นกเพนกวินขยายพันธุ์ในทุ่งสังหาร Falklands






หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ Falklands
เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้
ระยะทางประมาณ 300 ไมล์ทางตะวันออก
ของชายฝั่ง Patagonian ใต้ของอเมริกาใต้
หมู่เกาะแห่งนี้มีเกาะต่าง ๆ มากกว่า 776 เกาะ
เป็นดินแดนโพ้นทะเลอังกฤษตั้งแต่ปี 1833
แม้ว่าอาร์เจนตินาจะอ้างว่าหมู่เกาะเหล่านี้
อยู่ในดินแดนของตนมาเป็นเวลานานแล้ว
หลังจากประกาศเอกราชจากสเปญในปี 1816
แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมาก
เพราะกองเรือรบ ยังห่างชั้นจากอังกฤษมาก
ทำให้ทั้งสองประเทศนี้มีข้อพิพาท
เรื่องหมู่เกาะแห่งนี้กันมาอย่างยาวนาน

ในปี 1982
อาร์เจนตินาจึงได้เข้ายึดครองหมู่เกาะดังกล่าว
ทำให้เกิดสงครามระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินา
ที่เรียกกันว่าสงคราม Falklands War

ในช่วงระยะเวลา 10 สัปดาห์
ช่วงทำสงครามขั้นแตกหักนั้น
ทหารอาร์เจนตินาตายจำนวน 650 คน
ทหารของอังกฤษตายจำนวน 250 คน
ชาวเกาะฟอล์กแลนด์ตาย 3 คน
ในที่สุดเกาะฟอล์กแลนด์
ก็ตกเป็นของอังกฤษดังเดิม

แต่ผู้ชนะที่แท้จริง คือ
นกเพนกวินของเกาะฟอล์กแลนด์


ในช่วงศตวรรษที่ 18
เป็นช่วงเวลาที่นิยมการล่าปลาวาฬมาก
อุตสาหกรรมน้ำมันปลาวาฬกำลังเฟื่องฟูมาก
หมู่เกาะ  Falklands เป็นสถานที่เหมาะสมมาก
สำหรับการล่าปลาวาฬ/สกัดน้ำมันจากปลาวาฬ

โดยกระบวนการผลิตน้ำมันปลาวาฬนั้น
จะมีการตัดแยกไขมันออกจากตัวปลาวาฬ
และไขมันจะถูกต้มในน้ำเดือด
เพื่อให้เหลวในถังขนาดใหญ่
ก่อนที่จะเทกรองแยกไขมันปลาวาฬ
ออกจากน้ำที่ต้มในถังขนาดใหญ่

แต่หมู่เกาะ Falklands ปราศจากต้นไม้
มีพืชชนิดเดียวที่นี่ที่มีมาก
คือ พุ่มไม้เล็ก ๆ ที่ทนต่อแรงลม
ซึ่งแทบไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
แทบใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงไม่ได้

แต่เรื่องที่ถือว่าโชคดีของนักล่าปลาวาฬ
แต่จัดว่าเป็นโชคร้ายของพวกนกเพนกวิน
ที่กลายเป็นทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์บนเกาะ
คือ การใช้น้ำมันจากไขมันของนกเพนกวิน
เป็นเชื้อเพลิงทดแทนต้นไม้บนเกาะ
เพราะพวกเพนกวินมีชั้นไขมันสะสม
จำนวนมากอยู่ใต้ผิวหนังของพวกมัน
ทำให้พวกนักล่าปลาวาฬรู้ดีว่า
ไขมันของพวกนกเพนกวิน
เป็นเชื้อเพลิงที่ทดแทนได้ดีเยี่ยม
รวมทั้งนกเพนกวินไม่ใช่เป็น
พวกสัตว์นักสู้/ดุร้าย แต่ค่อนข้างเชื่อง
ตามนิสัยดั้งเดิมธรรมชาติ
ยิ่งทำให้ง่ายต่อการจับมาทำเชื้อเพลิง

ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ไฟฟืนเริ่มมอดลง
พวกนักล่าปลาวาฬก็คว้านกเพนกวินไม่กี่ตัว
แล้วโยนลงในกองไฟทั้งตัวเป็นเป็นเลย

