[CR] Girls Trip in Kansai💕 - Day 2 ตระเวนขอพรเรื่องความรักในเกียวโต

มาต่อแล้วค่า ต่อจากกระทู้ที่แล้ว

วันที่ 1 วัดเจ้าแม่กวนอิม Nakayama – Takarazuka เดินเที่ยวย่านไฮโซของคันไซ – Cup Noodle Museum - แช่ออนเซ็นที่ Minoh - คาเฟ่นกฮูก – แช่ออนเซ็นชมวิวที่โรงแรม Minoo Kanko Hotel Mino Onsen Spa Garden
https://pantip.com/topic/37723505

วันที่ 2 ศาลเจ้า Matsuo Taisha – ร้าน Dampurin – ลอดอุโมงค์ตัดความสัมพันธ์เก่าเชื่อมความสัมพันธ์ใหม่ที่วัด Yasui Konpiragu – Rocco&Friends Truck – ศาลเจ้า Jishu Jinja – วัด Wakamiya Hachimangu – บุฟเฟ่ต์ผักเกียวโต – เดินเล่นแถวสถานีอุเมะดะ
https://pantip.com/topic/37744242

วันที่ 3 โรงงานผลิตเหล้าญี่ปุ่น Kikumasamune และ Hakutsuru – เดินเล่นนัมบะ หมู่บ้านอเมริกา
https://pantip.com/topic/37793229

วันที่ 4 เดินเล่นที่เมือง Arima - Grill Rokko – แช่ออนเซ็นที่ Arima Onsen Taikounoyu – ร้านของฝาก Yoshitakaya
https://pantip.com/topic/37793748

ไปเที่ยวกันต่อค่า วันนี้สำหรับใครที่นกตลอดแบบพวกเรา ตามมาเลยยยย




ตื่นเช้ามาก็ต้องมาเติมพลังกันก่อน เริ่มกันที่อาหารเช้าของโรงแรมค่า เนื่องจากที่นี่เป็นออนเซ็น ของที่ห้ามพลาดก็คือ ไข่ออนเซ็นค่ะ ใครที่ติดใจเค้ามีขายด้วยน้า แต่เราไม่ได้ซื้อ เพราะถ้าให้ขนกลับไปไทยคงไม่ไหว 5555


อาหารเช้าที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้อาหารเย็นเลยยย
หลังจากเติมพลังกันเรียบร้อย ได้เวลาออกเดินทางกันค่า วันนี้เราจะใช้พาส Hankyu Tourist pass แบบ 2 วัน ต่อจากเมื่อวานเลยจ้า สถานที่แรกที่จะไปคือศาลเจ้า Matsuo-Taisha โดยออกเดินทางจากสถานีมิโนะค่ะ


ในที่สุดก็มาถึงสถานี Matsuo-Taisha แล้ว พอลงจากสถานีก็จะเจอเสาศาลเจ้าอันใหญ่ๆ เดินเข้าไปเลยค่ะ


เดินเข้าไปก็จะเจอเสาศาลเจ้าอีกอันนึง ที่เป็นเสาหน้าศาลเจ้าค่ะ


พอเข้าไป ถ้าเดินตรงไปจะเป็นศาลเจ้า ทางซ้ายมือเป็นพิพิธภัณฑ์โรงผลิตเหล้าญี่ปุ่น ทางขวาเป็นร้านอาหารค่ะ


เราเลือกที่จะไปไหว้พระกันก่อน ที่นี่เขามีจุดที่มีชื่อเสียงเยอะมาก เมื่อเดินเข้าไป สิ่งแรกที่สะดุดตาคือ ไม่ว่ามองไป

ทางไหนก็จะมีแต่รูปปั้นเต่าและปลาคาร์ฟ เนื่องจากที่วัดนี้นับถือเต่าปลาคาร์ฟคู่เป็นสัตว์ที่นำโชคลาภ


