นทางจักรยานที่ Andaman gateway สวยมากแม้ฝนจะตกก็ตาม
และแล้วก็มาถึง CP1 ที่เป็นจุดแวะที่สามอยู่ในปั๊มปตท.ทุ่งยาว มาถึงก็เป็นเวลา 11 นาฬิกานิดนิด ทีนี้ได้พักแล้วตั้งใจว่าจะพักเพียงครึ่งชั่วโมง เลยรีบจอดจักรยานแล้วลงบันทึกเวลาแล้วรีบเดินดิ่งไปเซเว่นเพื่อหาอะไรมาเติมพลังซึ่งผมไม่แวะทานข้าวมื้อกลางวันเพราะหลายครั้งที่ปั่นแวะทานข้าวแล้วรู้สึกมันจุกเหมือนอาหารมันไม่ย่อยแม้ว่าจะทิ้งเวลาให้อาหารย่อยแล้ว จึงเข้าเซเว่นเลือกแต่ขนมปังกับน้ำหวานเพื่อมาเติมพลังซึ่งทำไม่ค่อยให้จุก นั่งทานไปก็นั่งคิดว่าจะยังไปกับกลุ่มที่มากับเขาเมื่อกี้ดีไมีแต่นึกถึงแผนที่วางแล้วเลยไปต่อเลยดีกว่า พอเดินไปถึงจักรยาน ไมล์ดันดับเองตอนแรกนึกว่าโดนใครมาเล่นไมค์เสียแล้วแต่เปิดแล้วกดสตาร์ทใหม่ถึงรู้ว่าไมล์มันกลายเป็นบันทึก Lap เองแล้วดับไป เลยต้องสตาร์ทเลขไมล์ที่ กม.0 ใหม่ 555 ยุ่งหละต้องมาบวกเลขไมค์งงเลย
มาถึงจุดแวะที่ 5 สถานีรถไฟกันตัง สถานีสุดท้ายของทางรถไฟเส้นอันดามันมีอายุร้อยกว่าปี นึกไปถ้าไม่ได้มาออ-คงไม่ได้มีโอกาศมาเยือนอ.กันตังและสถานีรถไฟแห่งนี้แน่ คงแค่ได้จำชื่อสถานีนี้อย่างเดียว หลังจากมาถึงสถานีรถไฟกันตังผมรู้สึกตื่นเต้นพอลงบันทึกตราประทับเสร็จผมก็ถ่ายรูปเล่นที่สถานี้หลายมุมทีเดียว และก็สังเกตุเห็นนอกจากนักปั่นแล้วก็มีคนทั่วไปมาถ่ายรูปที่สถานี้กันหลากหลายพอควรอาจจะอารมณ์เดียวกันที่คงอาโอกาสมาสถานที่แห่งนี้แทบไม่ได้เลยนอกจากมาปั่นจักรยานนี่หละ นักปั่นหลายๆคนนำจักรยานมาล้างดินเศษโคลนที่มาเกาะจักรยานและเกียร์ที่สถานีนี้ ผมเองไม่ได้ล้างเพราะคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเดี๋ยวปั่นเสร็จค่อยเอากลับไปล้างทีเดียวแต่นั่นหละแล้วปัญหาก็ตามมา