จนกระทั่งธุรกิจน้ำมันปลาวาฬ
ต้องเลิกกิจการลงในปี 1860
เพราะมีนักวิทยาศาสตร์ผลิตไขมัน
จากน้ำมันปิโตรเลียมทดแทน
ในราคาถูกกว่าน้ำมันปลาวาฬ

แต่พวกนกเพนกวินนับล้านตัว
ก็ถูกเผาไหม้เป็นเชื้อเพลิง
มานานกว่า 300 ปีที่ผ่านมา

ทั้งที่ก่อนหน้านั้น
ก่อนที่ชาวยุโรปจะมาถึงหมู่เกาะ Falklands
บรรดาเกาะแก่งต่าง ๆ เต็มไปด้วย
กองทัพเพนกวินมากกว่า 10 ล้านตัว
แต่ตัวเลขนี้ลดลงถึง  95%
เพราะการฆ่าอย่างล้างผลาญของ
นักล่าปลาวาฬและการทำประมง
อย่างหนักหน่วงของผู้รับใจอนุญาต
หลังสงคราม Falklands สิ้นสุดลง
ที่อังกฤษขายใบอนุญาตหาเงินเข้ารัฐ



เมื่อ อาร์เจนตินาต้องการให้เกาะ Falklands
กลับมาในอ้อมแขนของประเทศตน
และเพื่อยับยั้งทหารอังกฤษเข้ายึดครอง
หรือยกพลขึ้นบกในพื้นที่บนเกาะแห่งนี้

ทหารอาร์เจนตินาจึงได้วางทุ่นระเบิดสังหาร
มากกว่า 20,000 ลูกตามบริเวณชายหาด
และทุ่งหญ้าใกล้เมืองหลวงเกาะ Falklands  

แม้ว่าสงคราม Falklands War สิ้นสุดลงแล้ว
รัฐบาลอังกฤษก็พยายามกวาดล้างทุ่นระเบิด
แต่เป็นความพยายามที่ไร้ผล
ทั้งยังอันตราย/ลำบากอย่างแรง
ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงตัดสินใจ
ที่จะปิดกั้นบริเวณที่เป็นทุ่งสังหาร
ที่มีกับระเบิดยังไม่เก็บกู้ขึ้นมา
โดยปิดป้ายเตือนให้ผู้คน
ให้ออกห่างจากพื้นที่บริเวณดังกล่าว

แต่ทุ่งสังหารที่มีทุ่นระเบิดเหล่านี้
กลับกลายเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์
โดยไม่ได้ตั้งใจสำหรับพวกนกเพนกวิน
พวกมันมีน้ำหนักเบามาก
จนเหยียบทุ่นระเบิดได้โดยไม่ระเบิด

ดังนั้น พวกนกเพนกวินจึงเดินไปรอบ ๆ
ในพื้นที่ทุ่งสังหารได้อย่างสบายใจ
ในการหาคู่เพื่อทำรัง/เดินเตาะแตะ
ภายในบริเวณดังกล่าวเพื่อผสมพันธุ์
ทำให้ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา
จำนวนประชากรนกเพนกวินจึงได้เพิ่มขึ้น
จกทุกวันนี้ หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
มีนกเพนกวินกว่า 1 ล้านตัวแล้ว

เขตรักษาพันธุ์ที่แปลกประหลาดแห่งนี้
ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
เหมาะสมอย่างยิ่งกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
โดยไม่จำเป็นต้องกำจัดทุ่นระเบิดออกไปอีกเลย



หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
มีคนอาศัยราว 3,000 คน
แต่มีแกะราว 700,000 ตัว
และยังมีสถานที่ประมงอีกหลายแห่ง
แต่มีประชากรนกเพนกวินจำนวนมหาศาล
จาก 5 สายพันธุ์ที่แตกต่างกัน
ได้แก่ Southern Rockhoppers นักกระโดดบนหินผาชาวใต้
Magellanic นักเดินเรือชื่อดัง
King ราชาอังกฤษ Gentoo นักสวดเสียงดัง
และ Macaroni นักแฟชั่น/อาหารเส้นอิตาลี