นอกจากเต่าและปลาคาร์ฟแล้ว ยังมีกระดิ่งเสี่ยงทายด้วยย เราก็เพิ่งเคยเห็นที่นี่เป็นที่แรก ส่วนวิธีการเสี่ยงทายก็
เหมือนช้างเสี่ยงทายตามบ้านเราเลยค่า ใครที่อยากลองเสี่ยงทายดู ลองแวะมานะคะ


ถัดมาจากกระดิ่งเสี่ยงทายก็คือต้นไม้สามีภรรยา เป็นต้นไม้ใหญ่ 2 ต้น ที่ตายไปแล้ว แต่ยังคงติดกันอยู่ เป็นจุดที่คนมา
ไหว้เพื่อขอพรเรื่องความรักค่ะ และแน่นอน นี่คือเป้าหมายของพวกเรา 5555


ด้านซ้ายมือของต้นไม้สามีภรรยา ก็เป็นอีกจุดหนี่งที่ทำให้ชื่อนี้มีชื่อเสียง คือจุดที่มีถังเหล้าวางเรียงรายอย่างสวยงาม


จริงๆแล้วที่วัดนี้ ถูกเรียกอีกชื่อว่า วัดแห่งสาเก เพราะมีเทพเจ้าแห่งเหล้าสาเก ประดิษฐานอยู่ ทำให้ผู้คนแห่กันมาถวายเหล้า รวมถึงลูกสนที่ใช้บอกว่าเหล้าที่ถูกหมักได้ที่รึยัง


ถึงจะบอกว่าลูกสน แต่จริงๆแล้วคือลูกที่ทำจากใบสนค่ะ
ไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็ต้องมาแวะซื้อเครื่องรางกันค่ะ เนื่องจากที่นี่คือวัดแห่งเหล้าสาเก จึงมีเครื่องราง 3 แบบที่เป็นที่นิยม แบบแรกคือเครื่องรางสีชมพูทางด้านขวาสำหรับผู้ผลิตเหล้า ส่วนสีขาวทางด้านซ้ายคือเครื่องรางสำหรับผู้ขาย ส่วนด้านซ้ายล่างคือสำหรับผู้ดื่มค่ะ


นอกจากนี้ยังมีเซียมซีทำนายรักด้วย แน่นอนว่าพวกเราไม่พลาด หยิบติดมือมาคนละแผ่น ถ้าจำไม่ผิด ราคา 200 เยนค่ะ


ชอบที่มีตุ๊กตากระดาษมาด้วย ไม่ต้องถามเลยว่าตอนหยิบเลือกจากอะไร 55555 น่าร้ากกก
ไปต่อกันที่จุดต่อไปเลยค่ะ เราเดินอ้อมกันมาที่หลังวัด จะมีทางเข้าเล็กๆ เดินลอดเข้ามาเลยยย ก็จะเจอกับเต่าพ่นน้ำศักดิ์สิทธิ์ค่ะ คนญี่ปุ่นเขาเชื่อว่าน้ำมนต์นี้ ในสมัยก่อนเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ถ้าคนตายดื่ม จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาค่ะ ที่นี่มีขวดน้ำขายด้วย สำหรับคนที่อยากนำกลับบ้าน เรารู้สึกว่าวัดนี้มีความใกล้เคียงกับวัดพุทธที่ไทยมากที่สุด


ด้านหลังของบ่อน้ำมีน้ำตกอยู่ค่ะ เป็นอีกจุดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเยอะมากๆ เพราะตรงหินของน้ำตก ถ้ามองดีๆจะเห็นหน้ายักษ์อยู่ค่ะ


เห็นหน้ายักษ์กันมั้ยคะ เป็นหน้าแบบนี้ค่ะ

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Tengu.png

ทางด้านขวาจะมีสวนที่เป็นผลงานของนักสถาปนิก และผู้สร้างสวนหินญี่ปุ่น ชื่อดังอย่าง Shigemori Mirei ส่วนนี้ต้องเสียเงินเพิ่มคนละ 500 เยน เพื่อเข้าชมค่ะ


