ก่อนอื่นเพื่อป้องกันดราม่าที่อาจจะเกิดขึ้น ^^ มะม่วงขอแจงสักหน่อยก่อนนะคะ
1. มะม่วงเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง มีกิเลศ มีความฝัน และพยายามจะไม่ตัดสินความฝันใคร
2. มะม่วงมีปัจจัย 4 อยู่ในระดับที่มะม่วงพอใจแล้ว และพอจะมีเงินเก็บสำหรับยามแก่แล้ว
3. มะม่วงและสามีเสียภาษีรายได้ปีละ 7 หลัก และมีความเห็นตรงกันว่าเราทำดี ทำบุญ เพื่อสังคมมากพอแล้ว
4. กระเป๋าใบนี้เสียภาษีศุลกากรแล้ว : )
5. มะม่วงไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนเล่าออกสื่อ แต่มีหลังไมค์ถามมาหลายท่าน มะม่วงเลยคิดว่าเอามาเผยแพร่ไว้เผื่อจะมีประโยชน์กับสาวๆ ที่มีความฝันคล้ายๆ กันก็น่าจะดี (และอาจจะมี edit เพิ่มเรื่อยๆ เมื่อมีคำถามที่มะม่วงมีคำตอบแต่ไม่ได้เล่าถึง)
มาเริ่มกันเลยดีกว่า ^^
เทคนิคการเตรียมตัว ...
อันนี้ไม่ได้บอกว่าเป็น absolute ที่ต้องทำตามนะ คือเป็นอะไรที่มะม่วงเก็บตกจากการอ่านและดู youtube ประสบการณ์คนอื่นๆ มา ได้ใจความประมาณนี้...
1. ต้องมีความรู้ในแบรนด์
2. ต้องไม่ทำตัวเป็น tourist เมื่อเดินเข้าไปใน Hermes
3. ต้องซื้อของอย่างอื่นด้วย
กฎ 3 ข้อนี้ฟังดูง่าย แต่เอาเข้าจริงหลายคนก็บอกว่ามันทำไม่ง่าย
บางครั้งทำขาด
บางครั้งทำเกิน
ซื้อเยอะแต่ก็ยังไม่ได้กระเป๋าเลยด้วยซ้ำ
แถมของอื่นๆ ที่ล่อซื้อก็ยังต้องซื้อต่อไป...
เอาจริงๆ ก็มีความแอบกลัวว่าจะได้ประสบการณ์ไม่ดี แต่คุยกับสามีแล้วว่าทริปนี้ขอไปลองสักครั้งละกันนะ ของต่างๆ ที่จะซื้อก็คืออยากได้ ต่อให้ไม่ได้กระเป๋าก็เถอะ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ถือว่าเป็นประสบการณ์และความทรงจำอย่างนึงก็แล้วกัน สามีย้ำว่าห้ามจ๋อยนะ ^^
... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ^^
มะม่วงขอเล่าประสบการณ์วันนั้นอย่างละเอียดแล้วกันนะคะ อ่านเพลินๆ สนุกๆ ค่ะ (เดี๋ยวมีสรุปปิดตอนท้ายค่ะ ใครขี้เกียจอ่านยาวๆ ข้ามไปตอนท้ายได้เลย) ...
มะม่วงเดินทางเที่ยวฝรั่งเศสทั้งหมด 17 วัน
ความจริงมะม่วงมีเวลาที่ปารีสอยู่ 3+5 วัน แต่การไป Hermes Faubourg (Flagship) นั้นต้องทำการนัดวันต่อวัน อ่านขั้นตอนแล้วก็ไม่ยาก แต่อ่านประสบการณ์ท่านอื่นๆ แล้วรู้สึกไม่อยากเสียเวลาแบบนี้ เท่าที่ศึกษามาคือวันนั้นต้อง stand by รอ ซึ่งมะม่วงไม่อยากแกร่วรอแบบนั้น มะม่วงมีน้องดาวมิชลิน มี gastronomy cuisine ที่ต้องไปกิน มีภาพวาด อาคาร สวนสาธารณะที่อยากไปมากมาย (มะม่วงเอาชุดไปถ่ายรูปเยอะมากกก มีชุดไทยด้วยนะเออ) แผนการนี้ก็เลยเป็นอันล่มไป (แต่สุดท้ายก็มีได้ไปจนได้ //เอาไว้มาเล่าต่อวันอื่นละกันน้าาา)
ช่วงนึงของทริปมะม่วงได้มีจังหวะแวะที่เมืองเล็กๆ เมืองนึงที่มี Hermes พอดี ซึ่งมะม่วงยังไม่ได้เข้าร้านวันนั้นค่ะเพราะร้านปิดแล้ว ^^”

ชุดกางเกงทะมัดทะแมงสำหรับขึ้นรถไฟ ไต่กระได ลากกระเป๋า ^^"
เช้าวันต่อมา มะม่วงงัดเอาชุดที่คิดว่า represent ความเป็นเราได้มากที่สุดออกมา (จริงๆ งัดออกมาเกียมกัวตั้งแต่มะคืนแล้วหล่ะ ผ้ามันจะได้คลายความยับลงหน่อย 5555)
....
เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ
ขอไปกินข้าวก่อน ^^
ฝากติดตามเพจด้วยน้าาา www.fb.com/madamemamuang
IG : madamemamuang
LINE id : @madamemamuang
ซื้อกระเป๋าอย่างไรให้ได้กระเป๋า : ประสบการณ์การซื้อ Birkin จาก Hermes ครั้งแรก
1. มะม่วงเป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง มีกิเลศ มีความฝัน และพยายามจะไม่ตัดสินความฝันใคร
2. มะม่วงมีปัจจัย 4 อยู่ในระดับที่มะม่วงพอใจแล้ว และพอจะมีเงินเก็บสำหรับยามแก่แล้ว
3. มะม่วงและสามีเสียภาษีรายได้ปีละ 7 หลัก และมีความเห็นตรงกันว่าเราทำดี ทำบุญ เพื่อสังคมมากพอแล้ว
4. กระเป๋าใบนี้เสียภาษีศุลกากรแล้ว : )
5. มะม่วงไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนเล่าออกสื่อ แต่มีหลังไมค์ถามมาหลายท่าน มะม่วงเลยคิดว่าเอามาเผยแพร่ไว้เผื่อจะมีประโยชน์กับสาวๆ ที่มีความฝันคล้ายๆ กันก็น่าจะดี (และอาจจะมี edit เพิ่มเรื่อยๆ เมื่อมีคำถามที่มะม่วงมีคำตอบแต่ไม่ได้เล่าถึง)
มาเริ่มกันเลยดีกว่า ^^
เทคนิคการเตรียมตัว ...
อันนี้ไม่ได้บอกว่าเป็น absolute ที่ต้องทำตามนะ คือเป็นอะไรที่มะม่วงเก็บตกจากการอ่านและดู youtube ประสบการณ์คนอื่นๆ มา ได้ใจความประมาณนี้...
1. ต้องมีความรู้ในแบรนด์
2. ต้องไม่ทำตัวเป็น tourist เมื่อเดินเข้าไปใน Hermes
3. ต้องซื้อของอย่างอื่นด้วย
บางครั้งทำขาด
บางครั้งทำเกิน
ซื้อเยอะแต่ก็ยังไม่ได้กระเป๋าเลยด้วยซ้ำ
แถมของอื่นๆ ที่ล่อซื้อก็ยังต้องซื้อต่อไป...
เอาจริงๆ ก็มีความแอบกลัวว่าจะได้ประสบการณ์ไม่ดี แต่คุยกับสามีแล้วว่าทริปนี้ขอไปลองสักครั้งละกันนะ ของต่างๆ ที่จะซื้อก็คืออยากได้ ต่อให้ไม่ได้กระเป๋าก็เถอะ และไม่ว่าจะอย่างไรก็ถือว่าเป็นประสบการณ์และความทรงจำอย่างนึงก็แล้วกัน สามีย้ำว่าห้ามจ๋อยนะ ^^
... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ^^
มะม่วงขอเล่าประสบการณ์วันนั้นอย่างละเอียดแล้วกันนะคะ อ่านเพลินๆ สนุกๆ ค่ะ (เดี๋ยวมีสรุปปิดตอนท้ายค่ะ ใครขี้เกียจอ่านยาวๆ ข้ามไปตอนท้ายได้เลย) ...
มะม่วงเดินทางเที่ยวฝรั่งเศสทั้งหมด 17 วัน
ความจริงมะม่วงมีเวลาที่ปารีสอยู่ 3+5 วัน แต่การไป Hermes Faubourg (Flagship) นั้นต้องทำการนัดวันต่อวัน อ่านขั้นตอนแล้วก็ไม่ยาก แต่อ่านประสบการณ์ท่านอื่นๆ แล้วรู้สึกไม่อยากเสียเวลาแบบนี้ เท่าที่ศึกษามาคือวันนั้นต้อง stand by รอ ซึ่งมะม่วงไม่อยากแกร่วรอแบบนั้น มะม่วงมีน้องดาวมิชลิน มี gastronomy cuisine ที่ต้องไปกิน มีภาพวาด อาคาร สวนสาธารณะที่อยากไปมากมาย (มะม่วงเอาชุดไปถ่ายรูปเยอะมากกก มีชุดไทยด้วยนะเออ) แผนการนี้ก็เลยเป็นอันล่มไป (แต่สุดท้ายก็มีได้ไปจนได้ //เอาไว้มาเล่าต่อวันอื่นละกันน้าาา)
ช่วงนึงของทริปมะม่วงได้มีจังหวะแวะที่เมืองเล็กๆ เมืองนึงที่มี Hermes พอดี ซึ่งมะม่วงยังไม่ได้เข้าร้านวันนั้นค่ะเพราะร้านปิดแล้ว ^^”
ชุดกางเกงทะมัดทะแมงสำหรับขึ้นรถไฟ ไต่กระได ลากกระเป๋า ^^"
....
เดี๋ยวมาเล่าต่อค่ะ
ขอไปกินข้าวก่อน ^^
ฝากติดตามเพจด้วยน้าาา www.fb.com/madamemamuang
IG : madamemamuang
LINE id : @madamemamuang