ชื่อของนกเพนกวินเหล่านี้
ได้มาตามพฤติกรรมและรูปร่างของพวกมัน
จำนวนประมาณการนกเพนกวินทั้ง 5 ชนิด
รวมกันในตอนนี้ราว 1 ล้านตัว
จากเดิมที่มีอยู่ประมาณการ 10 ล้านตัว
แต่ตายเพราะนักล่าปลาวาฬ
และการทำประมงกันอย่างมากมาย
แบบเอาคืน/หารายได้หลังสงครามสิ้นสุดลง

แม้ว่าปรากฏการครอบครอง
หมู่เกาะฟอล์กแลนด์โดยอังกฤษ
จะเป็นเรื่องที่ปวดร้าวใจ
ของชาวอาร์เจนติน่า
ที่ต้องสูญเสียดินแดนไป

แต่ที่ผ่านมา
ผู้นำอาร์เจนตินาก็ไม่เคยทำการใด ๆ
ที่จะเรียกร้องเรื่องนี้อย่างจริงจังเลย

ในเวลาต่อมา รัฐบาลทหารซึ่งนำโดย
นายพล Leopoldo Galtieri
ผู้ซึ่งกำล้งตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก
เพราะประชาชนไม่นิยมผลงานบริหาร
ทั้งยังมีข้อครหาในเรื่องการลักพาตัว
เข่นฆ่าผู้นำฝ่ายค้าน รวมทั้งการสังหารหมู่
ฝ่ายซ้าย แนวร่วมฝ่ายซ้าย และชาวบ้าน

ทำให้นายพล Leopoldo Galtieri
เริ่มรู้สึกกังวลอย่างมาก กลัวถูก Check Bill
ยิ่งเศรษฐกิจอาร์เจนตินาเริ่มตกต่ำลง
ความกลัวว่าจะเกิดการจลาจลขึ้นในชาติ
จากชาวบ้านที่เริ่มไม่พอใจรัฐบาลเผด็จการ

นายพล Leopoldo  Galtieri จึงปลุกระดม
ความรักชาติด้วยการบุกยึด Falklands
ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้มีการเตรียมการ
ป้องกันการโจมตีทางทหารแต่อย่างใด

ในวันที่ 2 เมษายน 1982
อาร์เจนตินาจึงได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว
และประกาศชัยชนะเหนืออังกฤษ
ในดินแดนหมู่เกาะ Falklands

แต่ความสำเร็จของอาร์เจนติมา
มีระยะเวลาที่สั้นมาก และเป็นโชคร้าย
อย่างแรงสำหรับ Leopoldo Galtieri
เพราะเจอกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษ
Margaret Thatcher นางสิงห์เหล็ก เจ้าของวาทกรรม
การเมืองต้องเลือกข้าง
คุณจะวางตัวเป็นกลางไม่ได้
เพราะถ้าคุณยืนอยู่กึ่งกลางถนน  
คุณมีโอกาสจะถูกรถยนต์
ชนตายได้ทั้งสองข้าง


นางสิงห์เหล็กก็ไม่พอใจ
รัฐบาลเผด็จการทหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แม้ว่าหมู่เกาะนี้ไม่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
และอังกฤษก็ไม่มีผลประโยชน์มากมาย
ที่จะกอบโกยได้ในดินแดนนี้เลยก็ตาม

แต่อังกฤษก็โจมตีตอบโต้กลับในเวลาต่อมา
เพื่อคงไว้ซึ่งศักดิ์ศรี/อธิปไตย เจ้าของฉายา
ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน
เพราะในอดีตอังกฤษมีอาณานิคมทุกทวีป
ตั้งแต่ ออสเตรเลีย  เอเซีย อัฟริกา
ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ในช่วงสงครามหมู่เกาะ Falklands
อังกฤษใช้เวลาเตรียมการรบไม่เกิน 2 เดือน
อังกฤษก็มีชัยเด็ดขาดเหนืออาร์เจนติน่า
พร้อมกับนำความล่มสลายให้กับ
รัฐบาลเผด็จการ Leopoldo Galtieri ในที่สุด