เป็นสวนที่จำลองมากจากลำธารค่ะ ว่ากันว่า Shigemori Mirei ได้ทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อสร้างสวนแห่งนี้ จนล้มป่วย และเสียชีวิต สวนแห่งนี้จึงเป็นสวนสุดท้ายของท่านค่ะ ด้านข้างมีห้องจัดแสดงองค์พระที่อยู่ในศาลเจ้าด้วยค่ะ แต่เป็นส่วนที่ห้ามถ่ายรูป เราเลยไม่ได้ถ่ายมา

หลังจากชมวัดเสร็จแล้ว เราก็เดินออกมาทางเดิม ไปชมโรงผลิตเหล้าสาเกค่ะ มีจุดถ่ายรูปน่ารักๆด้วย และพวกเราก็ไม่พลาดอีกตามเคย 55555

บางทีก็แอบคิดว่าเพื่อนเลียนแบบได้เหมือนเกิน 5555


ด้านในของโรงผลิตเหล้าค่อนข้างเล็ก ดูเหมือนเป็นพื้นที่พักผ่อนขนาดย่อม


หลังจากใช้พลังงานไปเยอะ ได้เวลาทานข้าวกลางวันแล้ววว เราเห็นในวัดมีร้านอาหาร พอลองหาดูแล้วเป็นร้านดังซะด้วย เลยเดินเข้าไปแบบไม่คิดเลยค่า ด้านหน้าร้านเป็นแบบนี้ ชื่อร้าน Dampurin ค่ะ


ที่ร้านนี้มีเมนูไม่เยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นอุด้งกับ โซบะค่ะ เราเลือกสั่งกันคนละชาม เราสั่งเท็มปุระโซบะ ส่วนเพื่อนเราสั่งนิชินโซบะหรือโซบะปลาซาร์ดีนมา


นิชินโซบะ เป็นอีกหนึ่งอาหารชื่อดังของเกียวโตที่คนไทยไม่ค่อยทราบกันค่ะ ตัวปลาซาร์ดีนจะมีรสชาติเค็มๆหวานๆ โดยหวานเป็นหลัก
อีกเรื่องนึงที่หลายคนอาจจะไม่เคยสังเกต น้ำซุปโซบะของทางฝั่งคันโตนั้น จะมีสีเข้มกว่าทางฝั่งคันไซ รสชาติก็เช่นกันค่ะ สังเกตได้จากในภาพ สีของน้ำซุปค่อนข้างที่จะใสจนเห็นเส้นโซบะด้านล่างได้ชัด ส่วนตัวเราชอบแบบใสมากกว่า เพราะรู้สึกว่าของทางฝั่งคันโตเค็มเกินไป
ยังมีอีกหนึ่งอย่างเป็นของเด็ดของร้านนี้ค่ะ มิทาราชิดังโงะ หรือดังโงะซอสโชยุนั่นเองงงง


ตอนมาเสิร์ฟ แอบงงนิดหน่อยว่าทำไมถึงทำลูกเล็ก เพราะปกติที่เราเคยทาน เค้าจะทำเป็นไม้ละ 3 ลูกใหญ่ๆ แต่ที่นี่ทำลูกเล็กมากก พอทานเข้าไปแล้วถึงกับอ๋ออออ เหตุผลที่ทำลูกเล็ก เพื่อให้ทานได้ทั้งลูกในคำเดียว เลยทำให้เราได้รสของน้ำโชยุทุกคำที่ทาน และด้านนอกก็กรอบหอม ส่วนด้านในเหนียวนุ่มมากๆ สมกับที่เป็นของขึ้นชื่อเลยค่ะ ใครผ่านไปลองแวะไปทานนะคะ

ชื่อสินค้า:   Kansai Area, Japan
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่