หลังจากสงครามสงบลงแล้ว
ผู้นำอังกฤษเพิ่งจะตระหนักว่า
ได้ใช้เงินไปหลายล้านปอนด์ในการนี้
เพื่อยืนยันสิทธิหมู่เกาะ Falklands
และน่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
ในการที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริง
ให้ประชาชนเชื่อว่าค่าใช้จ่าย
ในการทำสงครามคราวนั้น
คุ้มค่ามากคุ้มจริง ๆ ยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มยิ่งกว่า แฟลตปลาทอง

วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำได้คือ
ให้หมู่เกาะ Falklands เป็นแหล่งประมง
ดังนั้น รัฐบาลอังกฤษจึงจัดตั้ง
เขตการประมงขึ้นมารอบ ๆ เกาะ
และเริ่มขายใบอนุญาตให้กับทุกคน
ตั้งแต่ชาวเกาะท้องถิ่น ไปจนถึง
บริษัทประมงขนาดใหญ่ระดับนานาชาติ
แม้ว่าจะเป็นแผนการที่ดี
และแสนชาญฉลาดที่จะหาทุนคืน

แต่ยกเว้นสำหรับนกเพนกวิน
ที่หาปลาอยู่ในแหล่งประมงแห่งนึ้
การแข่งขันแย่งชิงอาหารกับคน
กลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่กว่า
หนักหนาสาหัสกว่านักล่าปลาวาฬในอดีต
เพราะเพียงแค่ 10 ปี
จำนวนนกเพนกวินของหมู่เกาะต่าง ๆ
ลดลงจาก 6 ล้านตัวเหลือน้อยกว่า 1 ล้านตัว

ผลของสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์
และอุปทานที่ลดน้อยลงของปลา
ในแหล่งประมงเขตพื้นที่เกาะแห่งนี้
พร้อมกับข้อเรียกร้องอย่างจริงจัง
เรื่องผลกระทบต่อนกเพนกวินท้องถิ่น
จึงนำไปสู่การเจรจาทางการเมือง
ระหว่างประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป
พยายามหันหน้าเจรจาทางการทูต
มากกว่าการทำสงครามระหว่างกัน

ผลที่ตามมาทั้งสองฝ่ายต่างไม่เต็มใจ
ที่จะเสี่ยงทำสงครามกันอีก
เพราะต้องทุ่มเททรัพยากรลงไป
แบบขาดทุนกันทั้งสองประเทศ
แบบสันติภาพมีต้นทุน/ค่าใช้จ่าย
โดยรวมมักจะน้อยกว่าการทำสงคราม

แม้ว่าจะมีการสำรวจ
การขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งฟอล์กแลนด์
โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่า
มีน้ำมันใต้ทัองทะเลแถวนี้
น้ำมันที่มีมูลค่าราว 11 พันล้านบาร์เรล

แต่ยังมีข่าวดี
สำหรับพวกนกเพนกวินทั้งมวล
เพราะตราบใดที่ยังมีความตึงเครียด
และความขัดแย้งที่แหลมคม
ระหว่างทั้งสองประเทศยังคงอยู่  
แบบยังไม่ใช่มิตร  ยังไม่ใช่ศัตรู

พวกนกเพนกวิน
บนหมู่เกาะ Falklands
ก็ยังอยู่ได้อย่างสงบ
เพราะใครจะเข้าไปทำอะไร
ไม่ได้ง่าย ๆ มีก้างขวางคออยู่

ในขณะที่  พื้นที่ส่วนอื่น ๆ ของโลก
ถ้ามีน้ำมันที่รั่วไหลออกมา
จากสถานีขุดเจาะน้ำมัน

เรื่องนี้ได้พิสูจน์แล้วว่าคือ
มหันต์ภัยอย่างร้ายแรง
สำหรับพวกนกเพนกวิน
ทึ่ต้องอาศัยน้ำมันในขนพวกมัน
เพื่อที่จะรักษาความสมดุลย์
และการพยุงตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่เมื่อถูกกับน้ำมันดิบแล้ว
พวกนกเพนกวินจะจมลง
และจมน้ำตายหรือต้องลอยตัว
อยู่บนน้ำและอดตายในที่สุด


เรียบเรียง/ที่มา


http://bit.ly/2JmfidL
http://bit.ly/2kYaQYt
http://bit.ly/2JeTDZ4
































แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่